เป็นข่าวที่มัน ไม่แพ้ “สงครามส่งด่วน” จริงๆ สำหรับสงคราม AI ในโลกความจริง เพราะวันนี้มีข่าวใหญ่รายงานว่า Meta ยอมทุ่มเงินมหาศาลระดับ 15,000 ล้านดอลลาร์ ซื้อตัวอัจฉริยะด้าน AI ในวัยแค่ 28 ปีมาร่วมทีมเหมือนกับ “สันติดึงตัวรุ่ยเจี๋ยมาร่วมงาน” ในสงครามส่งด่วนยังไงยังงั้น แต่ที่ต่างกันคือชายคนนี้มีชื่อว่า Alexandr Wang ชายหนุ่มวัยเพียง 28 ปีเท่านั้น!
Alexandr Wang คือใคร?
Alexandr Wang คือชาวอเมริกันเชื่อสายจีน เกิดในปี 1997 ที่เมือง Los Alamos รัฐ New Mexico สหรัฐอเมริกา พ่อแม่ของ Wang เป็นนักฟิสิกส์ชาวจีนที่อพยพมาและทำงานอยู่ที่ Los Alamos National Laboratory
Wang มีความสามารถพิเศษด้านคณิตศาสตร์และการเขียนโค้ดตั้งแต่เด็กๆ เขาเคยเข้าร่วมคณิตศาสตร์โอลิมปิก ในปี 2013 และเป็นสมาชิกทีมฟิสิกส์ของสหรัฐอเมริกาในปี 2014 โดยหลังจบ High School Wang ก็ไปทำงานเป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ที่บริษัทใน Sillicon Valley
ในช่วงเดียวกันนี้ก็เข้าเรียนที่ MIT ช่วงสั้นๆก่อนจะดร็อปเรียนและออกมาก่อตั้ง Scale AI ขึ้นในปี 2016 และตอนนั้นเค้ามีอายุแค่ 19 ปีเท่านั้น
จากนั้นไ่นานในปี 2022 Wang ในวัยเพียง 25 ปี กลายเป็นมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในโลกที่สร้างฐานะด้วยตัวเอง เมื่อ Scale AI ได้รับการระดมทุนและมีมูลค่าบริษัทพุ่งสูงถึง 7,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้เขามีทรัพย์สินสุทธิมากกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการถือหุ้น 15% ใน Scale AI
Scale AI คือบริษัทอะไรที่ทำให้ Meta สนใจเข้ามาทุ่มเงิน?
คำตอบคือบริษัทนี้เป็นผู้ให้บริการ “ข้อมูลสำหรับฝึกโมเดล AI” ที่มีคุณภาพสูง เป็น Start Up ของวัยรุ่นที่เป็นที่จับตามองตั้งแต่เปิดตัว
บริการของ Scale AI พูดง่ายๆ การจัดระเบียบและติด tag ข้อมูลอย่างถูกต้อง เพื่อใช้ในการนำไปฝึก AI ให้ฉลาดมากขึ้น และความเชี่ยวชาญนี้ทำให้ Scale AI ได้เป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทเทคโนโลยี AI ใหญ่ๆไม่ว่าจะเป็น OpenAI, Google, Microsoft และแน่นอนว่ารวมถึง Meta ด้วย
นักวิเคราะห์คาดการณ์เลยว่าปีนี้ Scale AI จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากประมาณ 870 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2024 นอกจากนี้ยังขยายธุรกิจไปทำงานกับภาครัฐในเอเชีย, ตะวันออกกลาง และยุโรป รวมถึงกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ด้วย
ดีล Meta Acqui-hire ครั้งประวัติศาสตร์?
ล่าสุด Meta ได้ลงทุนถึง 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเข้าซื้อหุ้น 49% ใน Scale AI ซึ่งทำให้ Scale AI มีมูลค่าสูงถึง 29,000 -30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว
ที่สำคัญคือ Meta ได้ดึง Alexandr Wang มาร่วมงานด้วยโดยจะให้ Wang มานำทีมพัฒนา “superintelligence” สร้าง AI ที่ฉลาดกว่ามนุษย์
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่านี่ไม่ใช่แค่การลงทุนเพื่อใช้บริการข้อมูลเท่านั้น แต่เป็นการ “Acqui-hire” หรือการซื้อกิจการเพื่อดึงตัวบุคลากรที่มีความสามารถสูงเข้ามาทำงาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Wang ไม่ใช่ “นักวิทยาศาสตร์ AI” โดยตรงแต่ก็ถูกมองว่าเป็น “นักธุรกิจที่มีทักษะทางเทคนิค” สามารถส่งเสริมและขับเคลื่อนบริษัทมากกว่าการวิจัยด้าน AI ได้เป็นอย่างดี
ในช่วงนี้เราจะเห็นดีลลักษณะนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม AI ตัวอย่างก็เคยเกิดขึ้นแล้วเช่น Microsoft ที่ทุ่มเงิน 650 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อดึงตัว Mustafa Suleyman และทีมงานจาก Inflection หรือ Google จ่าย 2,700 ล้านเพื่อดึง Noam Shazeer และพนักงานจาก Character.AI มาร่วมงานนั่นเอง
ทำไมพี่ Mark ถึงยอมทุ่ม?
คำตอบก็คือ Mark Zuckerberg ที่ต้องการพัฒนา AI ของ Meta ให้ดีกว่านี้ เพราะดูเหมือนเทคโนโลยียังสู้คู่แข่งอย่าง OpenAI และ Google ไม่ได้โดยเฉพาะโมเดล AI “Llama” เวอร์ชันล่าสุดที่มีผลตอบรับไม่ดีนัก
การดึงตัว Alexandr Wang ซึ่งเป็น “คนนอก” ครั้งนี้ทำให้เห็นว่า Meta ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี AI แบบสุดๆและเป็นอนาคตทางธุรกิจของบริษัท ดังนั้นไม่ว่าจะลงทุนเยอะแค่ไหนก็ต้องยอม
สำหรับ Scale AI แล้ว แม้ Alexandr Wang จะออกจากตำแหน่งซีอีโอ แต่จะมี Jason Droege เข้ามารับตำแหน่งแทน ส่วน Wang ก็ยังนั่งตำแหน่งกรรมการในบอร์ดบริหารของ Scale AI ต่อไป พร้อมๆกับนำทีมพัฒนา Superintelligence ให้กับ Meta
ภายใต้ดีลนี้ยังมีพนักงานส่วนหนึ่งของ Scale AI ที่จะย้ายมาร่วมงานกับ Meta ด้วย
สิ่งที่เกิดขึ้นเรียกว่าเป็น สงคราม AI หรือจะเรียกว่าเป็น “AI Talent War” ก็คงไม่ผิดนัก ทำให้เห็นว่าการลงทุนเพื่อดึงตัวบุคลากรระดับ “ซูเปอร์สตาร์” จะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่บริษัทเทคยักษ์ใหญ่พร้อมทุ่มไม่อั้นเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในสงครามครั้งนี้
