
ตลอดปีนี้ เทคโนโลยี AI โดยเฉพาะ Generative AI กลายเป็นเครื่องมือสำคัญของธุรกิจที่สามารถใช้งานง่ายแค่ Prompt คำสั่งที่ต้องการ ยิ่งไปกว่านั้น Generative AI ยังเข้ามามีบทบาทสำคัญกับเรื่องของศิลปกรรมหรืองาน Art อย่าง เห็นได้จากการที่โปรแกรมด้านศิลปะอย่าง Adobe เพิ่มฟีเจอร์ AI ที่ช่วยสร้างสรรค์และ “เติมเต็ม” จินตนาการให้เป็นไปได้ในงานศิลปะ
ที่สำคัญ Adobe ยืนยันว่า AI ได้ถูกฝึกฝนขึ้นมาจากคลังภาพ Adobe Stock ที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องเท่านั้น
ทว่า เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2025 ที่ผ่านมา กลุ่มนักเขียนและเจ้าของผลงานสร้างสรรค์ได้รวมตัวกันยื่นฟ้อง Adobe ต่อศาลในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ โดยระบุว่า Adobe ได้แอบนำผลงานของพวกเขาไปเพื่อเทรน AI โดยที่เจ้าของผลงานไม่เคยเซ็นยินยอมให้นำไปใช้ในลักษณะนี้มาก่อน
ตัวแทนกลุ่มโจทก์อย่าง Elizabeth Lyon อ้างว่า แม้ Adobe จะมีสิทธิ์ในการจัดจำหน่ายหรือให้ใช้รูปภาพผ่านแพลตฟอร์ม Stock แต่สัญญาที่ศิลปินทำไว้กับ Adobe ในตอนแรกนั้น เป็นสัญญาที่ครอบคลุมเพียงการขายสิทธิ์การใช้ภาพเพื่อการออกแบบทั่วไป ไม่ได้ครอบคลุมถึงการนำข้อมูลดิจิทัลเชิงลึกในภาพไปใช้ “ฝึกสอน” AI ให้เลียนแบบลายเส้นหรือสไตล์งานของพวกเขา ถ้าให้เข้าใจง่ายๆ
“อนุญาตให้เอาภาพไปขายให้คนทำโฆษณา แต่ไม่ได้อนุญาตเอาภาพให้ AI เพื่อไปใช้สร้างภาพที่จะมาแย่งงานศิลปินในอนาคต”
ถือเป็นครั้งแรกที่มีการฟ้องร้องเกี่ยวกับการฝึกอบรม AI และหากการฟ้องร้องนี้สำเร็จก็จะกลายเป็นบรรทัดฐานทั่วโลก เกี่ยวกับการผลงานที่สร้างสรรค์โดย AI โดยทาง Lyon ร้องต่อศาลเพื่อให้พิจารณาเรียกร้องค่าเสียหายต่อทาง Adobe ซึ่งข้อร้องเรียนของ Lyon ระบุว่า
Adobe ได้ใช้สำเนาหนังสือของ Lyon และหนังสืออื่นๆ ไปฝึกโมเดลภาษาขนาดเล็กอย่าง SlimLM ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานทำงานที่เกี่ยวข้องกับเอกสารบนอุปกรณ์เคลื่อนที่
แม้ว่าทางฝั่ง Adobe จะไม่ได้ตอบกลับในทันที แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดเมื่อข้อกฎหมายด้าน AI ทั่วโลก ยังไม่สามารถตีความเรื่องการใช้งานโดยชอบธรรมของ AI ปัจจุบันศาลแขวงสหรัฐฯ เขตเหนือของแคลิฟอร์เนียได้ประทับรับฟ้อง และเตรียมไต่สวนเพื่อพิจารณาต่อไป โดยก่อนหน้านี้เคยมีการฟ้องร้องกับบริษัทเทคโนดลยีด้าน AI และจบลงด้วยการยอมจ่าย 1.5 พันล้านดอลลาร์ เป็นข้อตกลงที่ใหญ่ที่สุดในคดีลิขสิทธิ์
กลายเป็นข้อระวังสำหรับนักการตลาดบ้านเราที่เริ่มมีการใช้ AI มากขึ้น ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงทางด้านกฎหมายที่แอบแฝงมา ซึ่งนั่นทำให้ผู้ใช้ AI ต้องมีการเปิดเผยแหล่งที่มาอย่างชัดเจน รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมรับต้นทุนด้านการใช้ AI ในอนาคตที่จะเพิ่มสูงขึ้น
Source: Reuters
