กรุงเทพธุรกิจปักหมุด “SUSTAINABILITY FORUM 2026” ชูแนวคิด Shift Forward: Overcoming Challenges สัญญาณแรงจากยูเอ็น–รัฐ–เอกชน เร่งไทยสปีดความยั่งยืนก่อนหมดเวลา

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

[ข่าวประชาสัมพันธ์]

 

กรุงเทพธุรกิจเปิดเวทีใหญ่ “SUSTAINABILITY FORUM 2026” ระหว่างวันที่ 3–4 ธันวาคม 2568 ณ สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ สามย่านมิตรทาวน์ ดึงผู้นำภาครัฐ เอกชน นักวิชาการ และผู้กำหนดนโยบาย 36 คน ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเพื่อเร่งยกระดับมาตรฐานความยั่งยืนของประเทศ ภายใต้แนวคิด “Shift Forward: Overcoming Challenges” มุ่งตอบโจทย์โลกธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องเผชิญความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม และแรงกดดันจากผู้บริโภคยุคใหม่

บรรยากาศงานทั้ง 2 วันคึกคักไปด้วยผู้เข้าร่วมจากหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่การเงิน พลังงาน โลจิสติกส์ เทคโนโลยี ไปจนถึงผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่สนใจแนวคิด ESG และเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ที่กำลังมองหาแนวทางรับมือความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและมาตรฐานโลกยุคใหม่  พื้นที่จัดงานถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่เสวนา และมีกิจกรรมจัดแสดงบูธด้านนวัตกรรมความยั่งยืนที่นำเสนอเทรนด์และเทคโนโลยีล่าสุด

 

รัฐ–เอกชนชูพลังงานสะอาด เร่งไทยสู่ Net Zero 2050

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

ไฮไลต์สำคัญของงาน ได้แก่ คีย์โน้ตจากผู้บริหารระดับประเทศที่ชี้ให้เห็นทิศทางโลกและคู่แข่งในภูมิภาค โดยนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ปาฐกถา Green Energy Powering Sustainability ระบุว่าไทยต้องเร่งปรับตัวสู่ Net Zero ปี 2050 (เร็วขึ้น 15 ปี) เพื่อรับมือมาตรการคาร์บอนข้ามพรมแดน (CBAM) และการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ซึ่งไทยติดอันดับ 17 ประเทศที่เสี่ยงสูงที่สุด

ทั้งนี้ รัฐบาลมีข้อจำกัดระยะเวลาทำให้มาตรการที่ใช้ต้อง Quick Big Win ที่ส่งผลระยะยาวได้ โดยใช้กลไกคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือกระทรวง แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ

1. โซลาร์เพื่อประชาชนและโซลาร์ลอยน้ำ สร้างการลงทุนกว่า 30,000 ล้านบาท/ปี สร้างงาน 1,700 ตำแหน่ง และลดคาร์บอนเกือบ 1 ล้านตันต่อปี

2. Direct PPA รองรับ Data Centers ลดคาร์บอน 1.6 ล้านตัน/ปี และกระตุ้นลงทุน 60,000 ล้านบาท สร้างงาน 3,000 ตำแหน่ง 

3. แผนพลังงานใหม่ ผ่านการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) ที่จะเป็น “คัมภีร์พลังงานของประเทศ” 15-20 ปีข้างหน้า

พร้อมชี้โอกาสใหม่จากเทคโนโลยี SMR และ ไฮโดรเจน ซึ่งอาจสร้างมูลค่าธุรกิจกว่า 4–5 แสนล้านบาท

 

ยูเอ็นส่งสัญญาณแรง โลกเข้าสู่ ‘ภาวะฉุกเฉินด้านการพัฒนา’ ไทยเหลือเวลาเพียง 5 ปีเร่ง SDGs

 

คำเตือนสำคัญจากสหประชาชาติ โดย นีฟ คอลิเออร์-สมิธ ผู้ประสานงาน UN ประจำประเทศไทย ชั่วคราว และ ผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ประจำประเทศไทย ได้กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “Go Together for the Sustainability Goals” 

ไทยยังคงทำผลงานโดดเด่นในหลายด้าน ทั้งอันดับ 43 ของโลก และอันดับ 1 ของอาเซียนด้าน SDGs ต่อเนื่อง 7 ปี พร้อมตัวชี้วัดสำคัญ เช่น การเพิ่มขึ้นของ EV registrations ถึง 684% ช่วยลด CO₂ ถึง 344,000 ตัน แต่ยังต้องเร่งสปีดอย่างเร่งด่วน เนื่องจาก เหลือเวลาอีกเพียง 5 ปีเท่านั้นก่อนปี 2030

ยูเอ็นระบุชัดว่า “เราจะไม่บรรลุ SDGs ทั้ง 17 ข้อ หากเราไม่ก้าวไปด้วยกัน” และชี้ว่าไทยต้องการเงินทุนเพิ่มจาก 1.27 ล้านล้าน – 1.4 ล้านล้านบาทต่อปี เพื่อขับเคลื่อน SDGs โดย “ภาคเอกชนคือกุญแจความสำเร็จ” เพราะถือ 75% ของการลงทุนในประเทศและมีความสามารถในการขับเคลื่อนอย่างรวดเร็ว

ยูเอ็นยังสนับสนุนทิศทางที่ไทยต้องการก้าวสู่สมาชิก OECD เพื่อยกระดับมาตรฐานด้านสภาพภูมิอากาศ การแข่งขันอย่างเป็นธรรม และธรรมาภิบาล ซึ่งกำลังกลายเป็น “เกมการแข่งขันใหม่” ของโลกธุรกิจ

 

ความยั่งยืนที่กำลังเปลี่ยนอนาคตธุรกิจ

 

นอกจากนี้ในเซสชั่นต่างๆ  ยังได้ตีแผ่มิติความยั่งยืนในภาคอุตสาหกรรม ตั้งแต่การจัดการทรัพยากร การลดคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทาน ไปจนถึงการสร้างระบบนิเวศธุรกิจที่รองรับการแข่งขันยุคใหม่ ซึ่งทุกภาคส่วนเห็นพ้องว่าหากองค์กรไม่ปรับตัว ข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศจะกลายเป็นอุปสรรคสำคัญทางการค้า

ทิศทาง “มาตรฐานใหม่ด้านตลาดทุนไทยด้วย ESG” ความสำคัญของธรรมาภิบาล ความโปร่งใส และเมตริกด้านสิ่งแวดล้อมต่อการลงทุนในอนาคต รวมถึงการเสวนา Finance & Investment for Sustainability ที่สะท้อนถึงความจำเป็นในการผสานบทบาทของสถาบันการเงินและภาคธุรกิจ เพื่อเร่งเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวอย่างเป็นรูปธรรม

การเสวนาและบรรยายตลอดสองวันสะท้อนภาพรวมเดียวกันว่า “ความยั่งยืนไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นเงื่อนไขของการเติบโตในอนาคต” พร้อมเสนอแนวทางปฏิบัติได้จริง ตั้งแต่ยุทธศาสตร์องค์กร การลงทุนอย่างรับผิดชอบ นวัตกรรมสีเขียว การบริหารความเสี่ยง ไปจนถึงบทบาทของผู้บริโภคที่มีอิทธิพลต่อการขับเคลื่อนตลาด

งานกรุงเทพธุรกิจ SUSTAINABILITY FORUM 2026 ยังเป็นสัญญาณสำคัญว่าประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ “ความยั่งยืน” คือแกนกลางของการแข่งขัน เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิต โดยกรุงเทพธุรกิจตั้งเป้าพัฒนาเวทีนี้ให้เป็นแพลตฟอร์มหลักของสังคมไทยในการผลักดันประเทศให้ “Shift Forward” อย่างมั่นคงและต่อเนื่องในระยะยาว

[ข่าวประชาสัมพันธ์]


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
CLOSE
CLOSE