Travel Economy 2568: อินไซต์นักเดินทางไทยที่ธุรกิจท่องเที่ยวต้องรู้

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

ปี 2568 กำลังจะเป็นหมุดหมายสำคัญของ “Travel Economy” เมื่อการเดินทางไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเพียงกิจกรรมพักผ่อน แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์และตัวตนของผู้บริโภค ข้อมูลล่าสุดเผยว่า นักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปต่างประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 45% ในครึ่งปีแรก ขณะที่เส้นทางยอดนิยมเปลี่ยนมือสู่ตลาดเอเชียอย่างชัดเจน ตั้งแต่โตเกียว สิงคโปร์ ไปจนถึงกวางโจวและเซี่ยงไฮ้ เมืองที่กำลังกลายเป็นดาวรุ่งในสายตานักเดินทางรุ่นใหม่

แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าตัวเลขการเติบโต คือ “อินไซต์พฤติกรรม” ที่กำลังรีเซ็ตเกมการตลาดท่องเที่ยวทั้งหมด นักเดินทางยุคนี้ใช้สมาร์ตโฟนเป็นพาสปอร์ตใบใหม่ ใช้ดิจิทัลวอลเล็ตควบคุมค่าใช้จ่ายแบบเรียลไทม์ และเลือกการเดินทางแบบ Full Service ที่รวมความสะดวกและความคุ้มค่าในแพ็กเกจเดียว ขณะเดียวกัน Soft Power และความยั่งยืนก็กำลังกลายเป็นจุดขายที่แบรนด์และธุรกิจต้องหยิบมาเป็นกลยุทธ์สำคัญ

ภาพรวมการเดินทางของนักท่องเที่ยวไทยปี 2568

การเดินทางของคนไทยในปี 2568 กลับมาคึกคักเต็มที่อีกครั้ง โดยข้อมูลจาก YouTrip ชี้ว่าเพียงครึ่งปีแรก คนไทยออกเดินทางไปต่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง 45% เมื่อเทียบกับปีก่อน และที่น่าสนใจคือ 1 ใน 4 ของนักเดินทาง ออกทริปต่างประเทศมากกว่าหนึ่งครั้งภายในระยะเวลาเพียง 7 เดือน ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนว่าการท่องเที่ยวไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมพักผ่อน แต่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตและการใช้เวลาว่างของคนเมือง

เส้นทางและจุดหมายปลายทางยอดนิยม

เอเชียแปซิฟิกยังคงเป็นภูมิภาคที่คนไทยเลือกเดินทางมากที่สุด โดยครองสัดส่วนสูงถึง 75% ของการเดินทางทั้งหมด ขณะที่ยุโรปอยู่ที่ 17.5% และอเมริกาเหนือ 4%
ข้อมูลจากการบินไทยยืนยันแนวโน้มนี้ โดยเส้นทางยอดนิยมจากกรุงเทพฯ ยังคงเป็น โตเกียว ตามมาด้วย สิงคโปร์และเซี่ยงไฮ้ ซึ่งก้าวขึ้นมาแทนที่ฮ่องกงและโอซาก้า นอกจากนี้ “กวางโจว” และ “โคลัมโบ” ก็ถูกจับตามองในฐานะเมืองดาวรุ่งที่คนไทยนิยมมากขึ้น

ขณะเดียวกัน สถิติจาก YouTrip ยังระบุว่า การเดินทางไปจีนโตขึ้นถึง 180% โดยมีเมืองหลักอย่าง เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง และเฉิงตู เป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง

แรงขับเคลื่อนเบื้องหลังความนิยม

ความนิยมในการเดินทางไปจีนได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัย

  • มาตรการฟรีวีซ่า ของรัฐบาลจีน ที่ทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นอย่างมาก
  • Soft Power ของจีน ไม่ว่าจะเป็นกระแสละคร ซีรีส์ออนไลน์ ไปจนถึงกระแสดนตรี C-POP ที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยอยากสัมผัสบรรยากาศจริง

นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบต้นทุนการท่องเที่ยวกับประเทศยอดนิยมอื่น ๆ เช่น ญี่ปุ่น ค่าใช้จ่ายในจีนถูกกว่าหลายเท่า ตัวอย่างเช่น ตั๋วเครื่องบินไป-กลับชั้นประหยัดกรุงเทพฯ–จีนเฉลี่ย 14,230 บาท ขณะที่เส้นทางไปญี่ปุ่นอยู่ที่ 23,235 บาท หรือแม้แต่การพักโรงแรมระดับหรู Grand Hyatt (King Room) ที่เซี่ยงไฮ้ ราคาประมาณ 7,511 บาท/คืน ขณะที่โตเกียวอยู่ที่กว่า 15,396 บาท/คืน ทำให้จีนเป็นตัวเลือกที่ “เข้าถึงง่าย” แต่ยังเต็มไปด้วยประสบการณ์ใหม่

พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวยุคใหม่

การท่องเที่ยวไม่ได้จำกัดอยู่ที่การซื้อแพ็กเกจทัวร์หรือเดินทางตามโปรแกรมอีกต่อไป นักเดินทางรุ่นใหม่เลือกที่จะออกแบบทริปเองอย่างอิสระ โดยมีเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วย

  • ใช้ AI ช่วยวางแผนเส้นทางท่องเที่ยว จากคำแนะนำบนโซเชียลมีเดีย
  • ใช้ Multi-Currency Wallet อย่าง YouTrip ในการชำระเงินแบบไร้ค่าธรรมเนียม และสามารถแลกเงินล่วงหน้าที่อัตราที่ดีที่สุด
  • มีแนวคิด “หั่นเที่ยว ไม่หั่นทริป” เลือกจุดหมายที่ใกล้ขึ้น แต่ยังคงเดินทางบ่อยครั้งและได้ประสบการณ์คุ้มค่า

สิ่งเหล่านี้ทำให้สมาร์ตโฟนกลายเป็นเสมือน “พาสปอร์ตใหม่” ของนักเดินทาง ที่รวมทุกอย่างตั้งแต่การจองตั๋ว การจ่ายเงิน ไปจนถึงการจัดการค่าใช้จ่ายในเครื่องเดียว

ประสบการณ์การเดินทางที่ต้องการ: Comfort & Full Service

นักเดินทางไทยปัจจุบันไม่ได้มองหาตั๋วราคาถูกที่สุด แต่ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายแบบครบวงจร การบินไทยระบุว่าผู้โดยสารหันมานิยมการบินแบบ Full Service ที่รวมทุกสิ่งไว้ในแพ็กเกจเดียว ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องดื่ม ความบันเทิงบนเครื่อง หรือการเลือกเวลาบินที่เหมาะสม

เพื่อรองรับเทรนด์นี้ การบินไทยได้เพิ่มเที่ยวบินในหลายเส้นทาง พร้อมอัปเกรดบริการ เช่น Airbus A320 ที่มีการเพิ่มชั้นธุรกิจ (Royal Silk) ให้ผู้โดยสารระยะสั้นได้สัมผัสความสบายแบบพรีเมียม

Sustainability และ Value-Added Experience

การเดินทางในวันนี้ไม่เพียงต้องตอบโจทย์ความสะดวกและความคุ้มค่า แต่ยังต้องสะท้อนถึงคุณค่าที่มากกว่า ตัวอย่างชัดเจนคือแคมเปญ “Good Taste for a Good Cause” ของการบินไทย ที่ยกระดับบริการอาหารบนเครื่องด้วยวัตถุดิบท้องถิ่น เช่น กาแฟจากดอยตุง ช็อกโกแลตจากกานเวลา และข้าวแต๋นที่ใช้ข้าวไทยหลากหลายสายพันธุ์

แนวทางนี้ไม่เพียงสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้ผู้โดยสาร แต่ยังเป็นการสนับสนุนเกษตรกรและผู้ประกอบการไทยให้เติบโตบนเวทีโลก ซึ่งสอดคล้องกับความคาดหวังของผู้บริโภคยุคใหม่ที่เลือกแบรนด์ตามคุณค่าที่สะท้อนกลับสู่สังคม

สรุป Insight & Trend

เมื่อมองภาพรวม เทรนด์ท่องเที่ยวของคนไทยในปี 2568 กำลังเดินไปในทิศทางที่ชัดเจนขึ้น

  1. เอเชียคือศูนย์กลางการเดินทาง โดยเฉพาะจีนที่โตแรงและมีความได้เปรียบด้านต้นทุน
  2. นักเดินทางดิจิทัล ใช้เทคโนโลยีและสมาร์ตโฟนเป็นหัวใจในการวางแผนและควบคุมทริป
  3. Full Service มาก่อนราคาถูกที่สุด เพราะนักท่องเที่ยวยอมจ่ายเพื่อความสะดวกและประสบการณ์ที่ราบรื่น
  4. Sustainability และ Soft Power คือแรงขับสำคัญที่ทำให้การเดินทางมีความหมายมากกว่าการท่องเที่ยวทั่วไป

กล่าวได้ว่า ปี 2568 คือจุดเปลี่ยนของการเดินทางที่ผสานทั้งความคุ้มค่า ความสะดวก และคุณค่าทางสังคมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว


  •  
  •  
  •  
  •  
  •