UK: The Digital Gateway เจาะตลาด E-Commerce สหราชอาณาจักร สู่โอกาสทางการค้าออนไลน์ใหม่ของผู้ประกอบการไทย

  • 54
  •  
  •  
  •  
  •  

ปัจจุบันสถานการณ์การค้าโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด ส่งผลให้รูปแบบทางการค้าโลกไม่ได้จำกัดอยู่แค่การค้าในรูปแบบเดิม (General Trade) เพียงเท่านั้น การค้าออนไลน์ข้ามพรมแดน (Cross Border E-Commmerce) ได้เข้ามามีบทบาททางการค้าในยุคดิจิทัลมากยิ่งขึ้น การที่ผู้ประกอบการไทยจะสามารถแข่งขันในการค้าออนไลน์โลกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

 

การมีช่องทางที่จะสามารถ พาผู้ประกอบการทุกท่านไปบุกตลาดการค้าออนไลน์ต่างประเทศในการทดลองตลาดโลกจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งโครงการร้าน TOPTHAI by DITP ถือได้ว่าเป็นโครงการสำคัญที่จะช่วยผลักดันผู้ประกอบการไทยในการส่งออกสินค้าศักยภาพไปขายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระดับโลกได้ และเป็นอีกกลไกสำคัญในการเชื่อมโยงตลาดทางการค้าและสินค้าไทยให้กับผู้ประกอบการไทยสู่ผู้บริโภคทั่วโลก ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระดับสากลได้ ซึ่งครั้งนี้จะพาไปเจาะลึกอีกหนึ่งในตลาด E-Commerce สำคัญที่เป็นที่น่าจับตามอง คือ ตลาด E-Commerce ในสหราชอาณาจักร (UK) ซึ่งกำลังกลายเป็นอีกหนึ่งโอกาสใหม่สำหรับผู้ประกอบการไทยในอนาคต

 

ภาพรวมตลาด E-Commerce ในสหราชอาณาจักร

 

จากรายงานผลสำรวจของเว็บไซต์ Statista พบว่า ในปี 2567 ตลาด E-Commerce ของสหราชอาณาจักร (UK) เป็นตลาดสำคัญอันดับ 3 ของโลก รองจากจีน และสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ [1] โดยคาดการณ์ว่าในปี 2568 ตลาด E-Commerce ของสหราชอาณาจักรจะมีมูลค่า 141.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ [2] และมีการคาดการณ์ว่าการค้าออนไลน์ของสหราชอาณาจักรจะมีมูลค่าถึง 185.97 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2572 [2] จึงนับได้ว่าตลาดE-Commerce สหราชอาณาจักร เป็นตลาด E-Commerce ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคยุโรป

 

(ที่มา: https://www.mobiloud.com/blog/ecommerce-market-size-by-country)

 

ช่องทางยอดนิยม: แพลตฟอร์มที่ผู้บริโภคอังกฤษเลือกใช้

 

รายงานผลสำรวจข้อมูลจาก Statistaพบว่า ในปี 2567 แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำในสหราชอาณาจักรที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่

 

อันดับที่ 1  Amazon.co.uk ยังคงครองตำแหน่งผู้นำอย่างแข็งแกร่งด้วยยอดขายมูลค่า 16.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย Amazon.co.uk เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ผู้บริโภคชาวสหราชอาณาจักรร้อยละ 86 นิยมใช้ซื้อสินค้า ทั้งนี้ ร้อยละ 70 ของผู้บริโภคในสหราชอาณาจักรมีการซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ Amazon อย่างน้อย 1 ครั้ง/เดือน

อันดับที่ 2 Tesco.com ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ของเครือซูเปอร์มาร์เก็ต Tesco มียอดขายมูลค่า 7.22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเน้นสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ตและของใช้ในชีวิตประจำวัน

อันดับที่ 3 Sainsbury’s.co.uk เครือซูเปอร์มาร์เก็ต Sainsbury’s มียอดขายมูลค่า 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มค้าปลีกที่ผู้บริโภคใน UK ให้ความไว้วางใจแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคในสหราชอาณาจักรนิยมใช้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียงและมีความน่าเชื่อถือรวมถึงแพลตฟอร์มของซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ทีตอบสนองความต้องการในชีวิตประจำวันได้อย่างครบวงจรแพลตฟอร์มเหล่านี้ไม่เป็นแค่เพียงศูนย์กลางของการซื้อขายสินค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเชื่อมสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างประเทศไทย ได้เข้าถึงผู้บริโภคสหราชอาณาจักรอย่างมีประสิทธิภาพ

 

ที่มา : www.statista.com/forecasts/870307/united-kingdom-top-online-stores-united-kingdom-ecommercedb [3]

 

โอกาสของสินค้าไทยในตลาดE-commerce UK:ชี้ช่องรุกตลาดดิจิทัล

 

สหราชอาณาจักรขึ้นแท่นเป็นตลาด E-commerce ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคอังกฤษโดยเฉพาะกลุ่มอายุ 25-34 ปี ซึ่งซื้อสินค้าเฉลี่ย 6 ครั้งต่อเดือน หันมานิยมซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งนี้ กลุ่มอายุ 25-34 ปี มีสัดส่วนมากที่สุดที่ร้อยละ 23.2 ในทางตรงกันข้าม กลุ่มอายุ 18-24 ปีมีสัดส่วนน้อยที่สุดที่ร้อยละ 13.9 โดยมีความแตกต่างจากกลุ่มอายุ 25-34 ปี อยู่ที่ร้อยละ 9.3 [4] นี่คือโอกาสทองของผู้ประกอบการไทยในการขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์ม E-commerce เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวางขึ้น เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และสร้างผลกำไรด้วยต้นทุนที่ต่ำลง สินค้าไทยที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะสินค้าอาหารและไลฟ์สไตล์ ควรได้รับการผลักดันสู่ตลาดออนไลน์ โดยร่วมมือกับห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และผู้ค้าปลีกรายใหญ่ในสหราชอาณาจักร ซึ่งส่วนใหญ่มีช่องทางจำหน่ายออนไลน์ควบคู่ไปกับหน้าร้าน

การจับมือกับพันธมิตรเหล่านี้เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและประชาสัมพันธ์สินค้าไทยผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของพวกเขา เช่น Argos, Tesco, Amazon และ Ocado จะช่วยเพิ่มโอกาสให้สินค้าไทยเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น โดยอาจนำเสนอสิทธิประโยชน์หรือส่วนลดพิเศษ “Hot Deal” เพื่อดึงดูดใจผู้ซื้อ อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาด E-commerce สหราชอาณาจักรนั้นสูงมาก โดยมีผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Amazon และเครือซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ ผู้ประกอบการไทยจึงจำเป็นต้องศึกษาและทำความเข้าใจพฤติกรรมและความคาดหวังของผู้ซื้อออนไลน์อย่างถ่องแท้ ให้ความสำคัญทั้งเรื่องราคาและข้อมูลรายละเอียดคุณภาพของสินค้า รวมทั้ง กฎ ระเบียบ และเงื่อนไขของแต่ละแพลตฟอร์ม ทั้งนี้จากรายงานผลการสำรวจจาก Statista ระบุว่า จากการจัดทำผลสำรวจออนไลน์จากจำนวนผู้ทำการตอบแบบสำรวจกว่า 4,746 ราย [5] พบว่า สินค้าที่นิยมซื้อออนไลน์ในสหราชอาณาจักร 3 อันดับแรก คือ:

  • แฟชั่น (เสื้อผ้า , รองเท้า , กระเป๋าและเครื่องประดับ)
  • เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย
  • เครื่องใช้ไฟฟ้า

การมุ่งเน้นสินค้าในกลุ่มเหล่านี้ พร้อมการนำเสนอที่น่าสนใจและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค จะช่วยให้สินค้าไทยประสบความสำเร็จในตลาด E-commerce ของสหราชอาณาจักรได้อย่างแน่นอน

 

TOPTHAI: โอกาสของผู้ประกอบการไทยบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำ

 

โครงการร้าน TOPTHAI เป็นอีกหนึ่งโครงการศักยภาพที่ดำเนินการโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ได้ริเริ่มขึ้นตั้งแต่ ปี 2563 มุ่งเน้นผลักดันการส่งออกสินค้าไทยไปยังต่างประเทศ ผ่านแพลตฟอร์มพันธมิตรของDITPเพื่อช่วยผู้ประกอบการไทยและผลักดันภาคธุรกิจไทยให้สามารถปรับตัวเข้าสู่การค้าโลกในยุคดิจิทัลได้ ผ่านการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้ประกอบการเพื่อเตรียมความพร้อมการเข้าสู่การค้าออนไลน์ โดย DITP  ได้ขยายความร่วมมือกับแพลตฟอร์มชั้นนำทั่วโลก และจัดตั้งร้าน TOPTHAI บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 10 แพลตฟอร์ม ใน 11 ประเทศ ได้แก่ 1) Amazon (สหรัฐอเมริกา) 2) Tmall China (จีน) 3) Bigbasket (อินเดีย) 4) Klangthai (กัมพูชา) 5) Blibli.com (อินโดนีเซีย) 6) PChome Thai (ไต้หวัน) 7) Shopee (สิงคโปร์/มาเลเซีย/ฟิลิปปินส์) 8) Lazada 9) Rakuten (ญี่ปุ่น) และล่าสุด 10) LetsTango (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) [6]

โดยโครงการร้าน TOPTHAI เป็นโมเดลที่ช่วยให้ SMEs ไทยมีโอกาสทดลองตลาด ช่วยลดต้นทุนในการดำเนินการ ช่วยเสริมภาพลักษณ์สร้างความน่าเชื่อถือ และมีทีมผู้เชี่ยวชาญช่วยทำประชาสัมพันธ์และการตลาด ปัจจุบันมีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมโครงการกว่า 2,500 ราย และมียอดขายที่เกิดขึ้นจริงรวมมากกว่า 800 ล้านบาท ทั้งนี้ โครงการ TOPTHAI มีแผนตั้งเป้าที่จะขยายร้าน TOPTHAI ไปยังตลาดศักยภาพอื่น ไม่ว่าจะเป็นตลาดสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ภูมิภาคยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาด E-Commerce ในสหราชอาณาจักร อาทิ Amazon.co.uk นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายความร่วมมือกับห้างสรรพสินค้า/ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่มีแพลตฟอร์มออนไลน์ ในตลาดเป้าหมายอื่น ๆ อาทิ ประเทศในภูมิภาคยุโรป

ซึ่งหากผู้ประกอบการไทยที่มีความพร้อมในการส่งออกและมีความประสงค์อยากทดลองขายสินค้าไทยออนไลน์บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำเพื่อทดลองตลาด โครงการ TOPTHAI อาจเป็นอีกหนึ่งช่องทางเลือกที่จะเป็นโอกาสในการขยายตลาดให้ผู้ประกอบการไทยได้โดยสามารถเข้าศึกษาคุณสมบัติและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์  https://www.thaitrade.com/topthai/

 

ข้อควรรู้ทางกฎหมายก่อนบุกตลาด UK  [7]

 

การเข้าสู่ตลาด E-Commerce ในสหราชอาณาจักรไม่เพียงต้องพิจารณาเรื่องสินค้า ช่องทางจำหน่าย หรือการทำการตลาดดิจิทัลเท่านั้น แต่ “กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค” (Consumer Law) ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือในตลาดต่างประเทศ และหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายในอนาคตแม้สหราชอาณาจักร (UK) จะออกจากสหภาพยุโรป (EU) แล้ว แต่หลายมาตรฐานทางกฎหมายของ EU ยังคงถูกนำมาใช้ในประเทศ รวมถึงกฎหมายคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคออนไลน์ ซึ่งมีผลบังคับใช้กับผู้ขายสินค้าในแพลตฟอร์มE-Commerce ทุกรูปแบบดังนั้น ผู้ประกอบการไทยควรศึกษากฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคของ UK อย่างรอบคอบ โดยเฉพาะสิทธิการยกเลิกภายใน 14 วัน และรายละเอียดสินค้าก่อนชำระเงิน  เช่น ชนิดของสินค้า ราคา และข้อมูลของผู้ซื้อ เพื่อให้ผู้ซื้อได้ทำการตรวจสอบก่อนการชำระเงินซึ่งมีผลบังคับใช้กับผู้ขายออนไลน์ทุประเภท แม้จะขายผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซก็ตาม ในกรณีของผู้ประกอบการรายเล็กที่ไม่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง และใช้ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีการดำเนินการอยู่แล้ว โดยผู้ประกอบการควรตรวจสอบว่าปฏิบัติตามกฎของรัฐบาลสหราชอาณาจักรหรือไม่

 

พร้อมมุ่งสู่ตลาดUK อย่างมั่นใจ ด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจนและยั่งยืน

 

เมื่อพิจารณาทั้งในด้านพฤติกรรมผู้บริโภค เทคโนโลยี และกฎระเบียบต่าง ๆ สหราชอาณาจักรจึงไม่ได้เป็นเพียงตลาดขนาดใหญ่ แต่ยังเป็น “ตลาดที่ใช่” สำหรับสินค้าไทยที่มีคุณภาพและพร้อมแข่งขันในระดับสากล ความร่วมมือระหว่างโครงการ TOPTHAI กับแพลตฟอร์ม

อีคอมเมิร์ซชั้นนำพันธมิตรของ DITP ที่มีแผนจะขยายความร่วมมือกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในตลาดสหราชอาณาจักรในอนาคต จะเป็นอีกหนึ่งโครงการฯ สำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดเดิม และเข้าถึงผู้บริโภคในตลาดยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดอังกฤษได้อย่างมั่นใจผ่านมุมมองเชิงลึกในการสร้างธุรกิจไทยให้สามารถเติบโตสู่ระดับโลกได้

🔗ติดต่อ:

สนใจเข้าร่วมโครงการหรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: http://www.thaitrade.com/topthai

หรือหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม/สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ digitalnet@ditp.go.th

Social Media (ผ่านช่องทาง Facebook/Tiktiok/Instagram/Youtube): TOPTHAI by DITP

อ้างอิงจากแหล่งข้อมูล:

[1] https://www.mobiloud.com/blog/ecommerce-market-size-by-country และhttps://www.sellerscommerce.com/blog/largest-ecommerce-markets/

[2] https://www.statista.com/outlook/emo/ecommerce/united-kingdom  และ

https://www.statista.com/forecasts/1438045/revenue-e-commerce-e-commerce-marketunitedkingdom#:~:text=The%20revenue%20in%20the%20e,broad%20range%20of%20additional%20markets

[3] https://www.statista.com/forecasts/870307/united-kingdom-top-online-stores-united -kingdom-ecommercedb

และ https://www.statista.com/statistics/1186167/internet-sales-share-by-retail-sector-uk/

[5] https://www.statista.com/forecasts/997800/most-popular-categories-for-online- uk#:~:text=Among%20UK%20consumers%20the%20two,in%20the%20UK%2C%20in%202023. และ https://anchanto.com/the-uk-e-commerce-industry-everything-you-need-to-know/

[4] https://www.statista.com/forecasts/1325979/users-ecommerce-market-age-distribution-united-kingdom

[6] กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ข้อมูลโครงการร้าน TOPTHAI

[7] https://www.legislation.gov.uk/uksi/2002/2013/contents และ

https://www.theguardian.com/small-business-network/2014/jul/03/ecommerce-legal

 

 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงลอนดอน รายงานคู่มือการค้าออนไลน์ข้ามพรมแดนในสหราชอาณาจักร (Cross Border E-Commerce)

 


  • 54
  •  
  •  
  •  
  •