ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2025 แบบนี้ ถ้าไม่ได้วางแผนเที่ยวก็เชื่อว่านักการตลาดหลายๆคนคงกำลังเตรียมวางแผนกลยุทธ์สำหรับปีหน้ากันอยู่อย่างแน่นอน แต่คำถามสำคัญของโลกธุรกิจคือ “ปีหน้าอะไรจะมา?” และ “เราควรโฟกัสที่จุดไหน?”
ล่าสุด Pinterest แพลตฟอร์มที่เพิ่งมาเปิดตัวในประเทศไทยไปเมื่อเร็วๆนี้และโดดเด่นเรื่องการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั่วโลก เพิ่งเปิดรายงานแห่งปีที่มีชื่อว่า “Pinterest Predicts 2026” ออกมาแล้ว รายงานที่เรียกว่าเป็นคัมภีร์เทรนด์ที่เกิดจาก Data จริงของผู้ใช้งานกว่าหลายร้อยล้านคนก็ว่าได้
บทความนี้ Marketing Oops!? จะมาสรุปให้ดูกันว่า Pinterest Predict คืออะไร มันมีความน่าสนใจอย่างไร และเราจะหยิบจับ Insight อะไรไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจได้บ้าง?
ทำไมต้องเชื่อ Pinterest?
ความน่าสนใจของรายงาน Pinterest Predicts อยู่ที่ “ความแม่นยำ” โดยมีสถิติที่น่าสนใจคือตลอดหลายปีที่ผ่านมา การคาดการณ์ของ Pinterest มีความแม่นยำสูงถึง 88% นั่นหมายความว่า ถ้า Pinterest บอกว่าอะไรจะมา โอกาสที่มันจะฮิตจริงๆ ในปี 2026 นั้นมีสูงมาก จนกลายเป็นเครื่องมือที่นักการตลาดระดับโลกใช้จับตามอง (Watchlist)
เหตุผลที่การคาดการณ์ของ Pinterest แม่นมากๆก็เพราะเป็นการใช้ Search Data หรือข้อมูลการค้นหาของผู้ใช้งานจริง โดยเฉพาะพฤติกรรมบน Pinterest นั้นมีความเแตกต่างจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่น ตรงที่ผู้คนมักจะเข้ามา “วางแผนอนาคต” ไม่ว่าจะเป็นการหาไอเดียแต่งบ้าน รีโนเวทห้อง เตรียมจัดงานแต่งงาน หรือวางแพลนทริปเที่ยวล่วงหน้า ทำให้ Pinterest เห็น Signals เล็กๆ ก่อนที่มันจะกลายเป็นเทรนด์กระแสหลักในวงกว้าง
ไฮไลท์สำคัญใน Pinterest Predicts 2026
ในปีนี้ Pinterest ได้สรุปเนื้อหา Pinterest Predicts ออกมาเป็น 21 เทรนด์หลัก ที่คาดว่าจะสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในปี 2026 โดยครอบคลุมหลากหลายหมวดหมู่ (Categories) ที่สะท้อนไลฟ์สไตล์ของผู้คนยุคใหม่ เช่น
- Lifestyle & Home
- Fashion & Beauty
- Hobbies, Well-being
- Travel
- Food & Drink
ในรายงานฉบับเต็ม Pinterest จะเจาะลึกแต่ละเทรนด์พร้อมคำอธิบายสั้นๆ และทีเด็ดคือ Key Search Trend Notes หรือคำค้นหาที่กำลังมาแรง เพื่อให้เราได้เห็นภาพชัดเจนว่าผู้บริโภคกำลังพิมพ์คำว่าอะไรลงในช่องค้นหาคำอะไรที่กำลังเป็น Rising stars กันแน่
ตัวอย่าง 8 เทรนด์มาแรงปี 2026
จาก 21 เทรนด์ในรายงาน เราได้คัดเลือก Highlight ที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะ “อิน” ในหมู่ผู้บริโภคไทย โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ Millennials มาฝากกันด้วย
1. Glitchy Glam สวยแบบ Glitch ไม่เน้นเป๊ะ
Concept: ปี 2026 ความงามคือศิลปะแห่งความ “ผิดพลาดแบบตั้งใจ” (Missing the mark on purpose) Gen Z และ Millennials จะสนุกกับการแต่งหน้าที่ไม่ต้องเนี้ยบ ทาเล็บมือซ้ายขวาคนละสี หรือใช้อายแชโดว์สีตัดกันแบบสุดขั้ว
Key Stats: Avant-garde makeup editorial (+270%), Nails with different colours on each hand (+125%), Weird makeup looks (+115%)
แบรนด์บิวตี้สามารถคิดนอกกรอบเลิกขายความ Perfection แล้วหันมาทำแคมเปญที่สนับสนุนความ “Real” หรือสินค้าที่เปิดกว้างให้ลูกค้า Mix & Match สีสันได้เอง
2. Throwback Kid วัยเด็กย้อนยุค
Concept: พ่อแม่ยุคใหม่ (Millennials & Gen X) กำลังพาคุณลูกนั่งไทม์แมชชีนกลับไปหาความคลาสสิก ทั้งของเล่นยุค 60s, เสื้อผ้าวินเทจ และการเลี้ยงลูกแบบ Old School ที่เน้นความเรียบง่ายและยั่งยืน
Key Stats: 1970s childhood toys (+125%), Upcycled baby clothes (+95%)
ตลาดสินค้าแม่และเด็กกลุ่ม Niche ที่เน้นดีไซน์ Retro, ของเล่นไม้ หรือเสื้อผ้ามือสอง (Resale) จะกลับมาคึกคักมาก
3. Neo Deco อาร์ตเดโคยุคใหม่
Concept: ความหรูหราของยุค Art Deco กลับมาอีกครั้ง แต่เวอร์ชัน 2026 จะล้ำกว่าเดิมด้วยการผสมผสานวัสดุโครเมียม (Chrome) รูปทรงเรขาคณิต และความระยิบระยับแบบ Futuristic เข้าไปด้วย
Key Stats: Antique bar cart (+100%), Red marble bathroom (+80%)
งานออกแบบ Packaging หรือการตกแต่งร้านค้าที่ใช้คู่สีทอง/โครเมียม และเส้นสายเรขาคณิต จะช่วยอัปเกรดภาพลักษณ์แบรนด์ให้ดู Luxury และทันสมัย
4. Scent Stacking ปรุงกลิ่นหอมเฉพาะตัว
Concept: ผู้บริโภคยุคใหม่ผันตัวเป็น “นักปรุงน้ำหอม” โดยการฉีดน้ำหอมหลายเลเยอร์ (Layering) เพื่อสร้างกลิ่น Signature ของตัวเอง
Key Stats: Niche perfume collection (+500%), Perfume layering combinations (+125%)
โอกาสของแบรนด์เครื่องหอมในการขายแบบ Set หรือ Discovery Kit ที่กระตุ้นให้ลูกค้าซื้อทีละหลายกลิ่นเพื่อไปผสมเอง
5. Extra Celestial ท่องอวกาศสุดล้ำ
Concept: เทรนด์นี้คือการผสมผสานความล้ำยุคของอวกาศ (Futurism) เข้ากับแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ เน้นสีโฮโลแกรม ความแวววาวแบบมนุษย์ต่างดาว (Alien-chic) และแสงระยิบระยับของดวงดาว
Key Stats: Aliencore aesthetic (+80%), Opalescence (+115%), Alien makeup (+140%)
เทรนด์นี้เหมาะมากสำหรับแบรนด์เครื่องสำอางที่เน้นชิมเมอร์/กลิตเตอร์ หรือสินค้า Tech Gadget ที่มีดีไซน์ล้ำสมัยเหมือนหลุดมาจากหนัง Sci-Fi
6. Mystic Outland ท่องโลกหลุดจินตนาการ
Concept: เป็นเทรนด์ของการท่องเที่ยวเพื่อ “ฮีลใจ” ขั้นสุด คือการพาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่เหมือนหลุดมาจากเทพนิยาย ไม่ว่าจะเป็นป่าหมอก, ซากปรักหักพัง หรือธรรมชาติที่ดูเหนือจริง (Surreal)
Key Stats: Misty forests, Dreamy travel destinations, Abandoned ruins
ธุรกิจท่องเที่ยวควรเน้น Storytelling ที่ดูลึกลับ น่าค้นหา หรือนำเสนอ Unseen Location ที่ให้บรรยากาศเหมือนฝัน
7. Gimme Gummy หนึบหนับจับใจ
Concept: เทรนด์ที่มาแรงในงานดีไซน์คือผิวสัมผัสแบบ “เจลลี่” (Gummy) ที่มีความนุ่ม เด้ง โปร่งแสง และสีสันพาสเทลสดใส เห็นแล้วอยากบีบอยากสัมผัส
Key Stats: Gummy aesthetic, Jelly texture, Transparent design
เทรนด์นี้สามารถนำไปใช้กับการออกแบบ Gadget, เคสโทรศัพท์, เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่ Graphic Design บนโซเชียลมีเดียเพื่อเรียก Engagement
8. Cool Blue ความคูลโทนเย็น
Concept: เตรียมสัมผัสความเย็นยะเยือก! ปี 2026 โทนสี “ฟ้าไอซ์บลู” (Icy Blue) จะเข้ามาแทนที่ความร้อนแรง ไม่ว่าจะเป็นเมคอัพโทนเย็น (Frosted makeup), เครื่องดื่มสีฟ้าสดใส หรือแฟชั่นที่ดูหรูหราแบบราชินีน้ำแข็ง (Subzero Sophistication)
Key Stats: Frosted makeup (+150%), Blue drinks aesthetic (+55%), Glacier aesthetic (+35%)
เป็นโอกาสดีสำหรับสินค้าแฟชั่นและบิวตี้ที่จะเล่นกับโทนสีฟ้าพาสเทล หรือร้านเครื่องดื่มที่สามารถครีเอตเมนู “Blue Ocean” ที่ถ่ายรูปสวยและให้ความรู้สึกสดชื่นได้
ใครที่กำลังมองหาไอเดียใหม่ๆ หรือต้องการข้อมูลรองรับในการทำแผนปี 2026 ก็คงต้องไปอ่าน Pinterest Predicts 2026 กันดูโดยสามารถเข้าไปดูรายงานฉบับเต็มได้ที่ https://newsroom.pinterest.com/en-au/news/pinterest-predicts-nonconformity-self-preservation-and-escapism-drive-21-trends-for-2026/
ที่มา: Social Media Today, Pinterest
