ตลาดบิวตี้ไทยโตสวนกระแสแตะ 2.81 แสนล้านบาท! รีเทลไทย “BEAUTRIUM” คว้ารางวัลใหญ่ “Cosmetics Retailer of the Year” จากเวทีระดับเอเชีย  

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

 

บริษัท บิวเทรี่ยม จำกัด (BEAUTRIUM) แบรนด์บิวตี้รีเทลสัญชาติไทย สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ให้วงการความงามไทย หลังคว้ารางวัลอันทรงเกียรติระดับสากล “Cosmetics Retailer of the Year” หรือ “สุดยอดธุรกิจค้าปลีกด้านความงามแห่งปี” จากเวที Retail Asia Awards 2025 ณ ประเทศสิงคโปร์ สะท้อนความสำเร็จของโมเดลธุรกิจที่ผสานนวัตกรรมเทคโนโลยีกับความเข้าใจผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง และตอกย้ำศักยภาพแบรนด์ไทยที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคทั่วเอเชีย

 

จิรวุฒิ โรจน์รัตนวลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นายอติโรจน์ โรจน์รัตนวลี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท บิวเทรี่ยม จำกัด ขึ้นรับรางวัลบนเวที Retail Asia Awards 2025  ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเชิดชูแบรนด์ค้าปลีกที่แสดงผลงานอันยอดเยี่ยมในการสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งและตอบโจทย์ผู้บริโภครอบด้าน

 

ความสำเร็จของ BEAUTRIUM ครั้งนี้ สอดรับกับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดเครื่องสำอางไทย ซึ่ง Euromonitor International คาดการณ์ว่ามีมูลค่าถึง 2.81 แสนล้านบาทในปี 2567 เพิ่มขึ้น 10.4% จากปีก่อนหน้า และเป็นหนึ่งใน 5 อุตสาหกรรมสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนจีดีพีของประเทศไทย

 

ส่องจุดยืน “Beauty Companion” ที่ทำให้ทุกคนเข้าถึงสินค้าบิวตี้คุณภาพทุกระดับ

 

BEAUTRIUM ได้วางตำแหน่งตนเองเป็น “แบรนด์บิวตี้รีเทลไทยที่เข้าใจลูกค้าที่สุด” ด้วยแนวคิด “Beauty Companion – เพื่อนทุกความสวย” ที่ทลายทุกกำแพงการเข้าถึงเครื่องสำอางคุณภาพ พร้อมเดินหน้าทำให้ทุกคนเข้าถึงแบรนด์ดังทั้งของไทยและต่างประเทศในทุกระดับราคา พร้อมชูจุดยืน “Cosmetic Equality” ที่เชื่อว่า “เครื่องสำอางไม่มีชนชั้น” โดยสัดส่วนสินค้าทั้งหมดภายในร้าน BEAUTRIUM แบ่งออกได้เป็น สกินแคร์ 37%, เมคอัพ 35% และน้ำหอมและอื่น ๆ 8% โดยกลุ่ม “เมคอัพ” ยังคงเป็นหมวดสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

 

นายจิรวุฒิ โรจน์รัตนวลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวเทรี่ยม จำกัด กล่าวว่า “สำหรับเรา รีเทลไม่ใช่แค่การขายของ แต่คือการสร้างพื้นที่ที่ทุกคนรู้สึกเป็นตัวเอง โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เข้ากับมาตรฐานความงามใด ๆ นี่คือจุดยืนของ BEAUTY COMPANION และการได้รับรางวัลใหญ่ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ความสำเร็จของ BEAUTRIUM เพียงแบรนด์เดียว แต่เป็นการยืนยันศักยภาพของวงการบิวตี้ไทยที่สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมค้าปลีกไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน”

 

ผ่า 5 กลยุทธ์สุดสตรองสู่การเป็นผู้นำตลาดบิวตี้ระดับสากล

1.Comprehensive Retail Network – เครือข่ายหน้าร้านแข็งแกร่งด้วยอีโคซิสเต็มการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุม

ปัจจุบัน BEAUTRIUM มี 72 สาขาทั่วประเทศ และตั้งเป้าขยายครบ 100 สาขาภายในปี 2568 พร้อมระบบ ซัพพลายเชนที่สามารถกระจายสินค้าอย่างรวดเร็วและทั่วถึงทั้งในเขตเมืองและต่างจังหวัด ทำให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าคุณภาพได้อย่างเท่าเทียมกัน ทั้งยังลงทุนในช่องทางออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ อาทิ เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ร้านค้าอย่างเป็นทางการผ่านช่องทาง Marketplace นอกจากนี้ ยังมีบริการ Quick Commerce ผ่าน GrabMart ที่จัดส่งสินค้าได้ในเวลาเพียง 25 นาที เพิ่มทางเลือกและความสะดวกให้ผู้บริโภคในยุคที่ความเร็วคือปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อ

2.Data-Driven Store Clustering – โมเดลการจัดร้านที่ไม่เชื่อใน “One Size Fits All”

BEAUTRIUM ใช้โมเดลการจัดร้านแบบ Cluster โดยวิเคราะห์จากอินไซต์พฤติกรรมผู้บริโภค พื้นที่ตั้งสาขา ความนิยมสินค้า และเทรนด์ของผู้บริโภคในแต่ละโซน เพื่อปรับการจัดวางสินค้าให้ตรงกับความต้องการเฉพาะของแต่ละพื้นที่อย่างแท้จริง เช่น สาขาในเขตเมืองเน้นสินค้าที่อยู่ในกระแสและ K-Beauty ในขณะที่สาขาในท้องถิ่นจะเน้นผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้จริง ราคาจับต้องได้ และมียอดหมุนเวียนเร็ว กลยุทธ์นี้สร้างความรู้สึก “เฉพาะตัว” ให้กับลูกค้ามากกว่าแนวทางแบบ One-Size-Fits-All

3.Trend Setter – รันวงการด้วยการก้าวนำทุกกระแส

หนึ่งในจุดแข็งที่ทำให้ BEAUTRIUM แตกต่างคือการเป็นผู้นำเทรนด์อย่างแท้จริง ในปี 2567 บิวเทรี่ยมเปิดตัวแบรนด์เอ็กซ์ คลูซีฟมากกว่า 41 แบรนด์ ซึ่งหลายแบรนด์เป็นการเปิดตัวในไทยครั้งแรก ก่อนที่จะวางจำหน่ายผ่านช่องทางอื่น สินค้าที่คัดสรรมาครอบคลุมทั้งกลุ่มไอเทมไวรัล, คลีนบิวตี้, สินค้าความงามผู้ชาย และแบรนด์กำลังมาแรงจากทั่วเอเชีย นอกจากนี้ BEAUTRIUM ยังนำเสนอแบรนด์ในร้านกว่า 2,000 แบรนด์ และ SKU มากกว่า 100,000 รายการ ครอบคลุมทุกระดับราคา ตอบสนองทั้งความคุ้มค่าและคุณภาพได้อย่างสมดุล

4.Inspiring Experience – สร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งที่อินสไปร์ ให้ลูกค้าได้ “เป็นตัวเอง” ทุกครั้งที่เข้าร้าน

BEAUTRIUM เชื่อว่าร้านค้าควรเป็นมากกว่าสถานที่ซื้อสินค้า แต่ต้องเป็นสเปซที่ “สร้างแรงบันดาลใจ” และเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมกับแบรนด์ ด้วยแนวคิดการออกแบบร้านที่แตกต่าง กระตุ้นให้เกิดการสำรวจ เพื่อให้ลูกค้าได้ค้นพบไอเทมเด็ดและเปิดใจทดลองแบรนด์ใหม่อยู่เสมอ ไม่เพียงเท่านั้น BEAUTRIUM ยังมุ่งสร้างความรู้สึก “อยากเข้าร้านทุกวัน” ด้วยแคมเปญโปรโมชันที่หมุนเวียนไม่ซ้ำ พร้อมสิทธิประโยชน์จาก Loyalty Program ชั้นนำอย่าง The 1 ที่มอบความคุ้มค่าในทุกการช้อป ไม่ว่าจะเป็นคะแนนสะสม ข้อเสนอพิเศษ หรือแคมเปญเฉพาะกลุ่มที่ตรงใจสมาชิกอย่างแท้จริง ทั้งยังเสริมด้วยการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตลอดปี ทั้งอีเวนต์ใหญ่ระดับประเทศ อีเวนต์ป๊อปอัป และการจัดงานร่วมกับแบรนด์พันธมิตร ที่เปลี่ยนการช้อปปิ้งให้กลายเป็นประสบการณ์ที่สนุกและสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า

 

5.Open Collaboration – หนุนการเติบโตที่ยั่งยืนร่วมกับพาร์ตเนอร์

BEAUTRIUM ให้ความสำคัญกับความร่วมมือในหลากหลายมิติกับพาร์ตเนอร์ ไม่ใช่แค่การเป็นจุดจำหน่ายสินค้า แต่เป็นผู้ร่วมสร้างโอกาสทางธุรกิจให้พันธมิตรทุกภาคส่วน ภายใต้แนวคิด Open Collaboration ที่เปิดกว้างและยืดหยุ่น ทั้งกับแบรนด์เจ้าของสินค้า ผู้จัดจำหน่าย ศูนย์การค้า KOLs ไปจนถึงสื่อดิจิทัลทุกแพลตฟอร์ม ในปี 2567 เพียงปีเดียว BEAUTRIUM ร่วมมือจัดกิจกรรมกับพันธมิตรมากกว่า 800 ครั้ง ทั้งในรูปแบบ Co-Campaign, Live Commerce, Exclusive Launch Event และ Cross-Platform Activation ที่เชื่อมต่อกันทั้งหน้าร้านและออนไลน์ ช่วยขับเคลื่อนยอดขาย เสริมสร้าง Brand Engagement และขยายฐานลูกค้าให้แก่ทุกฝ่าย

 

BEAUTRIUM ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมบิวตี้ไทยสู่เวทีโลก

จากข้อมูลโดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า พบว่าปัจจุบันตลาดเครื่องสำอางที่ผลิตภายในประเทศครองสัดส่วน 85% ของธุรกิจเครื่องสำอางในไทย และตลาดเครื่องสำอางนำเข้าจากต่างประเทศที่มีสัดส่วน 15% โดย BEAUTRIUM จะยังเดินหน้าเป็นกลไกที่สำคัญในการยกระดับและขยายโอกาสของแบรนด์ไทยสู่ตลาดภูมิภาค ในฐานะแบรนด์ที่ก่อตั้งและบริหารโดยคนไทย BEAUTRIUM มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนวงการความงามไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมยกระดับแบรนด์ความงามของคนไทยให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ปัจจุบันมีแบรนด์ไทยวางจำหน่ายในร้านมากกว่า 500 แบรนด์ และคิดเป็นกว่าครึ่งของยอดขายทั้งหมด สะท้อนความตั้งใจของ BEAUTRIUM ในการสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศและผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ด้านความงามของไทยให้ก้าวไกลสู่เวทีโลก

การเป็นพันธมิตรกับ BEAUTRIUM จึงไม่ใช่แค่การมีพื้นที่วางสินค้า แต่คือการเดินร่วมกันในอีโคซิสเต็มที่มีเป้าหมายชัดเจน คือการเติบโตอย่างยั่งยืนของแบรนด์ไทยในเวทีระดับภูมิภาค โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดเครื่องสำอางไทยได้รับความสนใจจากผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น

 

นายอติโรจน์ โรจน์รัตนวลี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท บิวเทรี่ยม จำกัด กล่าวเสริมว่า “เราวัดผลสำเร็จจากความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก ไม่ใช่แค่การขยายสาขา แต่คือการสร้างคุณค่าที่แท้จริงให้ทุกภาคส่วน ทั้งผู้บริโภค พันธมิตร และอุตสาหกรรมความงาม และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนชัดเจนผ่านตัวเลขที่เป็นรูปธรรม ฐานสมาชิกของเราเติบโตเป็นกว่า 1 ล้านคนในปี 2567 มีอัตราการกลับมาใช้บริการถึง 40% ภายใน 5 เดือนแรกของปี 2568 และที่สำคัญคือมูลค่าการซื้อต่อครั้งเพิ่มขึ้น 5% อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าลูกค้าไม่เพียงแค่กลับมาใช้บริการ แต่ยังไว้วางใจให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลความงามอย่างต่อเนื่อง”

มุ่งสู่อนาคตของบิวตี้รีเทลระดับเอเชียด้วยความท้าทายของอุตสาหกรรมที่ต้องใช้เทคโนโลยีใหม่มายกระดับผลิตภัณฑ์และการบริการ BEAUTRIUM พร้อมนำพาวงการบิวตี้ไทยก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำในภูมิภาคเอเชีย ผ่านโมเดล “Beauty Companion” ที่ไม่เพียงขายสินค้า แต่สร้างอีโคซิสเต็มที่ทุกคนสามารถเข้าถึงความงามได้อย่างเท่าเทียม การคว้ารางวัล “Cosmetics Retailer of the Year” ครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่ความสำเร็จของแบรนด์เดียว แต่เป็นก้าวสำคัญที่พิสูจน์ว่าแบรนด์ไทยสามารถสร้างมาตรฐานใหม่และเป็นผู้นำในตลาดสากลได้อย่างแท้จริง


  •  
  •  
  •  
  •  
  •