การตลาดยุคใหม่ไม่เพียงแต่ต้องวางกลยุทธ์ให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพแล้ว ยังต้องสามารถประหยัดงบการทำตลาดได้ด้วย กลวิธีเพื่อใช้ในการปลุกตลาดคงต้องเปลี่ยนไป จะใช้การทุ่มทุน หว่านทุกตลาดเหมือนเก่าไม่ได้อีกแล้ว
การทำตลาดในสมัยใหม่ต้องอาศัยความขยัน หากมีช่องทางที่ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มก็ควรจะรีบเข้าไปใช้ เพราะการตลาดบนออนไลน์นั้นใครเริ่มทำก่อนยิ่งได้เปรียบ เนื่องจากเป็นสื่อที่ค่อนข้างจะต้องใช้เวลากว่าจะเกิดกระแสโด่งดัง ซึ่งจะต่างจากการใช้สื่อแบบเก่าอย่างทีวี สิ่งพิมพ์ วิทยุ ที่เสียเงินซื้อโฆษณาเมื่อใด ก็มีกระแสตอบรับอย่างรวดเร็วในทันที
ในสถานการณ์เช่นนี้ หลายๆ บริษัทอาจจะตัดสินใจชะลอตัวการทำตลาด ลดการลงทุน ใช้กลยุทธ์การรักษาฐานที่มั่น ยึดฐานลูกค้าเดิมเอาไว้ แต่ก็มีอีกหลายบริษัทกลับเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีในการลบจุดอ่อนแล้วสร้างให้เป็นจุดแข็งของตัวเอง มาดูเคล็ดลับที่ช่วยเพิ่มสปีดการวิ่งแซงหน้าคู่แข่ง อีกทั้งยังสามารถบริหารต้นทุน งบประมาณสำหรับทำการตลาดในแบบพอเพียง เกิดความคุ้มค่ากันดีกว่า
1. เริ่มใช้ Blog อย่างจริงจัง
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า Blog เป็นเครื่องมือช่วยทำการตลาดชั้นดีชิ้นหนึ่ง ที่ทั้งลงทุนน้อย ใช้งานได้ง่าย แถมยังเป็นสิ่งที่คนออนไลน์ชื่นชอบอีกด้วย ทุกวันนี้คนเล่นอินเทอร์เน็ตทั้งหลายต่างต้องเป็นสมาชิกของ Social Network อย่างน้อยสักแห่งหนึ่ง และแต่ละคนจะมีการ Add Blog ของคนอื่น หรือ Blog ที่สนใจเอาไว้ใน Blog ของตัวเองเพื่อให้ง่ายต่อการติดตาม ซึ่งถ้าคุณสามารถสร้าง Blog ที่มีเนื้อหาดีๆ เป็นที่ชื่นชอบกับกลุ่มเป้าหมาย จะทำให้คุณประหยัดค่าโฆษณาไปได้มาก
ข้อดีของ Blog อีกอย่างก็คือ สามารถเก็บ Content เอาไว้ได้ และยังเป็นการสะสม Content ให้เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณสามารถส่ง Message ไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อยู่เรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ทำ Content ขึ้นมาแล้วไม่ได้ถูกใช้แค่ครั้งเดียว แต่สามารถเก็บไว้ใช้ได้นานเป็นเดือน เป็นปี ซึ่งจะต่างจากสื่อประเภททีวี สิ่งพิมพ์ วิทยุ ที่ทำโฆษณา หรือสร้าง Content ขึ้นมาก็ใช้ได้แค่ในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ราคาการผลิตก็มีราคาสูง
2. ลดค่าใช้จ่ายการโฆษณาแบบ PPC และ CPC
การโฆษณาแบบ Pay Per Click (PPC) หรือ Cost Per Click (CPC) ที่คุณต้องจ่ายเงินค่าโฆษณาเมื่อมีการคลิกเกิดขึ้นนั้น วิธีการซื้อโฆษณาในลักษณะนี้เริ่มสร้างความไม่พอใจกับเหล่าการตลาดเท่าไรนัก เพราะไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าคนที่เข้ามาคลิกนั้นตั้งใจคลิกจริงๆ ซึ่งนั่นอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีสักเท่าไรสำหรับการจัดสรรงบประมาณสำหรับการทำตลาดและโฆษณาให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด
อย่างไรก็ตาม การใช้คีย์เวิร์ดเพื่อทำการโฆษณาจะยังคงเป็นวิธีการที่นิยมใช้ และมีแนวโน้มการเติบโตสูงอยู่ในปีนี้ แต่รูปแบบการจ่ายเงินเพื่อทำโฆษณาด้วยคีย์เวิร์ดอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากคีย์เวิร์ดบางคำก็มีราคาแพงมาก แต่อาจจะไม่ได้ผลตอบกลับที่ดีเท่าที่ควร ลองหันมาใช้คีย์เวิร์ดตัวอื่นที่ทำให้จ่ายเงินน้อยลง หรือทำการค้นหาสร้างคีย์เวิร์ดใหม่ๆ เพื่อนำมาใช้การในการทำตลาดให้ได้ผลมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้ด้วย
3. ลดขนาด/ความถี่ในการลงโฆษณา
ขนาดและความถี่ในการลงโฆษณาย่อมมีผลโดยตรงกับค่าใช้จ่ายที่ต้องสูญเสียไป โดยเฉพาะโฆษณาในสื่อทีวี สิ่งพิมพ์ยิ่งมีโฆษณาขนาดใหญ่ แถมมีความถี่ในการแสดงโฆษณาบ่อยๆ ก็ยิ่งเสียเงินค่าโฆษณามากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นการปรับขนาดให้ลดลง ลดความถี่การลงโฆษณา หรือหันไปใช้สื่อใหม่ กลยุทธ์การทำตลาดแบบใหม่ที่ประหยัดมากกว่า เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่า
ส่วนกลยุทธ์การทำโฆษณาการตลาดที่สามารถนำมาใช้ควบคู่กันไป อย่างเช่น การจัดสัมมนาให้กับกลุ่มลูกค้าและผู้ที่สนใจซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายโดยตรง การเข้าไปในเว็บไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและกลุ่มเป้าหมาย แล้วไปคอมเมนต์ให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์ การสร้างชุมชนของตัวเองขึ้นมาและมีการจัดกิจกรรมกันภายในชุมชนของตัวเอง การให้บริการฟรีที่ดีและเป็นประโยชน์เพื่อเรียกลูกค้าใหม่ๆ
4. กระตุ้นตลาดด้วยการทำประชาสัมพันธ์
ประชาสัมพันธ์จะมีบทบาทอย่างมากในการช่วยเผยแพร่ให้สินค้าและบริษัทเป็นที่รู้จักกับคนทั่วไปรวมทั้งกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ดังนั้นจึงถือเป็นปีที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์จะต้องทำงานหนัก และยังต้องมีความสร้างสรรค์ในการสร้างสื่อเพื่อประชาสัมพันธ์เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ดังนั้น การวางแผนร่วมกันระหว่างฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ จึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะทำให้องค์กรขับเคลื่อนไปได้อย่างรวดเร็วได้หรือไม่ ยิ่งมีการประชาสัมพันธ์มาก จะยิ่งช่วยลดงบประมาณด้านการตลาดหรือกิจกรรมทางการตลาด และบริษัทให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้บทความทางธุรกิจที่ลงในหนังสือพิมพ์ นิตยสาร ทีวี หรือบนเว็บไซต์ ยังเป็นสิ่งที่ผู้อ่านให้ความสนใจ และให้การตอบรับที่ดีอีกด้วย ซึ่งคุณสามารถใส่ข้อความที่จะสื่อไปยังธุรกิจของคุณในส่วนไหนก็ได้ของบทความ โดยเป็นสิ่งที่ผู้อ่านให้ความสนใจ เช่น เทรนด์ของธุรกิจ กลยุทธ์ที่นำมาใช้ในการขยายตัวทางธุรกิจ ช่องทางการจำหน่ายหลัก จุดเด่นที่แตกต่างของสินค้าและบริการ เป็นต้น
สำหรับปี ค.ศ. 2009 ในภาพรวมนั้น สิ่งที่นักการตลาดต่างให้ความสำคัญ คือ การสร้างความพึงพอใจกับลูกค้า เพื่อรักษาฐานลูกค้าไว้ให้มากที่สุด เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด ในขณะเดียวกันยังมุ่งไปที่การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็น Niche Market และยังให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าในการลงทุนที่ดีขึ้นอีกด้วย
Source: Ecommerce Magazine