เตรียมนำ AI ช่วยลดความรุนแรงทางเพศ งานวิจัยเผยผู้ถูกกระทำพร้อมเปิดใจกับหุ่นยนต์มากกว่ามนุษย์

  • 27
  •  
  •  
  •  
  •  

5_9162_th

นอกเหนือจากการใช้ AI อย่างแพร่หลายในเชิงธุรกิจแล้ว เทคโนโลยีล้ำสมัยเหล่านี้ ยังสามารถนำมาปรับใช้กับการแก้ไขปัญหาสังคมได้อย่างมากมาย เช่น การพัฒนาหุ่นยนต์เพื่อการสื่อสาร ที่ชื่อว่า “บอทน้อย” (Botnoi) พบว่าสามารถเป็นเพื่อนคุยกับมนุษย์ได้ดี โดยเฉพาะการทำหน้าที่ “รับฟัง” สามารถช่วยยับยั้งการฆ่าตัวตายได้ ด้วยการรับฟังข้อมูล 24 ชั่วโมง และตอบโต้ได้ทันที

จากงานเสวนา “การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลครั้งแรกในประเทศไทย: กรณีศึกษาความรุนแรงในครอบครัว” จัดโดยโครงการดีแทคพลิกไทย แพลทฟอร์มออนไลน์สำหรับโครงการเพื่อสังคม โดยบริษัท โทเทิ่ลแอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค โดยนักเคลื่อนไหวทางสังคม ตำรวจและนักเทคโนโลยี เห็นตรงกันว่า “เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์” ช่วยเปิดพื้นที่ และเพิ่มประสิทธิภาพระบบการให้คำปรึกษาได้ดี ช่วยลดปัญหาความรุนแรงในครอบครัว

ขณะที่ดีแทคดึงผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์จากเทเลนอร์ เข้าร่วมพัฒนาโครงการเพื่อสังคม พร้อมเชิญชวนป้อนข้อมูลในหุ่นยนต์ผ่านเฟซบุ๊ก “PoliecNoi โปลิศน้อย”

พ.ต.ท.หญิง เพรียบพร้อม เมฆิยานนท์ อาจารย์จากสถาบันส่งเสริมงานสอบสวน และผู้นำเสนอโครงการโปลิศน้อย กล่าวว่า แต่ละปีจะมีสถิติความรุนแรงที่เกิดกับผู้หญิง มีผู้หญิงถูกข่มขืน 30,000 ราย หมายถึงทุก 15 นาที จะมีผู้หญิงถูกข่มขืน แต่มีเพียง 4,000 ราย ที่ผู้เสียหายแจ้งความตำรวจ และมีเพียง 2,400 คดี ที่ผู้ต้องหาถูกดำเนินคดี (ข้อมูลงานวิจัย women’s access to justice สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย)

จากตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงตัวอย่างคดี ที่ผู้หญิงตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงทางเพศ ขณะที่ยังมีความรุนแรงอีกหลายรูปแบบ โดยเฉพาะความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากคนใกล้ตัว เช่น การถูกคู่รักฆ่าหรือทำร้ายร่างกาย อีกมากมาย

“จากข้อมูลสะท้อนถึงปัญหาในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของผู้ถูกกระทำ ในส่วนคดีที่ถูกทำร้ายร่างกาย ผู้เสียหายส่วนใหญ่เลือกจะเก็บเงียบ ไม่แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพราะมองว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว กลัวถูกตราหน้าให้อับอาย กลัวเพราะถูกข่มขู่โดยคู่กรณี หรืออยู่ในภาวะต้องพึ่งพาทางเศรษฐกิจต่อผู้กระทำผิด รวมทั้งไม่ทราบว่า ตนมีสิทธิที่จะดำเนินคดีได้ เช่น เป็นสามีภรรยาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือเป็นเพียงผู้อยู่อาศัยในครัวเรือน เช่น คนรับใช้ในบ้าน”

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่มาจากผู้บังคับใช้กฎหมายเอง เช่น หากมีการไปร้องทุกข์แล้ว ผู้เสียหายเกรงว่าจะไม่ได้รับความเอาใจใส่ในคดี เพราะในบางครั้งตัวผู้บังคับใช้กฎหมายเองมองว่าเป็นปัญหาในครอบครัว หรือหากดำเนินคดีไปท้ายที่สุดแล้วในชั้นศาลก็เข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ยซ้ำไปซ้ำมา

รวมทั้งปัจจัยที่มาจากผู้ถูกกระทำ มักมาขอถอนคำร้องทุกข์ เพราะได้กลับเข้าสู่ช่วงที่มีความสัมพันธ์อันดี (Honeymoon period) ทำให้เกิดความใจอ่อน สงสาร จนไม่ต้องการดำเนินคดีต่อไป

สาเหตุดังกล่าวทำให้สถิติดำเนินคดีมีน้อย ซึ่งในปี 2556 มีคดีความรุนแรง 696 คดี ถ้าติดตามจากสื่อออนไลน์ จะพบว่าผู้หญิงตกเป็นเหยื่อของการกระทำความรุนแรงในครอบครัวสูงมาก ทั้งข่าวผู้หญิงถูกทำร้าย หรือถูกฆาตกรรมจากความหึงหวง โดยคนรักหรือคนใกล้ชิดของตัวเอง

หรือข่าวผู้หญิงลงมือฆ่าคนรักหรือสามี เพราะการถูกกดขี่ หรือถูกทำร้ายร่างกายซ้ำๆ เป็นเวลานาน จึงเลือกแก้ปัญหาด้วยการเป็นผู้กระทำเสียเอง

“กลไกในการให้คำปรึกษา จะเข้ามามีส่วนสำคัญอย่างมาก ในการลดความรุนแรงในครอบครัว เพิ่มช่องทางการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ง่ายขึ้น ช่องทางดิจิทัลอย่างแอปพลิเคชันหรือแชทบอท จะเข้ามามีส่วนสำคัญในการเป็นที่ปรึกษา จึงเป็นที่มาของโครงการโปลิศน้อย แชทบอท ที่จะเป็นเพื่อนให้ผู้หญิงที่ถูกกระทำ มีช่องทางในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมเพิ่มมากขึ้น” พ.ต.ท.หญิง เพรียบพร้อม กล่าว

“โปลิศน้อย” จะลดปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ที่อาจเกิดความไม่ไว้ใจในการให้ข้อมูล การขาดแคลนเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษา ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการทดสอบความถูกต้อง และความแม่นยำในการให้บริการ โดยได้รับการสนับสนุนโดยบริษัท โทเทิ่ลแอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ที่ให้ทุนเบื้องต้น 100,000 บาท เพื่อพัฒนาและเชื่อมโยงเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาหุ่นยนต์

Resize of เสวนา

โดยมี ดร.วินน์ วรวุฒิคุณชัย นักวิทยาศาสตร์ข้อมูลประจำเทเลนอร์ เอเชีย เข้ามาช่วยพัฒนาหุ่นยต์โปลิศน้อย ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นการเพิ่มความแม่นยำของคำปรึกษาด้วยการป้อนข้อมูลเพิ่มมากขึ้น โดยสามารถร่วมป้อนข้อมูลได้ที่เฟซบุ๊ก “PoliecNoi โปลิศน้อย”

“AI สามารถเข้ามาปรับใช้กับการแก้ไขปัญหาสังคมได้อย่างนานัปการ ซึ่งมีข้อดีคือ การให้ข้อมูล 24 ชั่วโมง ตอบโต้ทันที และได้ข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำ” ดร.วินน์ กล่าว

จากประสบการณ์พัฒนาหุ่นยนต์เพื่อการสื่อสาร ที่ชื่อว่า “บอทน้อย” (Botnoi) ซึ่งมีผู้ใช้บริการกว่า 1 ล้านรายบนแอปพลิเคชันไลน์ พบว่าหุ่นยนต์สามารถเป็นเพื่อนคุยกับมนุษย์ได้ดี โดยเฉพาะการทำหน้าที่ “รับฟัง” สามารถช่วยยับยั้งการตัดสินใจในการฆ่าตัวตายได้

สอดคล้องกับงานวิจัยเรื่อง Humanity in the Machine โดยเอเจนซี่โฆษณามายด์แชร์ สหราชอาณาจักร, มหาวิทยาลัยโกลด์สมิธ และไอบีเอ็มวัตสัน ระบุว่า 63% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า มนุษย์มีความสะดวกใจที่จะให้ข้อมูลที่มีความอ่อนไหว กับหุ่นยนต์มากกว่ามนุษย์ เนื่องจากมีความไว้เนื้อเชื่อใจ ว่าจะไม่ถูกตัดสินจากผู้รับข้อมูลที่เป็นมนุษย์

“นี่ถือเป็นก้าวสำคัญของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการแก้ไขปัญหาสังคม ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และลดช่องว่างที่เกิดขึ้นในอดีตได้” ดร.วินน์ กล่าว

Resize of คุณจะเด็จ

คุณจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า ความรุนแรงในครอบครัวของไทย ปัจจุบันยังมีความรุนแรงต่อเนื่อง พบว่าปี 2559 มีคดีความรุนแรงในครอบครัวถึง 466 คดี โดยความรุนแรงถึงขั้นถึงแก่ชีวิต คิดเป็นสัดส่วนถึง 83% ของคดีทั้งหมด

สถานการณ์ส่วนใหญ่ ผู้ชายเป็นผู้กระทำในทุกประเภทข่าวความรุนแรง โดยเฉพาะข่าวการฆ่า การทำร้ายกัน สาเหตุมาจากความหึงหวง และภรรยาไม่ยอมคืนดีด้วย ถ้าภรรยาเป็นผู้กระทำ ส่วนใหญ่จะมาจากการต้องทนทุกข์กับสภาวะการถูกกระทำมาก่อน

“เหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัว สะท้อนทัศนคติที่ถูกปลูกฝังว่า เมื่อหญิงและชายมีความสัมพันธ์กันแล้ว ทั้งในรูปแบบของสามี ภรรยา หรือคู่รักแบบแฟน ฝ่ายชายมักคิดว่า ฝ่ายหญิงต้องเป็นสมบัติของฝ่ายชาย ถือเป็นการใช้อำนาจเหนือผ่านการแสดงออกที่เป็นรูปธรรม ของพฤติกรรมความเป็นเจ้าของ การครอบครอง การใช้กำลังบังคับข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย ขั้นร้ายแรงที่สุดก็คือการฆ่า สะท้อนผู้กระทำไม่มองคนรักเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน”

กรุงเทพฯ ถือเป็นพื้นที่ที่เกิดความรุนแรงในครอบครัวเป็นส่วนใหญ่ เพราะมีความหลากหลายทางสังคม สภาวะแรงกดดัน การแข่งขัน มีความเป็นเมืองและปัจเจกสูง ซึ่งเป็นปัจจัยผลักดันให้เกิดสถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัวขึ้นได้

“แนวคิดสังคมชายเป็นใหญ่ ความรุนแรงในครอบครัวเป็นเรื่องส่วนตัว ทำให้ไม่สามารถปรึกษาคนใกล้ตัว เพื่อนหรือคนในครอบครัวได้ ทำให้เกิดแรงกดดันและความรุนแรงต่อเนื่องได้ การมี ‘พื้นที่’ ให้ผู้ถูกกระทำได้ปรึกษาและระบายความรู้สึก จึงมีความสำคัญมาก เป็นกลไกที่ช่วยยุติความรุนแรงในครอบครัวได้”

dtac


  • 27
  •  
  •  
  •  
  •