โจทย์ของคนทำการตลาดออนไลน์โดยเฉพาะในแพลทฟอร์ม Meta น่าจะเห็นตรงกันก็คือการทุ่มงบโฆษณาอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ แต่ต้องทำอย่าง “ฉลาด” และ “คุ้มค่า” ที่สุด ดังนั้นเมื่อ Marketing Oops! ได้โอกาสร่วมงาน Meta Business Messaging Summit 2025 ที่ คุณแพร ดำรงค์มงคลกุล, Country Director ของ Facebook ประเทศไทย ได้เปิดตัวและอัปเดตชุดเครื่องมือให้นักการตลาดและเจ้าของธุรกิจลงโฆษณาแบบคุ้มเงิน โดยเฉพาะผ่านเครื่องมือโฆษณา Click to Messenger
เราเลยจะมาสรุปเครื่องมือและกลยุทธ์สำคัญของ Meta ที่เอาไปปรับใช้ได้ทันที เพื่อสร้างความได้เปรียบให้ธุรกิจ สรุปมาให้ด้วยกัน 5 เครื่องมือ นั่นก็คือ
- เพิ่มยอดขายต่อบิลด้วย ‘Value Optimization’
- หา ‘ลูกค้าตัวจริง’ ที่มีโอกาสสูงด้วย ‘Lead Optimization’
- เข้าถึงลูกค้าทุกที่ด้วย ‘Multi-Destination Optimization’
- ใช้ ‘Opportunity Score’ เป็นโค้ชส่วนตัวอัปเกรดแคมเปญ
- ปิดการขายทันทีในแชทด้วยแอปธนาคาร
1. เพิ่มยอดขายต่อบิลด้วย ‘Value Optimization’
สำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มมูลค่าการซื้อในแต่ละครั้ง (Basket Size) และสร้างผลตอบแทนจากค่าโฆษณา (ROAS) ให้สูงที่สุด เครื่องมือ Value Optimization ที่ Meta มีให้ใน Ads Manager คือคำตอบ
วิธีการทำงานของมันคือระบบ AI จะเรียนรู้และมองหาลูกค้าที่มีแนวโน้มจะซื้อของหลายชิ้นหรือซื้อของราคาสูง มากกว่าแค่มองหาคนที่ซื้อของเท่านั้น กลยุทธ์นี้จะดีขึ้นไปอีกเมื่อใช้ร่วมกับเครื่องมืออย่าง Catalog-powered Ads โดยเราสามารถเชื่อมต่อแคตตาล็อกสินค้าของตัวเองเข้ากับระบบของ Meta และเมื่อลูกค้าเห็นโฆษณา ระบบสามารถแสดงผลสินค้าที่แตกต่างกันไปในแบบ Personalized หรือสร้างโฆษณาแบบสไลด์โชว์ได้โดยอัตโนมัติ เพื่อกระตุ้นให้เกิดความสนใจ และนำไปสู่การซื้อที่มียอดสูงขึ้น
นอกจากนี้ Meta ยังเพิ่มช่องทางใหม่ๆในการสื่อสารกับลูกค้าด้วยเช่น Marketing Message ที่ให้ลูกค้าเลือกรับข้อความจากแบรนด์ได้โดยตรง หรือการพัฒนาระบบบ Live ที่สามารถตั้งเวลา Live ได้ รวมไปถึงแบรนด์สามารถ tag Live ของครีเอเตอร์ที่เป็นพาร์ตเนอร์กับแบรนด์ในระบบ Partnership Ads โดยแบรนด์สามารถนำคลิปจากครีเอเตอร์มาเป็น Ads ที่ใช้งานต่อได้เลยด้วย
รวมไปถึงการสามารถใส่แคตาล็อกให้ลูกค้าเห็นสินค้าระหว่าง live และการเชื่อมต่อระบบกับพาร์ตเนอร์ให้สามารถทำระบบการไลฟ์ขายของให้ครบวงจรได้ด้วยเช่นกัน
2. หา “Lead” ด้วย Lead Optimization
สำหรับธุรกิจที่สินค้ามีราคาสูงและต้องการเวลาในการตัดสินใจ เช่น อสังหาริมทรัพย์ คลินิกเสริมความงาม หรือรถยนต์ Lead Optimization ก็มีให้เลือกใช้งาน โดยระบบนี้ มันถูกออกแบบมาเพื่อค้นหา “ลีดคุณภาพสูง” หรือคนที่มีแนวโน้มจะให้ข้อมูลติดต่อเพื่อพูดคุยต่อ แทนที่จะหาแค่คนทักแชทเข้ามาเยอะๆ
กรณีศึกษาที่น่าสนใจคือในงานมีตัวแทนจาก LAB-X Clinic ที่ใช้กลยุทธ์นี้เอามาใช้ยิงโฆษณาไปเฉพาะคนที่มีโอกาสให้เบอร์โทรในแชทซึ่งก็ พบว่าสามารถเพิ่มจำนวน Lead คุณภาพได้ถึง 4.6 เท่า ในขณะที่ลดต้นทุนต่อ Lead (Cost per Lead) ลงได้ถึง 76%
3. เข้าถึงลูกค้าทุกที่ด้วย ‘Multi-Destination Optimization’
บางครั้งเราไม่รู้ว่าจะยิงแอดไปที่ Messenger, Instagram หรือแม้แต่ WhatsApp ในกรณีอยากดึงฐานลูกค้าต่างชาติ จะใช้ช่องทางไหนดี ล่าสุด Meta ก็มีเครื่องมือ Multi-Destination Optimization ใน Ads Manager ข่วยแก้ปัญหานี้แล้ว
การทำงานของมันก็คือ AI จะมาช่วยตัดสินใจส่งข้อความไปหาลูกค้าในแพลตฟอร์มที่เป้าหมายใช้งานบ่อยที่สุดโดยอัตโนมัติ เพื่อให้มั่นใจว่า Ads ของเราจะไปถึงลูกค้าในช่องทางที่ใช่ที่สุด ผลปรากฏว่าธุรกิจที่ใช้กลยุทธ์นี้มี Cost per Message ลดลง 9% และมี Conversion Rate สูงขึ้นถึง 11% เมื่อเทียบกับการเลือกยิงแอดไปแค่ช่องทางเดียวด้วย
4. ใช้ Opportunity Score ฟรีๆ เอามาปรับแคมเปญ
เพื่อแก้ปัญหาการตั้งค่าแคมเปญที่ซ้ำซ้อนหรือยังไม่ดีพอ Meta ได้เปิดตัวเครื่องมือชื่อว่า Opportunity Score เครื่องมือที่ทำงานเหมือนเป็น “Health Check” หรือโค้ชส่วนตัวให้กับแคมเปญโฆษณาของเราด้วย
เครื่องมือนี้จะวิเคราะห์แคมเปญและให้คะแนน 0-100 คะแนน พร้อมคำแนะนำแบบเรียลไทม์ว่าควรปรับปรุงอะไรเช่นการปรับกลุ่มเป้าหมาย ครีเอทีฟ เปลี่ยนจากภาพเป็นวิดีโอ และอื่นๆ ซึ่ง Meta ระบุว่าเวลาเราทำตามคำสามารถลดต้นทุนต่อผลลัพธ์ (Cost per Action) ลงได้โดยเฉลี่ยถึง 12%
5. ปิดการขายในแชทด้วย K PLUS, แอปกรุงไทย, SCB, TrueMoney
การปิดการขายสำคัญที่สุดก็คือการชำระเงินดังนั้น Meta ก็เลยขยายฟีเจอร์ “โอนผ่านแอปธนาคาร” ให้ลูกค้าสามารถกดปุ่มในแชท Messenger สลับไปจ่ายเงินในแอปธนาคารของตัวเองได้โดยข้อมูลการชำระเงินจะถูกกรอกไว้ล่วงหน้า เมื่อชำระเงินเสร็จ ลูกค้าจะกลับมาที่หน้าแชทพร้อมสถานะการจ่ายเงินที่อัปเดตทันที
ขั้นตอนนี้ช่วยลดโอกาสที่ลูกค้าจะ drop-offs และเพิ่มเปิดการขายได้ง่ายขึ้นซึ่งปัจจุบันวิธีการนี้ก็รองรับแอปฯ ยอดนิยมของไทยทั้ง K Plus, Krungthai Next, SCB Easy และ True Money
AI ที่เป็นผู้ช่วยตอบแชท รอก่อนยังไม่มา
สำหรับ Business AI หรือ AI Agent ที่จะมาเป็นผู้ช่วยตอบแชทให้แต่ละธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบซึ่ง Meta เกริ่นมาตั้งแต่ปี 2024 Meta เปิดเผยว่ากำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่องปัจจุบันยังอยู่ในช่วงทดสอบ และยังไม่มีไทม์ไลน์ที่ชัดเจนว่าจะเปิดให้ใช้งานในประเทศไทยเมื่อไหร่ เนื่องจาก Meta ต้องการพัฒนาให้ AI สามารถใช้ภาษาไทยได้อย่างเป็นธรรมชาติและมีความซับซ้อนแม่นยำมากที่สุดก่อน
โดยสรุป แม้ AI Agent อัจฉริยะจะยังมาไม่ถึง แต่เครื่องมือทั้ง 5 ข้อนี้ คือสิ่งที่ Meta มีให้ธุรกิจใช้งานได้ทันที ก็อย่าลืมลองเอาไปใช้เพิ่มยอดขายทำเงินกันดู