ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทุกอย่าง แม้แต่วงการอสังหาริมทรัพย์ก็ต้องปรับตัว ล่าสุด บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI สร้างเสียงฮือฮาด้วยการเปิดตัว “พี่พรีโม” และ “น้องพรีโม” หุ่นยนต์อัจฉริยะที่จะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกบ้านในคอนโดและโรงแรม นับเป็นผู้ให้บริการด้านอสังหาฯแบบครบวงจรรายแรกของไทยที่นำนวัตกรรมนี้มาใช้จริง ตอกย้ำแนวคิด Happy “Smart Living” Maker ของพรีโม ที่มุ่งสร้างความสุขในการอยู่อาศัยให้เป็นเรื่องง่ายผ่านนวัตกรรม
รู้จัก “พี่พรีโม-น้องพรีโม” คู่หูประจำคอนโด
“พี่พรีโม-น้องพรีโม” เป็นหุ่นยนต์ IOT (Internet of Things) ที่พรีโม่เปิดตัวทดลองใช้กันในบางโครงการในปี 2024 แต่ครั้งนี้เป็นการนำมาใช้ให้บริการลูกบ้านอย่างจริงจังแล้ว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของวงการ บริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรที่มีนวัตกรรมนี้ให้บริการเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ โดยบริการนี้จะมีหุ่นยนต์ที่ใช้อยู่สองตัวก็คือ พี่พรีโม (P’Primo) และ น้องพรีโม (Nong Primo) นั่นเอง
สำหรับ พี่พรีโม (P’Primo) เป็นหุ่นยนต์ส่งของอัจฉริยะ ที่พร้อมบริการส่งพัสดุ, จดหมาย, หรือแม้แต่อาหารเดลิเวอรี่ถึงหน้าประตูห้องพัก สามารถรับน้ำหนักได้สูงสุดถึง 60 กิโลกรัม และส่งของได้สูงสุด 10 ชิ้นต่อครั้ง จุดเด่นคือการทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน Primo Plus และ LINE เพื่อให้ผู้ใช้สามารถติดตามสถานะการจัดส่งได้แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมฆ่าเชื้อโรคด้วยแสง UV ถึง 99.9% เพื่อความสะอาดปลอดภัย
ส่วน น้องพรีโม (Nong Primo) เป็นหุ่นยนต์ทำความสะอาดแบบ 4-in-1 ที่ทำได้ทั้งกวาด, ขัด, ดูดฝุ่น และถูพื้นในเครื่องเดียว สามารถทำความสะอาดได้บนทุกพื้นผิว ไม่ว่าจะเป็นหินอ่อน, กระเบื้อง หรือแม้แต่พรม “น้องพรีโม” ถูกออกแบบมาให้ทำงานได้ด้วยตัวเอง ทั้งการเติมน้ำ, ระบายน้ำทิ้ง และสามารถทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ตัวอื่นได้
ความเจ๋งของหุ่นยนต์ “พี่พรีโม” และ “น้องพรีโม” อีกอย่างก็คือมันยังสามารถสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกบ้านได้เหมือนพนักงานคนหนึ่ง แถมยังร้องเพลงได้ด้วย
กลยุทธ์ Happy Maker สู่ Super Living Service
คุณสุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของพรีโมฯ ระบุว่า การนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการต่อยอดแนวคิด “Happy Maker สร้างสรรค์ความสุขของคุณ ด้วยบริการจากใจของเรา” ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีมาเสริมทัพบริการให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่แตกต่างกันของผู้อยู่อาศัย หุ่นยนต์เหล่านี้จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริการ “DoorMart” ซึ่งเป็นบริการอำนวยความสะดวกถึงหน้าประตูห้องที่พรีโมมีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นบริการซักอบรีด, แม่บ้านทำความสะอาด ไปจนถึงการจัดส่งพัสดุ
พัฒนาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล
ทางด้านคุณ อิงครัต ไตรทรัพย์ Service Innovation บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาหุ่นยนต์คู่หูนี้ ได้ให้มุมมองเพิ่มเติมว่า “จุดแข็งของทุกธุรกิจในเครือของพรีโม คือมาตรฐานการบริการที่สร้างความสุขแก่ผู้บริโภคให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งปัจจุบันเทรนด์การอยู่อาศัย และพฤติกรรมการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วสู่ชีวิตแบบดิจิทัลมากขึ้น พรีโมจึงให้ความสำคัญกับการยกระดับความสุขด้วยการนำนวัตกรรมเพื่อการบริการมาใช้ พร้อมตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบ Smart Living ควบคู่กับการให้ความสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมอย่างยั่งยืน”
นอกจากการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้แล้ว พรีโมยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืนภายใต้แนวคิด Primo Care : Happy “Sustainability Society” Maker โดยหุ่นยนต์ทั้งสองตัวนี้ผลิตจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น อะลูมิเนียมเกรดอุตสาหกรรมการบินที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และยังช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 50% เมื่อเทียบกับรูปแบบการบริการแบบเดิม
พี่-น้องพรีโม นำร่อง 4 โครงการ
ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 พรีโมได้เริ่มทดลองใช้ “พี่พรีโม-น้องพรีโม” แล้วใน 4 โครงการนำร่อง ได้แก่:
- พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ (Park Origin Thonglor)
- ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ นนทบุรี สเตชั่น (Origin Plug&Play Nonthaburi Station)
- ดิ ออริจิ้น ลาดพร้าว-บางกะปิ (The Origin Ladprao-Bangkapi)
- โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท (Staybridge Suites Bangkok Sukhumvit)
สำหรับบริการ DoorMart ของพรีโมประสบความสำเร็จมากๆ หลังเริ่มทดลองใช้ในหลายโครงการที่พรีโมบริหาร อาทิ โครงการ ไนท์บริดจ์ ไพร์ม สาทร (Knightsbridge Prime Sathorn), ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9 (Knightsbridge Space Rama 9), ดิ ออริจิ้น ราม 209 อินเตอร์เชนจ์ (The Origin Ram 209 Interchange) เป็นต้น
โดยในปี 2025 บริษัทมีแผนจะขยายการให้บริการ DoorMart และหุ่นยนต์ IOT ไปยังโครงการที่บริหารอยู่เพิ่มขึ้นอีก 13 โครงการ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับงานบริการด้วยระบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ และตอกย้ำเป้าหมายในการสร้าง “Super Living Service” ให้กับทั้งลูกค้าองค์กร (B2B) และลูกค้าบุคคล (B2C)
การเคลื่อนไหวของพรีโมในครั้งนี้ ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจที่แสดงให้เห็นถึงการนำเทคโนโลยีมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริการและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล พร้อมทั้งยังสอดแทรกแนวคิดเรื่องความยั่งยืนเข้าไปในโมเดลธุรกิจได้อย่างลงตัวด้วยเช่นกัน