จุดเริ่มจาก “ความรัก” สู่แบรนด์ลักชัวรี่
ปี 1929 คุณชิโนบุ ซูซูกิ คิดค้นครีมทามือเพื่อภรรยาที่มือแห้งกร้าน ผลิตภัณฑ์เล็ก ๆ นี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของ POLA แบรนด์สกินแคร์ที่สร้างจากความรัก และต่อยอดจนเป็นอาณาจักรความงามระดับโลก
ตลอดเกือบศตวรรษ POLA ขับเคลื่อนด้วยปรัชญา “Science. Art. Love.” ที่ไม่เคยเปลี่ยน

B.A – จาก Skincare สู่ Ageless Philosophy
ในปี 1985 POLA เปิดตัว B.A (Bio-Active Theory) เป็นเรือธงของบริษัท ที่ยกระดับตลาดสกินแคร์ญี่ปุ่นสู่ ultra-luxury
สิ่งที่ B.A ทำไม่ใช่การขาย Anti-Aging แต่คือ Ageless Beauty การก้าวข้ามข้อจำกัดของวัย และปลุกศักยภาพความงามในตัวผู้หญิงทุกคน
นี่คือจุดต่างเชิงกลยุทธ์: ขณะที่คู่แข่งพูดถึง “ลดริ้วรอย” B.A เลือก framing ว่า “เวลาไม่ใช่ศัตรู” แต่คือสิ่งที่เราสามารถ transcend ได้
Innovation-Driven Brand Strategy
เบื้องหลังความสำเร็จของ B.A คือ R&D ecosystem ที่ POLA ลงทุนต่อเนื่อง
- B.A Research Center (ก่อตั้ง 2015): ลงลึกตั้งแต่ skin glycation, cell reprogramming จนถึง neuro-aesthetics
- Proprietary Ingredients: B.A Core Extract (Rainbow Algae + Butcher’s Broom) และ Pleiotrophin ที่ช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูคอลลาเจน
- Formulation Technology: 3D Glow & Lift และ Self-Regenerating Veil ที่กักเก็บความชุ่มชื้นและยกกระชับผิว
กลยุทธ์นี้ทำให้ narrative ของแบรนด์ “Empowering Beauty to Transcend Time” ไม่ใช่แค่สโลแกน แต่มี หลักฐานเชิงวิทยาศาสตร์ รองรับ
กลยุทธ์ “7 Generations” ที่ทำให้แบรนด์ไม่เคยตกยุค
สิ่งที่ทำให้ B.A อยู่ในใจผู้บริโภค hi-end ได้ต่อเนื่องกว่า 40 ปี คือการใช้ Generational Strategy ทุกทศวรรษจะรีเฟรชทั้ง สูตร และ เรื่องเล่า ใหม่
- Gen 1 (1985): เปิดตัวครั้งแรกด้วย Bio-Active Theory
- Gen 2–3: ขยายไลน์ด้วย Cream และ Lotion
- Gen 4 (2010): narrative Reprogramming Skin โฟกัสการฟื้นฟูเซลล์
- Gen 5: สื่อสาร ความงามที่เปล่งประกายจากภายใน
- Gen 6: Firmness Network ตอบโจทย์เทรนด์ยกกระชับ
- Gen 7 (2025): “Empowering Beauty to Transcend Time” luxury experience ที่ครบทุกมิติ
สำหรับนักการตลาด ทุก generation คือ โอกาสในการรีแบรนด์ และ “ปลุกกระแสใหม่” โดยไม่ทิ้ง brand DNA
Gen 7 – Luxury Experience ที่ครบทุกมิติ
สามฮีโร่โปรดักต์ ที่เป็นไฮไลต์ของ Gen 7 ได้แก่
- B.A Lotion 7: เติมความชุ่มชื้นลึกกว่า 2.7 เท่า
- B.A Milk 7: ผิวกระจ่างใสขึ้น 3 เท่า และนุ่มขึ้น 1.4 เท่า
- B.A Cream 7: เพิ่มความยืดหยุ่นถึง 9 เท่า และกักเก็บชุ่มชื้นได้นานขึ้น 1.18 เท่า
Gen 7 ไม่ใช่เพียง product upgrade แต่คือ milestone ใหม่ ที่ทำให้ B.A ยืนหนึ่งใน luxury skincare
กลิ่นหอม: Luxury ผ่านประสาทสัมผัส
B.A Gen 7 ใช้ศาสตร์ neurosensory beauty ผสานความหรูหรากับประสาทสัมผัส
- Lotion: อากาศบริสุทธิ์และสายน้ำ
- Milk: แสงนวลที่ลอดผ่านเมฆ
- Cream: เปลวไฟอบอุ่น
พร้อม base note จาก oakwood upcycled ถังไวน์ฝรั่งเศส เพิ่มความลุ่มลึกและเชื่อมโยงกับ Luxury + Sustainability
ดีไซน์: Inclusion Black และเส้นโค้งมน
- สี Inclusion Black ที่รวมทุกสี สื่อถึงความเป็นไปได้ไร้ขีดจำกัด หรือความเป็น “อมตะ”
- ดีไซน์โค้งมนไร้เหลี่ยม ได้แรงบันดาลใจจากสรีระมนุษย์ สื่อถึงทั้งความแข็งแรงและความเปราะบาง
- ทำให้บรรจุภัณฑ์ไม่ใช่แค่ packaging แต่เป็น art piece
Artwork: จากห้องแล็บสู่แกลเลอรีศิลปะ
เพื่อเปิดตัว Gen 7, POLA B.A ร่วมงานกับ Makoto Azuma ศิลปินดอกไม้ระดับโลก ถ่ายทอด “timeless beauty” ผ่านงานศิลป์
นี่คือการยกระดับ product launch ให้กลายเป็น cultural event แบรนด์ไม่ได้ขายเพียงสกินแคร์ แต่ขายความหมายและวัฒนธรรม
Sustainability = New Luxury
B.A Gen 7 ยังใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วย
- Refillable packaging
- Bio-based ink
- Recycled PET
- Digital brochure
ทั้งหมดสะท้อนแนวคิด sustainable prestige ที่ luxury consumer ยุคใหม่ให้ความสำคัญ
Marketing Takeaways
- Generational Refresh = Brand Longevity ทุกเจนคือ narrative ใหม่
- Innovation as Brand Asset และ R&D = brand moat ที่คู่แข่งเลียนแบบยาก
- Luxury Experience สร้าง emotional connection ผ่าน scent, design, art
- Cultural Branding เปลี่ยน product launch ให้เป็น cultural moment
- Sustainable Prestige luxury + responsibility = คุณค่าใหม่ของผู้บริโภค
สำหรับผู้บริโภค B.A คือสกินแคร์ที่ “ก้าวข้ามกาลเวลา”
แต่สำหรับนักการตลาด นี่คือ case study ของ luxury branding ว่าแบรนด์จะยืนหนึ่งได้อย่างไร ด้วยการผสาน Science + Art + Storytelling + Generational Strategy