ส่องเทรนด์ Digital Advertising 2026! สรุปจากเวที DV IMPACT 2025 เมื่อยอดไลค์ยอดแชร์ไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

ทุกวันนี้การทำตลาดแบบที่วัดความสำเร็จจากยอดไลค์ ยอดแชร์ หรือการกดราคา CPM ให้ถูกที่สุดกลายเป็นวิธีการที่ล้าสมัยไปแล้ว เพราะนี่คือวิธีการใหม่ๆที่น่าสนใจจากงาน DV IMPACT Bangkok 2025 ที่จัดโดย DoubleVerify เมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา งานที่รวบรวมเหล่ากูรูและผู้บริหารจากเอเจนซี่ชั้นนำของไทยมาถอดรหัสเทรนด์ของสือดิจิทัลในยุคนี้ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

คำถามสำคัญที่นักการตลาดต้องตอบให้ได้คือ ในเมื่อเงินทุกบาททุกสตางค์มีความหมาย แล้วเราจะรู้อย่างไรว่าโฆษณาที่ปล่อยออกไปมี “คุณภาพ” และสร้าง “Impact” กับธุรกิจเราได้จริงๆ? Marketing Oops! สรุปคีย์สำคัญที่นักการตลาดต้องรู้ ทั้งเทรนด์ AI, การวัดผลยุคใหม่ และแพลตฟอร์มไหนที่จะมาแรงในปี 2026 จากในงานมาให้อ่านกันในบทความนี้แล้ว

DoubleVerify ชูแพลตฟอร์ม MAP ตอบโจทย์โลกยุคใหม่

ในยุคที่ 87% ของผู้บริโภคไทยใช้เวลาบนโซเชียลมีเดียมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน 50% ก็พร้อมจะเลิกซื้อสินค้าทันทีหากเห็นโฆษณาไปโผล่ข้างๆ คอนเทนต์ที่ไม่เหมาะสม โจทย์ของนักการตลาดจึงซับซ้อนขึ้นอย่างมาก

ในงานนี้ DoubleVerify เลยเปิดตัวโซลูชันใหม่ในชื่อ DV Media AdVantage Platform (DV MAP) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เปลี่ยนเกมการวัดผลแบบเดิมๆ ไป โดยมี 3 เสาหลักคือ

  1. Verify : บริการที่เป็นหัวใจดั้งเดิมของ DV แต่ลึกซึ้งกว่าเดิม คือการตรวจสอบให้ว่า Impression ที่ซื้อไปนั้นมีคุณภาพจริงๆ ไม่ใช่แค่ตัวเลขลอยๆ ครอบคลุมตั้งแต่การป้องกัน Fraud, การวัด Viewability (โฆษณาถูกเห็นจริง), Brand Safety & Suitability (การที่โฆษณาอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสมและปลอดภัย) ไปจนถึงการวัด Attention ของผู้ใช้งาน
  2. Optimize : บริการใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาผ่านการเข้าซื้อ Scibids ซึ่งเป็นเทคโนโลยี AI ที่เข้ามาช่วย “ทำงานแทนคน” ในส่วนที่ต้องทำซ้ำๆ และซับซ้อน ช่วยให้นักการตลาดและเอเจนซี่ที่เคยใช้เวลาเฉลี่ยเกือบ 12 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในการ Optimize แคมเปญ สามารถทำงานได้เร็วขึ้น แม่นยำขึ้น และสร้าง ROI ได้ดีขึ้นถึง 4 เท่า
  3. Prove : อีกบริการน่าสนใจที่มาจากการเข้าซื้อ Rockerbox ซึ่งเป็นเครื่องมือด้าน Marketing Mix Modeling (MMM) และ Multi-Touch Attribution (MTA) ที่จะมาตอบคำถามสุดท้ายที่ CEO ทุกคนอยากรู้ นั่นคือ “เงินที่ลงโฆษณาไป เปลี่ยนเป็นยอดขายได้จริงๆ เท่าไหร่?” ทำให้การวัดผลไม่ได้หยุดอยู่แค่ในโลกของสื่อ แต่เชื่อมโยงไปถึงผลลัพธ์ทางธุรกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม เครื่องมือนี้ช่วยให้เรารู้ได้ว่าการลงทุนกับสื่อรูปแบบต่างๆคุ้มค่าแค่ไหนมีจุด sweet spot ตรงไหน เพื่อให้การกระจายเงินลงทุนทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อินไซต์จาก 4 กูรูเอเจนซี่แนวหน้าของไทย

ในช่วง Panel Discussion เราก็ยังได้มุมมองที่น่าสนใจจาก 4 ผู้บริหารเอเจนซี่ชั้นนำของไทย ทั้ง คุณปุ้ย-พัชรี และ คุณแคท-ธัญลักษณ์ จาก Publicis Media, คุณบอย-ชาญชัย จาก dentsu และ คุณแป๊ป-ราชศักดิ์ จาก IPG Mediabrands

เทรนด์ผู้บริโภคยุคนี้ “ความเรียล” ชนะทุกสิ่ง

คุณปุ้ย แห่ง Publicis บอกว่าผู้บริโภคยุคนี้ชอบคอนเทนต์ที่ “เรียล” ไม่ต้องโปรดักชันอลังการ, เป็น “Snackable Content” ที่เข้าใจง่าย และต้อง “Interactive” สร้างการมีส่วนร่วมได้ ที่สำคัญคือแบรนด์ไม่จำเป็นต้องตามทุกเทรนด์ แต่ต้องเลือกเทรนด์ที่ใช่สำหรับกลุ่มเป้าหมายจริงๆ

ด้านคุณบอย แห่ง dentsu เสริมว่าคอนเทนต์รูปแบบเดียวหรือ One size fit all ไม่มีอีกแล้ว เราต้องเข้าใจพฤติกรรมคนในแต่ละที่ เช่น คอนเทนต์สำหรับ YouTube ก็ต้องต่างจาก TikTok

ด้านคุณแป๊ป แห่ง IPG มองพฤติกรรมคนไทยผ่าน 5 กิจกรรมหลัก คือ ดู, กิน, ฟัง, เที่ยว, ช้อป ซึ่งอัลกอริทึมของแพลตฟอร์มต่างๆ ก็จะป้อนคอนเทนต์ตามความสนใจเหล่านี้ ทำให้นักการตลาดสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น

การวัดผลข้ามแพลตฟอร์ม “ความท้าทาย” ของนักการตลาด

คุณบอย แห่ง dentsu ฟันธงว่าความท้าทายใหญ่ที่สุดของนักการตลาดในยุคนี้ก็คือ “การวัดผลข้ามแพลตฟอร์ม” ที่ต่างคนต่างมีวิธีวัดของตัวเอง ทางออกคือ “ต้องโฟกัสที่ผลลัพธ์ทางธุรกิจ (Business Outcome)” ไม่ใช่แค่ Media Metrics และเลิกยึดติดกับ Last Click Attribution แต่ต้องให้เครดิตกับทุก Touchpoint ที่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจของลูกค้า

เม่อถามว่า เรื่องของ Verification กับ Optimization อะไรสำคัญกว่ากันในมุมเอเจนซี่? คุณแป๊ป แห่ง IPG ให้คำตอบที่ชัดเจนว่า Verification คือการสร้างแบรนด์ระยะยาว (Long-term Brand Building) ทำให้แบรนด์อยู่ในที่ที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ ส่วน Optimization คือประสิทธิภาพของแคมเปญระยะสั้น (Campaign Efficiency) ที่เน้นความคุ้มค่าและต้นทุน ซึ่งต้องทำควบคู่กันไป

ในขณะที่เรื่องของ AI ในแคมเปญการตลาด คุณปุ้ย แห่ง Publicis ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องของอนาคต แต่เป็นสิ่งทีเกิดขึ้นจริงแล้วในตอนนี้ โดยคุณปุ้ยยกตัวอย่างการใช้ AI แบ่งกลุ่มเป้าหมายได้ลึกถึงขั้น “คนที่เคยไปโชว์รูมรถของคู่แข่ง” หรือการใช้ AI สร้างโฆษณาแบบ Dynamic Creative เป็นพันๆ ชิ้นเพื่อสื่อสารกับคนแต่ละกลุ่มโดยอัตโนมัติ ก็มีให้เห็นแล้วในทุกวันนี้

เปิดวาร์ป 2026: แพลตฟอร์มไหนจะรุ่ง แพลตฟอร์มไหนต้องจับตา?

นี่คือไฮไลท์ที่ทุกคนรอคอย เหล่ากูรูได้คาดการณ์เทรนด์แพลตฟอร์มที่จะมาแรงในอีก 1-2 ปีข้างหน้านั่นก็คือ

  • Live Commerce & Message Commerce: การไลฟ์ขายของและการซื้อขายผ่านแชทจะยิ่งเข้มข้นขึ้น AI และ Chatbot จะกลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญ
  • Retail Media: การทำโฆษณาบนแพลตฟอร์มของผู้ค้าปลีกเอง เช่น บนแอปฯ Grab, Lazada, Shopee จะกลายเป็นสมรภูมิใหม่ที่สำคัญมาก
  • Programmatic DOOH: สื่อนอกบ้านแบบดิจิทัล (ป้ายบิลบอร์ดจอ LED) จะสามารถซื้อขายแบบ Programmatic ได้ ทำให้กำหนดเป้าหมายและวัดผลได้ดีกว่าเดิม
  • Audio Platform: อย่ามองข้ามพลังของเสียง! Podcast และ Music Streaming จะมีบทบาทมากขึ้น จากเทรนด์รถยนต์ EV และเทคโนโลยีในรถยนต์
  • OTT Platforms: แพลตฟอร์มสตรีมมิงคือ “ทีวีใหม่” ของคนยุคนี้ นักการตลาดต้องมีกลยุทธ์ทั้งสำหรับแพลตฟอร์มแบบมีโฆษณา (เช่น Viu) และแบบไม่มีโฆษณา (เช่น Netflix)

งาน DV IMPACT Bangkok 2025 ครั้งนี้ตอกย้ำอย่างชัดเจนว่า โลกของโฆษณาดิจิทัลได้เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง นั่นก็คือการวัดผลแบบผิวเผินด้วยยอดไลค์หรือราคาที่ถูกที่สุดนั้นไม่เพียงพออีกต่อไป แต่นักการตลาดที่ต้องการสร้างความสำเร็จได้จริงจำเป็นต้อง ต้องยึด 3 หลักการสำคัญ คือ Verify เพื่อสร้างรากฐานด้านคุณภาพ, Optimize เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดด้วยพลังของ AI และ Prove เพื่อพิสูจน์ให้ได้ว่าทุกเม็ดเงินที่ลงทุนไปนั้นสร้าง Impact ให้กับธุรกิจได้ พร้อมๆกับการจับเทรนด์การตลาดได้อย่างทันท่วงทีนั่นเอง


  •  
  •  
  •  
  •  
  •