ในสนามรบของธุรกิจ SME ความไวและความสะดวกถือเป็นอาวุธสำคัญที่ช่วยสร้างประสบการณ์ให้ผู้บริโภค โดยเฉพาะในยุคที่เครื่องมือทางธุรกิจมีมากมายจนเลือกใช้ไม่ถูก หรือบางธุรกิจมีเครื่องมือต่างๆ มากมายเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคิดเงิน, เครื่องรูดบัตร EDC ที่แยกต่างหาก, สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตสำหรับรับออเดอร์จากแอปเดลิเวอรี, และอาจจะมีสมุดจดเล่มเล็กๆ สำหรับบันทึกสมาชิกหรือแต้มสะสม
ภาพเหล่านี้สะท้อน “ความจริง” ที่ผู้ประกอบการ SME ต้องเผชิญกับเทคโนโลยีที่ทำหน้าที่แยกจากกัน ทำให้เกิดต้นทุนแฝงทั้งในแง่ของเงินทุน เวลา และข้อมูล ที่แม้จะมีหน้าที่เกี่ยวข้องกันแต่กลับไม่เชื่อมโยงเข้าหากัน แต่ดูเหมือนว่า “Super EDC” เครื่องมืออัจฉริยะสำหรับธุรกิจจะเข้ามาแก้ Pain Point ของธุรกิจในยุคนี้ ด้วยฟีเจอร์การทำงานที่ผสานทุกอย่างไว้ในเครื่องเดียว ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่เกิดจากความร่วมมือของ 3 ธุรกิจอย่าง Jaidee Mini Program, NTT DATA และ Pay Solutions
ถอดรหัส Pain Point ของ SME
ก่อนจะไปดูว่า Super EDC ทำอะไรได้บ้าง เราต้องเข้าใจก่อนว่าที่ผ่านมา SME ต้องเจอกับอะไรบ้าง แล้วทำไมต้องพัฒนา Super EDC เพื่อทลายกำแพงและเป็นทางออกให้กับธุรกิจ SME
Pain Point ที่สำคัญอันดับแรก คือ การแข่งขันที่รุนแรง SME จำเป็นต้องใช้เครื่องมือเพื่อเสริมศักยภาพให้กับธุรกิจ แต่อุปกรณ์เหล่านั้นกลับต้องซื้อหรือเช่าแยกกันต่างหาก ทั้งเครื่อง POS ที่มีระบบจัดการการขายหน้าร้านที่มีทั้งค่าใช้จ่ายฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์แบบรายเดือนหรือรายปี แล้วก็ต้องติดต่อธนาคารเพื่อขอเครื่อง EDC มารับชำระเงิน ซึ่งมีค่าเช่าและค่าธรรมเนียมแยกต่างหากจากเครื่อง POS
และหากอยากทำระบบสมาชิก (CRM Loyalty) ก็ต้องลงทุนกับระบบ CRM อื่นเพิ่มเติมอีก ซึ่งทุกอย่างแยกส่วนและมีค่าใช้จ่ายเป็นของตัวเอง ทำให้ต้นทุนรวมต่อเดือนของธุรกิจสูงขึ้นตามการใช้เทคโนโลยีเพื่อเสริมศักยภาพธุรกิจ
และเพราะอุปกรณ์ที่มีมากมายทำให้เกิด Pain Point ต่อมา คือ การที่พนักงานต้องสลับอุปกรณ์ไปมา ส่งผลให้เกิดกระบวนการที่ยุ่งยากและใช้เวลานาน คงไม่มีใครชอบร้านที่ต้องรอจ่ายเงินทั้งที่ต้องรีบด้วย แถมยังเพิ่มความเสี่ยงผิดพลาดของพนักงานอีกด้วย
ทีนี้พออุปกรณ์มีหลายชนิด ข้อมูลก็แต่ละอุปกรณ์ก็จะมีมากมาย แค่ลูกค้าหนึ่งรายอาจมีข้อมูลได้มากกว่าหนึ่งรูปแบบ นั่นคือ Pain Point สำคัญที่ทำให้ธุรกิจไม่สามารถนำข้อมูลที่มีมาใช้ได้ เพราะมีข้อมูลที่มากเกินไปและไมาเชื่อมโยงกันทำให้ไม่รู้ว่าข้อมูลไหนบ้างเป็นของลูกค้าแต่ละราย
นี่คือ Pain Point หลักของธุรกิจที่เกิดขึ้น ซึ่ง Super EDC เข้ามาแก้ทุก Pain Point ที่เกิดขึ้นตั้งแต่การรวมทุกฟีเจอร์การใช้งาน ทั้งเป็นเครื่อง POS รับชำระเงินผ่านทุกช่องทางทั้ง บัตรเครดิต QR Code หรือแม้แต่ e-Wallet ทั้งในไทยและในต่างประเทศอย่าง AliPay พร้อมระบบหลังบ้านที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลช่วยวางแผนการทำธุรกิจ ทั้งหมดนี้เริ่มต้นเพียง 850 บาทต่อเดือน และเพราะใช้เพียงเครื่องเดียวจบทำให้ธุรกิจสามารถเห็นข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละรายได้ชัดเจน
อุปกรณ์เดียวที่มี ecosystem อยู่ในมือ
โดย พี่ป้อม ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อีฟราสตรัคเจอร์ และ บริษัท เพย์โซลูชั่น จำกัด หนึ่งใน 3 พันธมิตร มองว่า “จุดเริ่มต้นของ Super EDC มาจากความตั้งใจของ Pay Solutions ที่ต้องการช่วยให้ SME ไทยก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง เราเห็นโอกาสและ Pain Point ของร้านค้าที่ต้องใช้หลายระบบและต้นทุนสูง จึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อสร้างเครื่องมือที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับร้านค้าไทย”

อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า Super EDC เป็นเครื่องมือที่รวมหลายอุปกรณ์เข้ามาไว้ในเครื่องเดียว ไม่ว่าจะเป็น
- EDC (Electronic Data Capture): ที่รับการยกระดับโดย NTT DATA Payment Services ให้รองรับการชำระเงินทุกรูปแบบอย่างไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต, e-Wallet ทั้งของไทยและต่างประเทศ
- POS (Point of Sale): ระบบที่พัฒนาโดย Jaidee Mini Program ไม่ใช่แค่เครื่องคิดเลข แต่คือระบบจัดการร้านค้าเต็มรูปแบบ ตั้งแต่การรับออเดอร์, จัดการคิว, เช็คสต็อกสินค้า ไปจนถึงการออกรายงานสรุปยอดขาย
- CRM (Customer Relationship Management): ระบบที่จะช่วยสร้างความภักดีของลูกค้าให้เกิดการซื้อซ้ำ ทั้งระบบสมาชิก, การสะสมแต้ม, การแลกของรางวัล ทั้งหมดนี้ถูกรวมเข้ามาเป็นเนื้อเดียวกับการขาย ทุกครั้งที่เกิดการใช้จ่าย ข้อมูลจะถูกบันทึกเข้าระบบทันที
โดยทั้งสามส่วนนี้จะทำงานร่วมกันบนอุปกรณ์เครื่องเดียว ก่อให้เกิด “วงจรข้อมูล” ที่สมบูรณ์แบบ ตั้งแต่มีคำสั่งซื้อเข้ามาผ่านระบบ POS ระบบทำการรับออเดอร์พร้อมทั้งจัดคิว และบริหารสต็อกหลังร้าน แล้วทำการชำระเงินผ่านระบบ EDC ที่สามารถรองรับทุฏธนาคารและทุกรูปแบบการชำระเงิน หรือแม้แต่ระบบผ่อนชำระ พร้อมออกใบเสร็จหรือส่งใบเสร็จอิเลคทรอนิกส์ให้ลูกค้าได้ และทุกครั้งที่เกิดการซื้อขาย ข้อมูลจะถูกผูกกับโปรไฟล์ลูกค้าทันทีผ่านระบบ CRM
“Deeper AI” อาวุธลับแห่งอนาคต
นอกจากการรวมหลายระบบเข้ามาไว้ในเครื่องเดียวแล้ว Super EDC ยังมีหัวใจสำคัญอีกอย่างที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นที่ธุรกิจต้องตัดสินใจเลือกใช้บริการอย่าง “Deeper AI” ที่ Jaidee เตรียมจะเปิดตัวในช่วงต้นปี 2569 โดย Deeper AI จะเป็นระบบที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อทำการตลาดแบบเจาะจง (Personalize) เทียบเท่าองค์กรใหญ่ที่มีทีม Data Scientist และงบประมาณมหาศาล ไม่ว่าจะ
- วิเคราะห์และแบ่งกลุ่มลูกค้าโดยอัตโนมัติ: ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดกลุ่มลูกค้าที่มีความชอบแตกต่างกัน อย่าง กลุ่มลูกค้าที่ชอบดื่มกาแฟใส่นม, กลุ่มที่มาเฉพาะวันหยุด, หรือกลุ่มที่เคยซื้อประจำแต่หายไป (Churn Risk)
- สร้างแคมเปญการตลาดแบบ Personalized โดยอัตโนมัติ: เมื่อ AI รู้ว่าลูกค้าคนไหนกำลังจะหายไป ระบบจะทำการส่งคูปองส่วนลดไปให้โดยอัตโนมัติ เพื่อให้กลับมาใช้บริการ หรือเมื่อรู้ว่าชอบทานครัวซองต์อาจจะส่งโปรโมชันส่วนลดครัวซองต์ไปให้โดยตรง
- เปลี่ยนข้อมูลให้กลายเป็นยอดขาย: บางครั้งที่ธุรกิจมีข้อมูลลูกค้าถูกเก็บไว้เฉยๆ โดยไม่ได้ทำอะไร ระบบ AI จะนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ จัดกลุ่มลูกค้าและสร้างแคมเปญเพื่อดึงให้ลูกค้าเหล่านั้นกลับมาที่ร้านค้า
นั่นหมายความว่า ในอนาคต Super EDC จะไม่ใช่เครื่องมือเสริมศักยภาพทางธุรกิจ แต่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจที่เป็นทั้งเครื่องมือและที่ปรึกษาทางธุรกิจ ช่วยให้ผู้ประกอบการ SME สามารถแข่งขันกับคู่แข่งยักษ์ใหญ่ได้อย่างทัดเทียมมากขึ้น
การมาถึงของ Super EDC คือการเปลี่ยนอุปกรณ์ที่เคยทำหน้าที่เพียงแค่ “รับเงิน” ให้กลายเป็น “ศูนย์บัญชาการธุรกิจ” (Business Command Center) แบบครบวงจรสำหรับ SME แน่นอนว่ายังมีความท้าทายอีกมาก ทั้งการสร้างความเข้าใจให้ร้านค้ายอมรับเทคโนโลยีใหม่ รวมถึงการแข่งขันจากผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด แต่นี่อาจเป็นก้าวสำคัญในการ “ปลดแอก” ธุรกิจ SME ไทยจากข้อจำกัดทางเทคโนโลยีและต้นทุนที่เคยเกิดขึ้นให้เติบโตและแข่งขันได้อย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัล