“CTM: Captivating Tea Muse” ได้เปิดประตูต้อนรับนักดื่มชารุ่นใหม่ที่ Central Park Bangkok ห้างสรรพสินค้าที่เพิ่งเปิดตัวและถูกจับตามองมากที่สุดแห่งปี ร้าน CTM ตั้งอยู่ที่ชั้น LG โซน Parkside Market ด้วยบรรยากาศที่ทันสมัยและคอนเซ็ปต์แตกต่างจากร้าน “ชาตรามือ” ที่ผู้คนคุ้นเคย
แม้ชื่อ CTM อาจทำให้หลายคนเข้าใจว่าเป็นตัวย่อของ “Cha Tra Mue” แต่แท้จริงแล้วคือ “Captivating Tea Muse” ที่สื่อถึงการดื่มชาที่มอบแรงบันดาลใจ มากกว่าจะเป็นเพียงเครื่องดื่มดับกระหาย
“เราอยากให้ CTM เป็นพื้นที่ที่เล่าเรื่องราวใหม่ๆ ของชา เพราะใบชามีมิติมากกว่าที่หลายคนคิด และมันสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนได้” คุณพราวนรินทร์กล่าว
ทายาทรุ่น 3 ผู้มองเห็น “ช่องว่างในตลาดชา”
คุณพราวนรินทร์ หรือ “คุณแพรว” เข้ามาสืบทอดธุรกิจในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิพย์ธารี จำกัด ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปีในการบริหารร้านชาตรามือ ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 230 สาขาในไทย และกว่า 130 สาขาใน 13 ประเทศทั่วโลก
เธอเล่าว่า ชาตรามือประสบความสำเร็จสูงสุดจากเมนูชาไทย แต่เมื่อพฤติกรรมการดื่มเปลี่ยนไป คนรุ่นใหม่เริ่มมองหาชาที่หลากหลาย ทั้งมัทฉะ ชาอู่หลง ชาจัสมิน หรือแม้แต่การผสมผลไม้สด
“เรามีชาหลายชนิดในมือ แต่ด้วยภาพลักษณ์ชาตรามือที่เป็นชาไทยดั้งเดิม ทำให้ชาอีกหลายตัวไม่สามารถสื่อสารได้เต็มที่ เราจึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีเวทีใหม่สำหรับชาประเภทอื่นๆ”
CTM จึงไม่ใช่เพียงการเพิ่มร้านชาอีกหนึ่งแบรนด์ แต่เป็นกลยุทธ์เพื่อเจาะ “segment” ที่แตกย่อยออกมาในตลาดชายุคปัจจุบัน
จากชาในครอบครัว สู่ “ศิลปะแห่งการดื่ม”
สำหรับคุณแพรว นอกจากเรื่องของรสชาติ การดื่มชาคือประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกับอารมณ์และความทรงจำ เธอยกตัวอย่างว่าชาอาจทำให้ใครบางคนรู้สึกสงบ ขณะที่อีกคนอาจรู้สึกสดชื่นหรือได้แรงบันดาลใจ
นี่คือที่มาของคอนเซ็ปต์ “Muse” ในชื่อแบรนด์ เพราะแต่ละแก้วถูกออกแบบมาให้เป็นแรงบันดาลใจที่แตกต่างกัน
หากเปรียบเทียบ “ชาตรามือ” กับ “CTM” คุณแพรวมองว่าเป็นเหมือนสองคาแรกเตอร์ที่อยู่คนละเวที ชาตรามือคือความดั้งเดิมและความเป็นไทย ขณะที่ CTM เป็นตัวแทนของความร่วมสมัยและการทดลองสิ่งใหม่ๆ ที่ทำให้แบรนด์ก้าวข้ามกรอบเดิม
“เราต้องการให้ CTM เป็นเหมือนแรงบันดาลใจในชีวิตประจำวัน ทุกแก้วควรมีเรื่องราวของมันเอง” เธอกล่าว
เมนูที่เล่าเรื่อง: จากใบชา สู่แรงบันดาลใจในแก้ว
หัวใจสำคัญของ CTM คือการสร้างสรรค์เมนูกว่า 40 รายการที่แตกต่างจากร้านชาอื่นๆ โดยเริ่มจาก Base ชา 12 ชนิดหลัก ได้แก่ ชาเขียว ชาอู่หลง และชาดำ/ชาแดง ก่อนจะนำมาผสมกับผลไม้สดหรือท็อปปิ้งเพื่อเพิ่มมิติใหม่ให้การดื่ม
นอกจากนี้ CTM ยังเป็นหนึ่งในร้านแรกๆ ที่ใช้ “เครื่องสกัดชาแบบสด” ทำให้ทุกแก้วได้รสชาติสดใหม่ในทันที
เมนูไฮไลต์ที่เรียกรวมกันว่า Captivating Series มีทั้งหมด 6 เมนู เช่น
- ชานมอู่หลงนางงาม – หอมกลิ่นน้ำผึ้งและผลไม้สุก
- ชาจัสมินบลูม – ชาเขียวอบดอกมะลิสด
- ชาตงติ่งเกาลัด – เพิ่มความกลมกล่อมด้วยเนื้อเกาลัดบด
- ชาไทย CTM เครมบรูเล่ – ท็อปด้วยครีมชีสเบิร์นไฟ
- ชาขาวไอวอรี่นมปั่น – เพิ่มสัมผัสหนึบหนับจากข้าวโอ๊ตป๊อป
- ชาส้มโอทับทิมสยาม – ผสมผสานความสดชื่นของส้มโอไทยกับดอกมะลิ
“เรามีชาไทยที่ใช้ใบชาจากไร่ในประเทศเป็นหลัก ยกเว้นมัทฉะที่เลือกคัด Ceremonial Grade จากญี่ปุ่น เพื่อให้ได้รสชาติอูมามิที่แท้จริง” คุณแพรวอธิบายถึงมาตรฐานการเลือกวัตถุดิบ
ตลาดชาใหม่: จาก 70 บาทถึง 200 บาทต่อแก้ว
CTM ถูกวางตำแหน่งในตลาด “พรีเมียมที่เข้าถึงได้” เครื่องดื่มเริ่มต้นเพียง 70–75 บาท และบางเมนู seasonal หรือใช้วัตถุดิบนำเข้าพิเศษอาจสูงกว่า 200 บาท แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ผู้บริโภคกล้าจ่าย
“ทุกวันนี้คนรุ่นใหม่พร้อมจะจ่ายมากขึ้นถ้าพวกเขามั่นใจว่าจะได้คุณภาพและประสบการณ์ที่แตกต่าง” คุณแพรวอธิบาย พร้อมเสริมว่าราคาของ CTM ถูกออกแบบมาให้ตอบสนองกลุ่มผู้บริโภคที่มองหาชาในชีวิตประจำวัน แต่ก็ต้องการความรู้สึกพิเศษในแต่ละครั้งที่ดื่ม
กลยุทธ์การเติบโต: Awareness ก่อน Expansion
สาขาแรกที่ Central Park Bangkok ถูกมองเป็นเหมือน “ห้องทดลอง” มากกว่าการเร่งเปิดสาขาใหม่ คุณแพรวเล่าว่าเป้าหมายช่วงแรกคือการสร้างการรับรู้และทำให้ผู้คนจดจำ CTM ให้ได้ก่อน
“เรายังไม่ได้กำหนดตัวเลขว่าจะเปิดกี่สาขา สิ่งสำคัญคือให้ลูกค้ารู้จักเรา และเมื่อเกิดการเรียกร้อง เราก็พร้อมจะขยาย”
ในอนาคต CTM มีแผนขยายสู่ หัวเมืองใหญ่และย่านที่เปิดรับคอนเซ็ปต์ใหม่ โดยเน้นการเลือกทำเลที่ตอบโจทย์กลุ่มคนเมืองซึ่งคุ้นชินกับการค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ
ศึกชาเดือด: เมื่อคู่แข่งทั้งไทย–เทศเข้ามาเล่นเกม
ธุรกิจชาในประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากแบรนด์ท้องถิ่นและต่างประเทศที่เข้ามาเปิดตลาดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คุณแพรวมองว่า นี่คือสัญญาณบวก
“การแข่งขันยิ่งทำให้ตลาดใหญ่ขึ้น และผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น สิ่งที่เรามั่นใจคือความเชี่ยวชาญของชาตรามือที่สะสมมากว่า 80 ปี ตั้งแต่เกษตรกรที่ปลูก ไปจนถึงกระบวนการผลิตและการสร้างเมนูใหม่ๆ”
ปัจจุบัน ชาตรามือมีประมาณ 230 สาขาในไทย และราว 130 สาขาใน 13 ประเทศ การมี CTM เพิ่มเข้ามาจึงช่วยเสริมพอร์ตให้ครอบคลุม segment ที่กว้างขึ้น ทั้ง mass และ specialty
จากชานมไทยสู่ Global Brand
ชาตรามือไม่ได้หยุดเพียงการเปิดร้าน แต่ยังเตรียมก้าวสู่การเป็น Global Brand อย่างเต็มตัวด้วยการพัฒนา RTD (Ready-to-Drink) เครื่องดื่มสำเร็จรูปที่สามารถส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ได้ง่ายขึ้น คุณแพรวเปิดเผยว่า แผนล่าสุดคือการทดลองตลาด RTD กับเครื่องดื่ม Kombucha
ส่วนเกณฑ์ในการเป็น Global Brand คุณแพรวมองว่ามี 3 องค์ประกอบหลัก:
- การที่แบรนด์เป็นที่รู้จัก (brand awareness),
- การเข้าถึงสินค้า/บริการในหลายประเทศ,
- ยอดขายจากตลาดต่างประเทศ
เธอประเมินว่า หากจะเรียกว่าเป็น Global Brand จริง ๆ รายได้จากต่างประเทศควรอยู่ที่ ประมาณ 90% ของทั้งหมด แต่ปัจจุบันชาตรามือยังมีรายได้ต่างประเทศราว 30–33% เท่านั้น
ชาตรามือเริ่มทำตลาดต่างประเทศอย่างจริงจังมาประมาณ 15–20 ปี ผ่านการออกบูธ การสร้างช่องทางขาย และปัจจุบันมี 130 สาขาใน 13 ประเทศ
เป้าหมายของเธอคือการทำให้ชาไทย “ยืนในเวทีโลก” ได้ โดยต้องมีการกระจายไปยังตลาดหลักของแต่ละทวีป เช่น จีน ลอนดอน เม็กซิโก เป็นต้น เพื่อสะท้อนว่าแบรนด์เข้าถึงผู้บริโภคทั่วโลก ไม่ใช่เพียงแค่จำนวนประเทศ
ทุกแก้วคือแรงบันดาลใจ
เมื่อมองภาพรวม คุณพราวนรินทร์เชื่อว่า CTM เป็นการขยายแบรนด์และสร้างเวทีใหม่ที่สะท้อนศักยภาพของชาไทยในมุมที่หลากหลายขึ้น
“เราภูมิใจที่ชาที่ปลูกในประเทศไทยสามารถเล่าเรื่องราวและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนได้ และเราจะยังคงพัฒนาต่อไปเพื่อให้ชาไทยได้ยืนในเวทีโลกอย่างสง่างาม”
สำหรับ CTM การเดินทางเพิ่งเริ่มต้น แต่ทุกแก้วที่เสิร์ฟออกไป ได้กลายเป็นบทพิสูจน์ว่าชาสามารถเป็นมากกว่าเครื่องดื่ม เป็นทั้งศิลปะ แรงบันดาลใจ และวัฒนธรรมที่กำลังขยายตัวสู่อนาคต