ผลวิจัย OpenAI x NBER ชี้พฤติกรรมผู้ใช้ ChatGPT เปลี่ยนไป นักการตลาดต้องปรับตัวครั้งใหญ่

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

ผลวิจัยล่าสุดจาก OpenAI และ NBER (National Bureau of Economic Research) ที่ศึกษาพฤติกรรมผู้ใช้กว่า 700 ล้านคนทั่วโลก ชี้ชัดว่าบทบาทของ AI กำลังเปลี่ยนจาก “ผู้ผลิตเนื้อหา (Content Creator)” ไปสู่การเป็น “ผู้ช่วยคิดและตรวจแก้ (Thinking Partner & Enhancer)” อย่างเต็มตัว ซึ่งนี่คือสัญญาณเตือนครั้งสำคัญที่นักการตลาดและนักสื่อสารองค์กรต้องรีบปรับกลยุทธ์ตามให้ทัน

งานวิจัยชิ้นนี้ได้เก็บข้อมูลระหว่างเดือนพฤษภาคม 2024 – มิถุนายน 2025 ผ่านเทคนิคที่ไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัว เผยให้เห็นภาพพฤติกรรมการใช้งาน AI ที่น่าสนใจเลยทีเดียว

คนไม่ได้สั่งให้ “ทำ” แต่เข้ามาเพื่อ “ถาม”

ข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจที่สุดคือ เจตนาของผู้ใช้งาน โดยพบว่า 49% ของการใช้งานเป็นการ “ถาม” (Asking) เพื่อขอข้อมูล, ขอคำแนะนำ, หรือหาแนวทางในการตัดสินใจ ซึ่งสูงกว่าการ “สั่งให้ทำ” (Doing) ที่มีสัดส่วน 40%

ตัวเลขนี้สะท้อนภาพใหญ่ว่า ผู้คนไม่ได้มอง ChatGPT เป็นแค่เครื่องมือรับคำสั่ง แต่เป็นเหมือน “ที่ปรึกษา” หรือ “คู่คิด” ที่เข้ามาช่วยระดมสมองและหาคำตอบในสิ่งที่สงสัย ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์การค้นหาข้อมูลที่เปลี่ยนไปในยุค AI

“การเขียน” ไม่ใช่จุดประสงค์หลักอีกต่อไป

เมื่อเจาะลึกลงไปใน 3 หมวดหลักของการใช้งาน พบว่า:

  • เพื่อการเรียนรู้และฝึกฝน (Learning & Training): 29%
  • เพื่อการค้นหาข้อมูล (Information Search): 24%
  • เพื่องานเขียน (Writing): 24%

ที่น่าตกใจคือ หมวด “งานเขียน” ที่หลายคนมองว่าเป็นหน้าที่หลักของ ChatGPT กลับมีสัดส่วนเท่ากับการค้นหาข้อมูล และที่สำคัญกว่านั้น สองในสามของการใช้งานในหมวดนี้ ไม่ใช่การสั่งให้เขียนเนื้อหาใหม่ทั้งหมด แต่เป็นการนำเนื้อหาที่มีอยู่แล้วมาให้ AI ช่วย แก้ไข, วิจารณ์, ปรับโทนเสียง, สรุป หรือแปล

นี่คือจุดเปลี่ยนที่ชัดเจนที่สุด! บทบาทของ AI ได้ยกระดับจากการเป็น “นักเขียน” สู่การเป็น “บรรณาธิการและผู้ยกระดับเนื้อหา (Editor & Enhancer)”

คุณสราวุธ บูรพาพัธ ที่ปรึกษาด้านการสื่อสารเชิงกลยุทธ์และผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ได้ให้ความเห็นไว้อย่างน่าสนใจว่า “บทบาทของนักสื่อสารในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว เราไม่ใช่แค่ผู้ผลิตเนื้อหา แต่เป็นผู้ตรวจแก้และยกระดับเนื้อหา ChatGPT สามารถช่วยปรับโทนเสียงของแบรนด์ให้สอดคล้องกัน, สรุปประเด็นสำคัญสำหรับผู้บริหาร หรือแม้กระทั่งร่างสุนทรพจน์ในงานสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

นักการตลาดต้องปรับตัวอย่างไรในยุค AI?

จากผลวิจัยนี้ แบรนด์และนักการตลาดไม่สามารถทำงานแบบเดิมได้อีกต่อไป แต่ต้องปรับกลยุทธ์เพื่อตอบสนองพฤติกรรมใหม่ของผู้บริโภคในหลายๆเรื่องไม่ว่าจะเป็น

  1. เปลี่ยนโฟกัสไปที่ AEO (Answer Engine Optimization): เมื่อคน “ถาม” มากขึ้น การทำ SEO (Search Engine Optimization) แบบเดิมอาจไม่เพียงพอ ถึงเวลาที่ต้องให้ความสำคัญกับ AEO คือการสร้างคอนเทนต์ที่สามารถเป็น “คำตอบสุดท้าย” ที่ AI จะเลือกไปตอบผู้ใช้งานโดยตรง ทำให้แบรนด์ของคุณกลายเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือในโลกของ AI
  2. สร้างคอนเทนต์แนว How-to และ Instant Answers เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมการค้นหาที่ต้องการคำตอบที่รวดเร็วและนำไปใช้ได้จริง คอนเทนต์ที่ให้ความรู้, สอนวิธีทำ หรือแก้ปัญหาต่างๆ จะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้น
  3. พัฒนาทักษะ Prompt Engineering: ในเมื่อ AI คือ “คู่คิด” ทักษะที่สำคัญที่สุดของนักการตลาดจะไม่ใช่การเขียน แต่คือ “การตั้งคำถาม” การออกแบบ Prompt ที่มีประสิทธิภาพและแม่นยำ สิ่งนี้จะจะช่วยให้เราดึงศักยภาพสูงสุดของ AI ออกมาใช้ยกระดับงานของเราได้
  4. มอง AI เป็น strategic partner คือต้องเลิกมอง AI เป็นแค่เครื่องมือผลิตคอนเทนต์ แต่ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล, ระดมสมอง, วางกลยุทธ์ และยกระดับคุณภาพงานในภาพรวม เพื่อสร้างมูลค่าให้กับองค์กรอย่างเต็มที่

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เราเห็นได้อย่งหนึ่งว่ายุคของ AI ไม่ได้เข้ามาเพื่อแย่งงานแต่กำลังเปลี่ยนบทบาทของเราให้สูงขึ้นและท้าทายขึ้น จาก “ผู้สร้าง” ไปสู่ “ที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์” ที่ต้องใช้ทั้งความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยีไปพร้อมกัน


  •  
  •  
  •  
  •  
  •