LG Electronics (ประเทศไทย) สร้างความฮือฮาในตลาดทีวีไทยอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวไลน์อัพ LG AI TV ปี 2568 ที่มาพร้อมเทคโนโลยี AI ที่เริ่มรุกคืบมาสู่หน้าจอในบ้านเราแล้ว เทคโนโลยีที่อาจเรียกได้ว่าเป็นการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของ TV อีกครั้งหลังการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค Smart TV ก็ว่าได้
การแข่งขันในตลาดทีวีบ้านเรามีความน่าสนใจเนื่องจากตลาดนี้มีมูลค่าสูงกว่า 20,000 ล้านบาท โดยเฉพาะย่างก้าวของ LG ที่ปัจจุบันเป็นผู้นำตลาดทีวีพรีเมียมในประเทศไทยที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องแม้สภาพเศรษฐกิจปัจจุบันจะไม่ค่อยดีนัก
ในบทความนี้เราจึงจะมาดูว่าในปีนี้ LG มีกลยุทธ์อย่างไรที่จะครองใจผู้บริโภคในปี 2568 นี้บ้าง
ภาพรวมตลาดทีวีไทยมูลค่า 20,700 ล้าน
ต้องบอกว่าตลาดทีวีในประเทศไทยปัจจุบันยังคงมีการแข่งขันสูงในปี 2567 ตลาดทีวีโดยรวมมีมูลค่า 20,700 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าในปี 2568 ตลาดจะเติบโตขึ้น 2% เป็น 21,100 ล้านบาท
โดย LG เป็นแบรนด์ที่เป็นผู้นำในกลุ่มทีวีพรีเมียมอย่างชัดเจน เพราะในปี 2567 LG มีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 62% ในกลุ่ม OLED TV ส่วนทีวีขนาดใหญ่ 75 นิ้วขึ้นไปก็ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 24% สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคยังมีความเชื่อมั่นกับแบรนด์ LG มากจริงๆโดยเฉพาะตลาดระดับบน
สำหรับปี 2568 นี้ ตลาดทีวีพรีเมียม OLED คาดว่าจะเติบโตขึ้น 13% และตลาดทีวีขนาด 75 นิ้วขึ้นไปคาดว่าจะเติบโต 10% ด้วยการมองเห็นเทรนด์นี้ LG ตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินค้าทั้งสองกลุ่มเอาไว้ที่ 20% พร้อมขยายตลาด ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการความบันเทิงในบ้านที่ยกระดับขึ้นเรื่อยๆ
ผู้บริโภคมองหาคอนเทนต์คุณภาพเปลี่ยนทีวีบ่อย
คุณ อำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) พูดถึงเหตุผลที่ตลาดทีวียังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องว่า ในปัจจุบันผู้บริโภคมีความต้องการทีวีที่ไม่ใช่แค่จอแสดงผลเท่านั้น แต่จะต้องเป็นศูนย์กลางความบันเทิงภายในบ้านที่เข้าใจผู้ใช้งานและสามารถปรับเปลี่ยนตามพฤติกรรมการใช้ได้
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดทีวียังคงเติบโตก็เช่น “รอบการเปลี่ยนทีวีเร็วขึ้น” จากเดิมผู้บริโภคจะเปลี่ยนทีวีใหม่หลังใช้ไปล้ว 5-6 ปี แต่ปัจจุบันรอบการเปลี่ยนลดลงเหลือ 4-5 ปี ไม่ใช่เพราะทีวีเสียแล้วซื้อใหม่แต่ เปลี่ยนเพื่อให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และอีกเหตุผลคือปัจจุบันผู้บริโภคเข้าถึง “คอนเทนต์สตรีมมิ่งคุณภาพสูง” ได้มากขึ้นสามารถรับชมได้สนุกและเต็มอิ่มได้มากกว่าบนหน้าจอขนาดใหญ่
ที่สำคัญก็คือ “บทบาทของเทคโนโลยี AI” ที่เข้ามายกระดับประสบการณ์การรับชม ทำให้ทีวีฉลาดขึ้น สามารถเรียนรู้และจดจำพฤติกรรมการรับชม แนะนำคอนเทนต์ที่เหมาะกับผู้ใช้งานแต่ละคน สามารถ ปรับแต่งภาพและเสียงให้สมบูรณ์แบบโดยอัตโนมัติ ซึ่ง LG เองก็เล็งเห็นถึงจุดนี้ ใส่ AI เข้าไปในทีวี เปลี่ยนจากทีวีแบบเดิมที่เพียงแค่ตอบสนองคำสั่งให้กลายเป็นทีวีที่สามารถเรียนรู้ เข้าใจ และปรับเปลี่ยนตามพฤติกรรมของผู้ใช้แต่ละคนได้
6 เทคโนโลยี AI ที่ LG ใส่ในทีวีรุ่นใหม่
LG AI TV มีนวัตกรรม AI ที่เข้าใจผู้ใช้มากยิ่งขึ้นโดยมี 6 ฟีเจอร์หลักที่จะทำให้ชีวิตของคนดูทีวีง่ายขึ้นมากๆไม่ว่าจะเป็น
- AI Voice ID : สามารถจดจำเสียงของผู้ใช้แต่ละคนได้ เพียงแค่ให้ทีวีจดจำเสียงของเราเอาไว้ เวลาที่เราเป็นคนดูทีวีก็สามารถใช้เสียงสั่งงานทีวีก็จะสลับไปยังโปรไฟล์ส่วนตัว ที่มีการตั้งค่าภาพ เสียง และนำเสนอคอนเทนต์ที่ตรงใจเรามาให้โดยอัตโนมัติ
- AI Concierge: ผู้ช่วยอัจฉริยะที่เรียนรู้และแนะนำสิ่งที่เราสนใจสามารถเข้าใช้ฟีเจอร์นี้ด้วยการกดปุ่ม AI บนรีโมท ก็จะมีเมนูแนะนำคอนเทนต์ที่เราเคยค้นหาหรือสนใจอยู่แล้ว ฟีเจอร์นี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่นบนทีวีหลายๆแอปได้ด้วย
- AI Chatbot: ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวกดเข้าไปในเมนู Chatbot ก็จะสามารถ ช่วยวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาการใช้งานบนทีวีของเราได้ทันที และยังสามารถตรวจความผิดปกติของทีวีแบบ Real-Time ได้โดยที่เราไม่ต้องถามก่อนเลยด้วย
- AI Search: ระบบค้นหาที่มี Microsoft Co-Pilot อยู่เบื้องหลังเข้าใจทุกคำสั่งเสียงและเรียนรู้รูปแบบการค้นหาของเราได้ด้วย
- AI Picture Wizard: ระบบที่ทำให้ AI เข้าใจรูปแบบภาพ สีสัน โทนสีที่เราชอบ และปรับรูปแบบตามการใช้งานของเรา วิเคราะห์และปรับแต่งการแสดงผลภาพได้มากถึง 1,600 ล้านรูปแบบ
- AI Sound Wizard: ระบบที่ทำให้ AI เข้าใจรูปแบบโทนเสียงที่เราชอบ มีให้เลือกได้ถึง 84 ล้านรูปแบบทำให้ทีวีปรับรูปแบบเสียงที่เราชอบได้ในแต่ละกิจกรรมที่เราทำ
ชิฟประมวลผลทรงพลัง
สิ่งที่ LG นำเสนอมากๆอีกอย่างก็คือ ชิพประมวลผลที่ LG เป็นผู้ผลิตเองอย่าง Alpha 11 AI Processor 4K Gen2 ชิปประมวลผลตัวท้อปที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับจอภาพ OLED โดยเฉพาะมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่อย่าง Brightness Booster Ultimate ที่เพิ่มความสว่างได้มากกว่าเดิมถึง 3 เท่าทำให้การดูทีวี OLED ในที่สว่างทำได้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก
นอกจากนี้ LG ยังเอาใจสายเกม ยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมบนทีวีด้วยฟีเจอร์ Ultimate Game Play บนทีวี OLED evo G5 ที่มาพร้อมอัตรารีเฟรช 4K 165Hz เป็นครั้งแรกของโลกรองรับ NVIDIA G-SYNC และที่แฟน LG ต้องรู้ก็คือระบบ webOS 25 ที่มาพร้อมรับประกันการอัปเดตต่อเนื่อง 5 ปี และอาวุธหลักที่ครองใช้แฟนๆทีวี LG เช่นเคยก็คือ Magic Remote ที่ไม่มีแบรนด์ไหนทำได้
คุณอำนาจระบุด้วยว่าในปี 2568 นี้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในตลาด LG ได้จัดงบการตลาดในปีนี้ไว้ถึง 100 ล้านบาท โดยเน้นการลงทุนในหน้าร้านมากขึ้น เพื่อจัดแสดงทีวีรุ่นจอที่ใหญ่กว่าเดิม ตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่นิยมทีวีขนาดใหญ่ในยุคปัจจุบัน
สำหรับไลน์อัพทีวีใหม่ล่าสุดประจำปี 2568 จาก LG มีดังนี้
- LG SIGNATURE OLED M5 ขนาด 97 นิ้ว ราคา 999,990 บาท
- LG OLED evo AI M5 ขนาด 77 นิ้ว ราคา 229,990 บาท
- LG OLED evo AI G5, C5 และ LG OLED AI B5 ขนาดตั้งแต่ 42 ถึง 97 นิ้ว ราคา 33,990 – 899,990 บาท
- LG QNED evo AI QNED86A ขนาด 100 นิ้ว ราคา 139,990 บาท
- LG QNED evo AI QNED92A, QNED86A, และ LG QNED AI QNED82A, QNED80A ขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 55 – 86 นิ้ว ราคา 22,990 – 119,990 บาท
การเปิดตัว LG AI TV ในครั้งนี้ มองได้อีกอย่างว่าเป็นการเปิดประตูสู่ TV ยุคใหม่ที่ต้องมี AI มาช่วยให้การดูทีวีสะดวกมากยิ่งขึ้น เป็นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความ Personlization มากยิ่งขึ้น และก็น่าสนใจว่าด้วยกลยุทธ์เหล่านี้จะทำให้ LG ครองตำแหน่งผู้นำในตลาดทีวีพรีเมียมในประเทศไทยต่อไปอย่างแข็งเกร่งได้หรือไม่หลังจากนี้ก็คงต้องติดตามกันดู