ใช่แล้ว! “Social Media” คือ “วัฒนธรรมของการแสดงออก” ซึ่งหมายถึง การที่คนในสังคม “ร่วมมือกันสร้าง” กระแสซึ่งก่อให้เกิด “ผลกระทบทางสังคม” ในรูปแบบต่างๆ กล่าวคือ การแสดงออกด้วยการเข้ามาร่วมสร้างกระแสด้วยกันของผู้คนจากที่ต่างๆกัน
เมื่อพูดถึงวัฒนธรรมการแสดงออกของคนยุคปัจจุบันคงจะหนี้ไม่พ้นเรื่องของ Social Content และ Social Media โดยย่อแล้วแนวคิดของ social ‘content’ หมายถึง เนื้อหาที่เกิดขึ้นจากการมีส่วนร่วมให้ความคิดเห็นและการถกประเด็นที่เกี่ยวกับเนื้อหาจากกลุ่มคนที่สนใจในเนื้อหานั้นๆ ส่วนลักษณะของ Social Media นั้นมีความเฉพาะตัวแต่เข้าใจง่าย กล่าวคือมันมีศักยภาพในการกระตุ้นศาสตร์ความเป็นมนุนย์ที่อยู่ในตัวเราให้แสดงออกเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ เพราะ Social Media สามารถรองรับกิจกรรมการแสดงออกพื้นฐานของเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งปันแนวความคิด, การร่วมมือและการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสรรค์ไอเดียใหม่, การแสดงออกทางอารมณ์, การค้าขาย, การสนทนาโต้ตอบที่รวดเร็ว รวมไปถึงการค้นหาผู้คนที่อาจจะเป็นเพื่อนที่ดี, เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ หรือแม้แต่คนรัก ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า Social Media เป็นเรื่องพื้นๆที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายๆและมีความเป็นสากลหรือมีความเป็นธรรมชาติอย่างมากเพราะเกิดจากการแสดงออกของผู้คนจากความคิดลึกๆ ความเชื่อของแต่ละคนส่งผลไปยังพฤติกรรมและการแสดงออกเป็นเนื้อหาที่เราเห็นๆกัน
องค์ประกอบพื้นฐานในการสร้าง Social media
- 1. การใช้ Social Media เพื่อดึงผู้ฟังแต่ละคนเข้ามามีส่วนร่วม
- 2. ต้องมีความเปิดเผย ใจกว้าง ยอมรับหลายมุมมอง
- 3. มีการสนทนา โต้ตอบกัน
- 4. มีความเป็นกลุ่มก้อน หรือมีความเป็นสังคม
- 5. สามารถจะการเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์อื่นๆ
- 6. มีส่วนผสมของวัฒนธรรมกลุ่มเป็นเสมือนเครื่องปรุงให้น่าเข้าร่วมยิ่งขึ้น
–
ตัวอย่างของ “วัฒนธรรมของการแสดงออก” ที่สามารถขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลง
- 1. แคมเปญ 60 ชั่วโมงเพื่อลดปัญหาโลกร้อน ซึ่งกระตุ้นการมีส่วนร่วมโดยการชักชวนให้ผู้คนทั่วโลกพร้อมใจกันปิดไฟเป็นเวลา 1 ชั่วโมง
- 2. เหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองเมื่อไม่นานที่ผ่านมา ทำให้ชาวกรุงเทพที่ใช้เฟสบุ๊คนับพันคนถูกกระตุ้นและแสดงออกผ่านทั้งทางอินเตอร์เน็ตและบนท้องถนน กระแสนี้ได้แพร่กระจายเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังมาแรง หากแต่เป็นเพราะมันทำให้เราได้แสดงออกถึงแนวคิดที่เราเชื่อและได้เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น
–
Facebook – Digital Oxygen ในปี 2553
ถ้าเราเปรียบเฟสบุ๊คเป็นประเทศละก็ มันคงจะเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกเลยทีเดียว จากข้อมูลทั่วโลก ในปีนี้จำนวนประชากรใน GenY จะพุ่งขึ้นสูงจนแซงหน้า Baby Boomer และ 95 เปอร์เซ็นต์ของเยาวชนเหล่านี้ (GenY) ใช้งาน Social network นอกจากนี้ 1 ใน 8 ของคู่รักที่แต่งงานในสหรัฐอเมริกาเมื่อปีที่แล้วพบกันผ่าน Social media และสำหรับสังคม “popular culture” ในเมืองไทยซึ่งไม่จำกัดว่าจะเป็นเพศใดอายุใด เข้าเหล่านั้นหายใจเข้าออกเป็น “social media” กันเลยทีเดียว (BB, iPhone App, Android, Ovi, Facebook, Twitter, Flickr, Hi-5, ฯลฯ) เปรียบเสมือนใช้ social media เป็น Digital Oxygen ไปแล้ว มาถึงตรงนี้เรามาลองจินตนาการว่าอะไรจะเป็น Oxygen ของพวกเขาในอีก 5 ปีข้างหน้าดูสิ
บทความจาก มายด์แชร์ เอเยนซี่เครือข่ายด้านการตลาดและการสื่อสาร
โดย ธัญญารัตน์ ศรีพิพัฒน์ – ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ไอเดียการสื่อสาร (tanyarat.sribhibhadh@mindshareworld.com)