หลังจากการบินไทยต้องเผชิญกับมรสุมครั้งใหญ่เพราะประสบปัญหาขาดทุนสะสมต่อเนื่องยาวนานถึง 8 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้การบินไทยขาดทุนสุทธินับแสนล้านบาท นอกจากนั้นยังเจอการแข่งขันที่รุนแรงของสายการบินต้นทุนต่ำ ในขณะที่สถานะรัฐวิสาหกิจที่ทำให้ขาดความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ ส่งผลให้การบินไทยต้องเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการมาตั้งแต่ปี 2563
ล่าสุดศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่ง ยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) แล้วอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 มิถุนายน 2568 นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่อาจทำให้การบินไทยจะกลับมาทำธุรกิจในฐานะสายการบินชั้นนำได้อีกครั้ง
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการและอดีตประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ดำเนินมาตรการสำคัญตามแผนฟื้นฟูกิจการสำเร็จลุล่วงในด้านต่าง ๆ อาทิ การปรับโครงสร้างและขนาดองค์กรให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มความคล่องตัว การขยายเครือข่ายเส้นทางบินให้ครอบคลุมภูมิภาคต่างๆ การปรับปรุงฝูงบินและห้องโดยสาร การพัฒนาระบบดิจิทัลและยกระดับมาตรฐานการให้บริการในทุกจุด อาทิ ช่องทางการสำรองที่นั่งและออกบัตรโดยสารผ่านเว็บไซต์และโมบายแอพพลิเคชั่น ห้องรับรองพิเศษ การบริการระหว่างเที่ยวบิน รวมถึงโปรแกรมสะสมไมล์รอยัล ออร์คิด พลัส ฯลฯ ทั้งนี้ เพื่อยกระดับการบินไทยสู่การเป็นสายการบินชั้นนำในภูมิภาคในการเชื่อมต่อเที่ยวบินโดยมีกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลาง ตลอดจนการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในมิติต่างๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างรายได้ ควบคุมต้นทุน รวมถึงการเพิ่มความรวดเร็วและคล่องตัวในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและการแข่งขันในอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เสริมความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงิน ผ่านกระบวนการการแปลงหนี้และดอกเบี้ยตั้งพักของเจ้าหนี้เป็นทุน และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นก่อนการฟื้นฟูกิจการและพนักงานของบริษัทฯ ซึ่งทำให้ส่วนผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 กลับเป็นบวกที่ 55,221 ล้านบาท จากเดิมที่ติดลบเป็นจำนวน 127,235 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2563 และบริษัทฯ ยังสามารถทำกำไรจากการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องทุกไตรมาสตั้งแต่ปี 2566 รวมทั้งยังเป็นสายการบินที่มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานสูงสุด 3 อันดับแรกของโลกติดต่อกันในช่วง 2 ไตรมาสล่าสุด จากการจัดทำข้อมูลโดย Airline Weekly
ทั้งนี้ ในส่วนของการชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ จากมูลหนี้ที่เจ้าหนี้จำนวนกว่าหนึ่งหมื่นรายยื่นขอรับชำระหนี้ ณ วันที่บริษัทฯ ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางในเดือนพฤษภาคม 2563 โดยมีมูลหนี้รวมกว่าสี่แสนล้านบาทนั้น ปัจจุบัน การบินไทยมีภาระหนี้ที่จะต้องชำระให้แก่เจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการตามคำสั่งถึงที่สุดให้ได้รับชำระหนี้ ประมาณ 189,578 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ได้ทยอยชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ที่ได้รับคำสั่งถึงที่สุดให้ได้รับชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ จนถึงไตรมาส 1 ของปี 2568 บริษัทฯ ได้ชำระหนี้ไปแล้วทั้งสิ้นจำนวนประมาณ 94,080ล้าน บาทโดยมีมูลหนี้คงเหลือที่ยังต้องชำระจนถึงปี 2579 ประมาณ 95,498 ล้านบาท

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า ความสำเร็จของการฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ เป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความร่วมแรงร่วมใจด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท อดทน และเสียสละของผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น เจ้าหนี้ ผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า อดีตพนักงาน และพนักงานปัจจุบันของบริษัทฯ ทุกคน ความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ ในปัจจุบัน ตลอดจนพัฒนาการต่างๆ ที่บริษัทฯ ดำเนินการผ่านกระบวนการฟื้นฟูกิจการที่ผ่านมา จะเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับการต่อยอดความสำเร็จเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนทั้งในมิติทางธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในอนาคตต่อไป
ซึ่งผลการดำเนินการอย่างที่ว่าส่งผลดีเยี่ยมไม่ว่าจะเป็น
- ปี 2564 พลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 55,113 ล้านบาท
- มีกำไรจากการดำเนินงานต่อเนื่องทุกไตรมาสตั้งแต่ปี 2566
- เป็น 1 ใน 3 สายการบินที่มีอัตรากำไรสูงสุดของโลกในช่วง 2 ไตรมาสล่าสุด
- มี EBITDA (กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) หลังหักค่าเช่าเครื่องบิน (เม.ย. 67 – มี.ค. 68) สูงถึง 40,308 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 20,000 ล้านบาท
การยกเลิกการฟื้นฟูกิจการในครั้งนี้เป็นผลมาจากการที่การบินไทยดำเนินการตามเงื่อนไขของแผนฟื้นฟูครบทั้ง 4 ข้อซึ่งก็คือการจดทะเบียนเพิ่มทุน การดำเนินการตามแผนโดยไม่ผิดนัด การมี EBITDA ที่เป็นไปตามเป้า และการแต่งตั้งคณะกรรมการใหม่
หลังจากนี้ การบินไทยจะเดินหน้าดำเนินการนำหุ้นกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกครั้ง คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงต้นเดือนสิงหาคมนี้ นับเป็นการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็น “สายการบินเอกชน” อย่างเต็มตัว
นี่คือเคสตัวอย่างที่น่าสนใจของการพลิกฟื้นธุรกิจจากวิกฤตครั้งใหญ่ ด้วยแผนฟื้นฟูที่แข็งแกร่งและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ จากนี้คงต้องติดตามกันต่อว่าหลังจากการฟื้นฟูกิจการและกลับสู่เส้นทางของสายการบินเอกชน การบินไทยจะประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างยั่งยืนได้หรือไม่