ทำตลาดกับ Google อย่างไรให้สำเร็จ โจทย์ที่ SME ต้องรู้

  • 17
  •  
  •  
  •  
  •  

12190870_933832920036874_8863804243488868875_n

การทำตลาดออนไลน์เป็นเครื่องมือของผู้ประกอบการยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะ SME เพราะสามารถควบคุมงบประมาณได้ดี และวัดผลได้ชัดเจน ถ้าเป็นบริษัทระดับ Regional หรือ Corporate มีการจัดสรรงบการตลาดไว้ จึงเลือกสื่อได้หลากหลายรูปแบบ แต่ SME ด้วยข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ ดังนั้นเมื่อทำการตลาดไปแล้ว ทุกคนอยากรู้ว่าจะได้เปลี่ยนเป็นยอดขายและรายได้อย่างไร ดังนั้น SME ต้องใช้เครื่องมือทางการตลาดให้ได้อย่างถูกต้อง

กัมพล ธนาปัญญาวรคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอท้อปพลัส จำกัด ผู้ให้บริการด้านการตลาดออนไลน์แบบครบวงจร บอกว่า มีผู้ให้บริการด้านการตลาดออนไลน์เกิดขึ้นเยอะ แต่ส่วนใหญ่จะจับลูกค้าระดับ Corporate เพราะมีงบประมาณชัดเจน แต่ก็เป็นตลาดที่แข่งขันสูง ต่างจากตลาดกลุ่ม SME ที่ไม่ค่อยมีใครเข้าไปให้บริการสักเท่าไร

“SME มีจำนวนมาก เฉพาะที่มีการจดทะเบียนเป็นบริษัท มีกว่า 500,000 บริษัท แต่ทุกบริษัทมีเงินไม่มาก การจะให้บริการลูกค้ากลุ่มนี้ ต้องใช้ทีมงานจำนวนมาก ซึ่ง ไอท้อปพลัส เห็นโอกาสตรงนี้ และตอนนี้จึงให้บริการลูกค้า SME ประมาณ 6,000 ราย” กัมพล กล่าว

Phol_iTopPlus_1
กัมพล ธนาปัญญาวรคุณ

8 อุตสาหกรรมหลักที่ต้องรู้การทำตลาดออนไลน์

เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับ SME เกี่ยวกับการทำตลาดออนไลน์ ทางไอท้อปพลัส ได้แบ่ง 8 อุตสาหกรรมเด่นในประเทศไทยและแนวทางที่ถูกต้อง

1 อุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น การวางระบบไอที ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์  มีเป้าหมายคือ สร้างยอดขาย ไม่จำเป็นต้องสร้าง Awareness เนื่องจากเป็นผู้ให้บริการไม่ใช่เจ้าของแบรนด์ ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่คุ้มค่ามากในการทำตลาดออนไลน์ เพราะการติดตั้ง หรือซื้อขายฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์มีมูลค่าสูง และสามารถทำได้ตลอด โดยใช้งบประมาณ 500-700 บาทต่อวัน มีระยะเวลาในการวัดผล 15-30 วัน

2 อุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น ร้านอะไหล่ และร้านประดับยนต์ ต่างจากศูนย์บริการ หรือแบรนด์รถยนต์ต่างๆ ซึ่งต้องสร้าง Awareness ด้วย แต่ผู้ประกอบการ SME ในกลุ่มนี้เน้นสร้างยอดขาย ใช้งบ 500-700 บาทต่อวัน ระยะเวลาเห็นผล 15-30 วัน

3 อุตสาหกรรมค้าปลีก ใช้งบประมาณ 800 บาทต่อวัน ระยะเวลาเห็นผล 15-30 วัน เน้นสร้างยอดขาย แต่ต้องเข้าใจว่า ค้าปลีก จะไม่คุ้มการทำตลาดตั้งแต่การซื้อขายครั้งแรก เพราะมูลค่าสินค้าต่ำ ดังนั้นต้องหวังให้มีการซื้อซ้ำครั้งต่อๆ ไป รวมถึงต้องรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้

4 อุตสาหกรรมการศึกษา เช่น โรงเรียนกวดวิชา เรียนเสริม สันทนาการและเสริมทักษะต่างๆ เป็นกลุ่มที่ลูกค้าต้องการเปรียบเทียบ และตัดสินใจ ดังนั้นจะมีระยะเวลาเห็นผล 1-2 เดือน ใช้งบประมาณ 800-1,000 บาทต่อวัน และต้องทำยอดขายกับ Brand Awareness ควบคู่ไปด้วยกัน เพราะการศึกษาต้องการความน่าเชื่อถือสูง แต่ถ้ามีลูกค้าแล้ว มักจะได้ต่อเนื่องในระยะยาวตามจำนวนคลาสเรียน

12189836_933930376693795_6843742951837101798_n

5 อุตสาหกรรมการเงิน สินค้าทางการเงิน เช่น สินเชื่อ ประกันภัย ต้องการความน่าเชื่อถือ และลูกค้ามักจะมีความกังวลสูง ส่วนใหญ่จะมีการเปรียบเทียบ และตัดสินใจเร็ว ใช้งบประมาณ 600-800 บาท ระยะเวลาเห็นผล 15-30 วัน

6 อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของโลก และจากการสำรวจพบว่าผู้บริโภคชอบจองโดยตรงกับเจ้าของ ไม่ชอบให้ผ่านตัวแทน เพราะไม่มั่นใจว่าจะได้ตามที่จองไว้จริงหรือไม่ อีกทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยน จะใช้เวลาในการหาข้อมูล วางแผนและตัดสินใจ ดังนั้นต้องสร้างทั้ง Brand Awareness และยอดขาย จึงมีระยะเวลาเห็นผล 1-3 เดือน และใช้งบสูงประมาณ 1,500-2,000 บาทต่อวัน แต่ในระยะยาวถือว่าคุ้มค่า และผู้ประกอบการยังต้องพิจารณาด้วยว่า จะเน้นทำตลาดอย่างไรในช่วง High Season ที่การแข่งขันสูง และ Low Seasonที่การแข่งขันต่ำ

7 อุตสาหกรรม B2Bเน้นสร้างยอดขาย ใช้งบประมาณ 1,000-1,200 บาทต่อวัน ระยะเวลาเห็นผล 30-45 วัน ใช้งบสูง มีระยะเวลาในการตัดสินใจภายในองค์กร แต่มักจะเป็นการสั่งซื้อขนาดใหญ่ หรือจำนวนมาก เป็นการขายระดับองค์กร เช่น สินค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์สำนักงาน

8 อุตสาหกรรมเพื่อสุขภาพ เช่น โรงพยาบาล คลีนิค สถานเสริมความงาม ต้องสร้างทั้ง Awareness และ ยอดขาย เพราะต้องการความน่าเชื่อถือ ใช้งบประมาณ 1,500-2,000 บาทต่อวัน และใช้เวลา 30-45 วัน

Online_OnSale_127

เร่งสร้างความเข้าใจ เพื่อไปสู่เป้าหมาย

SME มักจะมีความเข้าใจว่า การทำตลาดจะทำให้ได้ยอดขายกลับมา แต่ความจริงแล้วเครื่องมือออนไลน์มีความแตกต่างกันไป เช่น Facebook และ Youtube ที่จะเน้นสร้าง Awareness เป็นหลัก เพราะต้องเกิดจากกลุ่มคนที่สนใจ เจอโฆษณา แล้วจึงคลิกเข้าไปดู จากนั้นจึงตัดสินใจซื้อ ซึ่งมีกระบวนการมากกว่าจะสร้างยอดขายได้

ขณะที่ระบบ Search ของ Google จะเน้นการสร้างยอดขายโดยตรง เพราะจับคู่คนซื้อ- คนขายให้มาเจอกันในทันที และใช้งบน้อยกว่า Facebook และ Youtube ดังนั้น Google จึงเหมาะกับ SME ที่สุด

และ SMEที่ต้องการใช้งาน Search ของ Google ก็ต้องทำอย่างถูกต้องด้วย ถ้าเป็นอดีต 5 ปีที่แล้ว ยังไม่มีใครทำการตลาดออนไลน์ SME ที่กระโดดเข้ามาทำก่อน อาจใช้งบประมาณหลักร้อยบาท ก็ได้ยอดขายแล้ว แต่ไม่ใช่ในวันนี้ ที่ทุกคนมุ่งเข้ามาทำตลาดออนไลน์กันหมด ถ้าทำไม่ถูกวิธีก็อาจเสียเงินไปแล้วไม่มีผลตอบกลับมา

อีกส่วนที่สำคัญคือ อย่ามองว่าการทำตลาดออนไลน์เป็นเรื่องของค่าใช้จ่าย แต่ต้องมองเป็นเรื่องของการลงทุน แปลว่า ถ้ามีการลงทุนเกิดขึ้นก็ต้องมีผลตอบแทน และสามารถลงทุนเพิ่มจนกว่าจะถึงจุดที่ยอดขายไม่เพิ่มแล้ว เป็นการบริหารการลงทุน

Case ตัวอย่างที่น่าสนใจมากคือ ผู้ประกอบการที่ขายลิฟท์บ้าน สำหรับผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วย เคยทำใบปลิวแจก 1 แสนใบแต่ไม่มีผลตอบรับใดๆ เกิดขึ้น ปัญหาคือ ผู้ขายและผู้ซื้อหากันไม่เจอ แต่พอทำตลาดออนไลน์ด้วย Google สามารถทำยอดขายได้ 40-50 ตัวต่อปี ขายได้ทั่วประเทศ นี่คือพลังของออนไลน์

Online_OnSale_086

Copyright © MarketingOops.com


  • 17
  •  
  •  
  •  
  •