Kantar เผยพฤติกรรมความกังวล Covid-19 ของคนไทย และสิ่งที่แบรนด์คงต้องเตรียมรับมือ

  • 1.2K
  •  
  •  
  •  
  •  

Covid-19 คือความท้าทายของมนุษยชาติซึ่งส่งผลกระทบต่อการสูญเสีย มากกว่า 50 ประเทศรายงานว่ามีผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อไวรัสนี้ Kantar (คันทาร์) ผู้นำด้านข้อมูลเชิงลึกและที่ปรึกษาทางการตลาดระดับโลก ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่แก่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและองค์กรระดับโลก เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติในครั้งนี้ รวมทั้งเปิดเผยข้อมูลผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจในประเทศไทย

คนไทยกังวล Covid-19

จากผลวิจัยของ Kantar พบว่าคนไทยรู้สึกถึงภัยคุกคามจาก Covid-19 มีความกังวลและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป แต่ยังไม่ถึงขั้นเกิดความหวาดกลัว หากพิจารณาถึงผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและการค้า ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของการเติบโตเศรษฐกิจไทย เห็นว่าวิกฤติ Covid-19 ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและการวางแผนทางการเงิน ชัดเจนที่สุดคือจิตใจของผู้บริโภคไทย 66% ของผู้บริโภคไทยมองว่าวิกฤตินี้ทำให้พวกเขาคิดเชิงรุกมากขึ้น เกี่ยวกับการวางแผนทางการเงินและอนาคต

ตัวเลขของผู้ป่วยจากเชื้อไวรัส Covid-19 ในประเทศไทยมีจำนวนน้อย หากเทียบกับประเทศอื่นๆ ในเอเชีย ไทยอยู่อันดับที่ 34 ของโลกจากจำนวนผู้ที่ติดเชื้อไวรัสทั้งหมด (ข้อมูลเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2020 จาก Worldometer) และความกลัวด้านสุขภาพยังไม่เท่ากับค่าเฉลี่ยของเอเชีย

ปฏิกิริยาของคนไทย

ความเสี่ยงจาก Covid-19 ได้รับการพูดถึงอย่างมากสำหรับผู้บริโภคในเขตเมือง จากผลวิจัย Kantar ยังพบอีกว่า ครัวเรือนในกรุงเทพฯ เลี่ยงการออกนอกบ้านและพื้นที่แออัด ผู้บริโภคกรุงเทพฯ มีอัตราการจับจ่ายในร้านค้าลดลง -4% และเพิ่มขึ้น 43% ในการจับจ่ายออนไลน์ สำหรับผู้บริโภคในเขตเมืองต่างจังหวัด มีอัตราการจับจ่ายต่อเดือนลดลง -2% และจับจ่ายออนไลน์เพิ่มขึ้น 70%

ผลกระทบต่อธุรกิจ

ความท้าทายสำหรับธุรกิจเนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปนี้ ส่งผลกระทบต่อยอดขาย ซึ่งมีอัตราลดลง -3.5%  (มกราคม 2020 เทียบกับ มกราคม 2019) ปี 2020 ถือเป็นปีที่ยากลำบากจากผลกระทบทางเศรษฐกิจมหภาค ไม่ว่าจะเป็นการชะลอตัวของการค้าโลก ความแห้งแล้งอย่างรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร และล่าสุดคือวิกฤติ Covid-19 ที่ถือเป็นความท้าทายสำคัญในช่วงที่เหลือของปี

 

สิ่งที่แบรนด์ควรทำ

ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปและความไม่แน่นอนของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แบรนด์ต้องมีความเชื่อถือได้และให้การสนับสนุนแก่ผู้บริโภคในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ ด้วยการให้ความมั่นใจและความเป็นผู้นำ

  1. จัดลำดับความสำคัญของการสื่อสารและการกระจายสินค้า ซึ่งสนับสนุนการป้องกัน Covid-19 โดยการทำให้ผู้บริโภครู้สึกอุ่นใจ และให้ผู้บริโภคมีความสามารถในการช่วยเหลือตัวเองบนพื้นฐานแห่งสุขภาพและความปลอดภัย

ผู้บริโภคไทยไม่ได้ตื่นตระหนกจนเกินไป และ “ไม่ได้กักตุน” สินค้าทุกประเภท แต่พวกเขากำลังมองหาสินค้าที่จำเป็นซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาไว้วางใจในการดำรงชีวิตที่จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมแห่ง “ความปลอดภัย” เช่นเดียวกับประเทศส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบ ผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ “การฆ่าเชื้อโรคด้วยตัวเอง” สำหรับใช้งานส่วนตัวและภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น น้ำยาบ้วนปากและสบู่ สำหรับทำความสะอาดซึ่งมีคุณสมบัติในการต่อต้านแบคทีเรีย และความสำคัญของ “การป้องกัน” ยังสะท้อนให้เห็นต่อ “การป้องกันเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง” ซึ่งมีเครื่องดื่มในตลาดหลายประเภทที่ชูคุณประโยชน์แบบ “มูลค่าเพิ่ม” ที่เห็นอย่างชัดเจนซึ่งกำลังเติบโตอย่างมากคือ รังนก ซุบไก่ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และนมสเตอริไลซ์

  1. สร้างความน่าเชื่อถือ โดยการให้ข้อมูลที่เชื่อถือได้ของห่วงโซ่อุปทานและความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์

ผู้บริโภคอยู่บ้านมากขึ้นกว่าปกติ นั่นหมายถึงโอกาสสำหรับสินค้าประเภทอาหารปรุงที่บ้าน เช่น ซอสปรุงรส ส่วนผสมในการปรุงอาหาร และอาหารกระป๋อง การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยสำหรับการบริโภคและเชื่อถือได้จึงเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคคาดหวังอันดับต้นๆ ในแบรนด์อาหารและเครื่องดื่ม ดังนั้นแบรนด์ต้องสร้างความสมดุลในการวางตำแหน่งตราสินค้าที่สะท้อนความเชื่อมั่นและความต้องการของผู้บริโภค

ผู้บริโภคมีการจับจ่ายแบบวิตกกังวลกับสินค้าบางอย่าง เช่น กระดาษชำระ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น และยาสีฟัน ซึ่งมียอดขายสูงกว่าปกติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความรู้สึกอ่อนไหวต่อสถานการณ์นี้ นอกจากนี้ยังมีสินค้าบางอย่างถูกกักตุนสะท้อนจากพฤติกรรมการอยู่บ้านเพิ่มขึ้น อย่างข้าวเกรียบกุ้ง ไอศกรีม กาแฟกระป๋อง น้ำอัดลม

สุดท้ายแล้ว แม้จะเป็นการเริ่มต้นปีที่ยากลำบากสำหรับธุรกิจและจะยากยิ่งขึ้นเมื่อวิกฤตเศรษฐกิจยืดเยื้อและความไม่แน่นอนยังมีอยู่ แต่ท่ามกลางวิกฤตินี้ธุรกิจสามารถแสดงความเป็นผู้นำด้วยการสนับสนุนผู้บริโภคด้วยการสร้างความไว้วางใจ เพราะท้ายที่สุดผู้บริโภคมองหาแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบ จริยธรรม และมีความซื่อสัตย์ต่อพวกเขา

 

หมายเหตุ:

  • ข้อมูลจากการสำรวจผ่านออนไลน์ จำนวน 3,000 กลุ่มตัวอย่าง อายุระหว่าง 18 – 60 ปี ในประเทศไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น โดย Kantar (Insights Division)
  • ข้อมูลพฤติกรรมการจับจ่ายสินค้าเข้าบ้านของผู้บริโภค 4,000 ครัวเรือน ทั่วประเทศไทย โดย Kantar (Worldpanel Division)

  • 1.2K
  •  
  •  
  •  
  •