
เทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาอย่างรวดเร็วส่งผลให้โลกธุรกิจเกิดความเปลี่ยนแปลงที่เร็วยิ่งกว่าและต่อเนื่อง หลายธุรกิจพยายามเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด แต่การมีแค่ข้อมูลมากและขนาดใหญ่อาจไม่เพียงพออีกต่อไป สิ่งที่ผู้ประกอบการและนักการตลาดต้องมองหาคือ “สิ่งที่ใช่ (The Right Context)” หรือการทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดต่อธุรกิจและลูกค้าของตนเอง
EGG Digital (เอ้ก ดิจิทัล) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้าน Big Data และ AI Solution เข้าใจความต้องการดังกล่าว พร้อมเปิดตัวชุดแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลอัจฉริยะแบบครบวงจร ภายใต้ชื่อ “The Matter Suite” โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถ “Discover What Matters” และ “Seeing the Unseen” หรือการค้นหาสิ่งที่สำคัญที่ซ่อนอยู่ เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจทางธุรกิจที่ชาญฉลาด แม่นยำ และตอบโจทย์ผู้ประกอบการในทุกสถานการณ์
“รู้มาก” ไม่ได้แปลว่า “รู้จริง”
หลายธุรกิจต่างทุ่มเทงบประมาณเพื่อสร้างพื้นที่คลังข้อมูลขนาดใหญ่ และนำเทคโนโลยี AI มาใช้ด้วยความเชื่อที่ว่า ยิ่งมีข้อมูลมากยิ่งเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างละเอียด แต่หลายครั้งที่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง โดย EGG Digital มองว่า ความล้มเหลวส่วนหนึ่งมาจากแม้จะมีข้อมูลเยอะ แต่ยังขาดการเชื่อมโยง วิเคราะห์ และประเมินผลอย่างเป็นระบบ ทำให้ไม่มีความแม่นยำในการวิเคราะห์ และหลายครั้งที่แคมเปญการตลาดล้มเหลว โดยพบว่า

- ธุรกิจค้าปลีกกว่า 43% ยังคงมีข้อมูลเยอะมหาศาล แต่ไม่สามารถใช้วิเคราะห์ได้แม่นยำ ทำให้แคมเปญล้มเหลวอยู่บ่อยครั้ง
- โดย 40%-60% ของโปรโมชั่นที่ทำไป กลับไม่ได้รับผลตอบแทน (ROI) อย่างที่คาดการณ์ไว้
- กว่า 55% ของธุรกิจที่ขยายสาขาไปยังทำเลใหม่ กลับไม่ได้ยอดขายเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายการขยายสาขา
- สถาบันการเงินเกือบ 78% ยอมรับว่าข้อมูลเครดิตแบบเดิมไม่เพียงพอต่อการประเมินลูกค้า
สิ่งเหล่านี้กำลังเน้นย้ำว่า การใช้เทคโนโลยีและข้อมูลแบบหว่านแหไม่เคยทำให้ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดหวัง แม้จะมีข้อมูลที่มากมายมหาศาล แต่ธุรกิจต้องมุ่งเน้นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการจริง (The Right Context)
3 ผสานที่ช่วยให้ได้ Insight ที่สมบูรณ์
แม้ว่าข้อมูลจำนวนมากจะช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกได้จริง แต่ถ้าเข้าถึงแบบไม่ตรงจุดความต้องการก็ไม่เกิดผลลัพธ์ที่เกิดประโยชน์ นั่นคือที่มาของแนวคิดการพัฒนาโซลูชันของ EGG Digital ที่การค้นหาสิ่งที่ใช่สำหรับผู้บริโภค ต้องอาศัยการผสานกำลังของสามองค์ประกอบหลัก ทั้ง

- Big Data มหาศาล: ด้วยจุดเด่นที่ EGG Digital มีฐานข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในไทย ครอบคลุม 80% ของประชากรในประเทศ โดยประกอบด้วย Telco Data จากกลุ่มธุรกิจ True ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลพฤติกรรมการใช้มือถือ, Geo-location, แอปพลิเคชันที่เข้าชม และ Retail Data จากกลุ่มธุรกิจ CP Axtra ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลพฤติกรรมการซื้อสินค้าจากช่องทางต่างๆ
- เทคโนโลยี AI ขั้นสูง: ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยี Agentic AI ซึ่งเป็น Agentic AI ที่ล้ำสมัย ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะในการวิเคราะห์ ประมวลผล พร้อมทั้งนำเสนอคำแนะนำที่แม่นยำให้กับธุรกิจเลือกพิจารณา
- Human Intelligence: สิ่งที่ขาดไม่ได้และสำคัญอย่างมาก คือความเชี่ยวชาญและความเฉลียวฉลาดของบุคลากรทีมงานของ EGG Digital ที่สามารถนำ Big Data และ AI มาประมวลผลกับคำแนะนำจาก AI เพื่อให้เกิดความเข้าใจและนำไปปรับใช้ในเชิงกลยุทธ์ได้อย่างเหมาะสม
เมื่อรวมทั้ง 3 ผสานแล้ว ข้อมูลทั้งหมดจะถูกนำมาวิเคราะห์ในรูปแบบ 720-Degree Customer View เพื่อให้เกิดความเข้าใจในตัวผู้บริโภคอย่างรอบด้านและลึกซึ้งที่สุด ตัวอย่างเช่น การที่ผู้บริโภคยืนซื้อกาแฟในร้านสะดวกซื้อ อาจไม่ได้แปลว่าเขาแค่อยากดื่มกาแฟ แต่เมื่อรวมกับ Telco Data ที่บอกว่าเขาเช็คอินที่โรงพยาบาลบ่อยครั้ง อาจตีความได้ว่าเขากำลังเฝ้าไข้ ทำให้ธุรกิจสามารถความต้องการที่แท้จริงเปลี่ยนไป และสามารถสื่อสารการตลาดได้ตามการเปลี่ยนแปลง
4 โซลูชั่นหัวใจหลัก “The Matter Suite”
จุดเด่นสำคัญที่ EGG Digital พร้อมส่งมอบเพื่อให้ธุรกิจสามารถไปถึงสิ่งที่ใช่ (The Right Context) ผ่านชุดแพลตฟอร์ม The Matter Suite ถูกแบ่งออกเป็น 4 โซลูชันหลัก ที่จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจในมิติต่างๆ ประกอบด้วย

– RetailMatter: ค้าปลีกแม่นยำและตอบโจทย์ Real-time
เมื่อผู้บริโภคมีความต้องการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และ Channel หรือช่องทางต่างๆ มีความซับซ้อน ด้วยโซลูชันวิเคราะห์ธุรกิจค้าปลีกอัจฉริยะ ที่เน้นการค้นหา Insight ในรูปแบบ Detail และ Granularity มาพร้อมฟีเจอร์หลักคือ AI Categorization & Personalization และ AI Smart Summary & Decision Support ที่ช่วยสามารถให้คำแนะนำและปรับใช้กลยุทธ์แบบ Real-time โดยไม่ต้องใช้เวลาไปกับการทำ Report

ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์ต้องการทราบว่า ทำไมสินค้าบางกลุ่มถึงขายดีขึ้นหรือลดลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยระบบ AI Smart Summary & Decision Support ช่วยสรุปผลการวิเคราะห์ยอดขาย, ปัจจัยที่เปลี่ยนแปลง, พฤติกรรมลูกค้า และความถี่ในการซื้อ ช่วยให้แบรนด์ทราบสาเหตุและสามารถปรับกลยุทธ์การจัดเรียงสินค้า หรือการสั่งสินค้าเข้าร้านให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดของขาดหรือของเกิน
หรือ e-Commerce แพลตฟอร์มที่ต้องการนำเสนอสินค้าและโปรโมชั่นให้ตรงใจผู้ใช้แต่ละคนแบบ Hyper-Personalization โดยใช้ AI Categorization & Personalization วิเคราะห์จากข้อมูล Telco Data และ Retail Data เพื่อจัดกลุ่มลูกค้าตามความต้องการที่ลึกซึ้ง และใช้ AI Proactive Insight เพื่อคาดการณ์ความต้องการในอนาคต ช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนสินค้าแนะนำและโปรโมชั่นที่แสดงบนหน้าจอของผู้ใช้แบบ Real-time ให้ตรงกับสิ่งที่เขากำลังจะต้องการ ไม่ใช่สิ่งที่เคยต้องการในอดีต
– PromoMatter: โปรโมชันที่ไม่ทำร้ายกำไร
หลายธุรกิจนิยมทำโปรโมชันบ่อยเพื่อสร้างยอดขาย โดยที่ไม่รู้ว่าโปรโมชันแบบไหนควรหยุดหรือควรเดินหน้าต่อ หรือเป็นโปรโมชันที่ไม่ได้ผลตอบแทนสูงสุด ด้วยพลัง AI พร้อมฟีเจอร์ AI Forecast ที่ช่วยให้แบรนด์สามารถมองเห็นแนวทางเพื่อวางแผนการบริหารจัดการสินค้าและงบประมาณการตลาดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ตัวอย่างเช่น แบรนด์ต้องการออกโปรโมชันลดราคา 20% สำหรับสินค้า A แต่ไม่แน่ใจว่าจะทำกำไรได้สูงสุดหรือไม่ และจะกระทบต่อสินค้า B อย่างไร ระบบจะทำการวิเคราะห์ Uplift ROI Analysis และ Segment Impact เพื่อประเมินว่าโปรโมชันนี้จะส่งผลกระทบต่อยอดขายและกำไรสุทธิอย่างไรในแต่ละกลุ่มลูกค้า รวมถึงวิเคราะห์ว่าโปรโมชันนี้จะทำให้ลูกค้าเปลี่ยนไปซื้อสินค้า A แทนสินค้า B (Cannibalization) มากน้อยแค่ไหน โดยอาจจะแนะนำให้ปรับลดส่วนโปรเหลือ 15% เพื่อให้ได้กำไรสูงสุด หรืออาจจะเปลี่ยนไปใช้โปรแบบอื่นแทน
หรือธุรกิจต้องการวางแผนโปรโมชันสำหรับช่วงเทศกาลล่วงหน้า 3 เดือน โดยจะใช้ AI Forecast ในการคาดการณ์แนวโน้มความต้องการและพฤติกรรมการซื้อในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนกลยุทธ์โปรโมชันล่วงหน้า บริหารสต็อกสินค้า และจัดสรรงบประมาณการตลาดให้มีความเหมาะสมกับช่วงเวลาดังกล่าว
– GeoMatter: โอกาสของแต่ละพื้นที่
การตัดสินใจเลือกทำเลที่ตั้งสาขา หรือเลือกโฆษณาตามป้ายบิลบอร์ด มักอาศัยข้อมูลที่ไม่ลึกพอทำให้ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาด โดย GeoMatter เป็นโซลูชันที่วิเคราะห์พื้นที่ผ่านการใช้ข้อมูลของ Telco และ Retail เพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการใช้จ่ายของผู้บริโภค ช่วยวิเคราะห์ Footfall Analysis และ POI Analysis ทำให้ธุรกิจสามารถวางกลยุทธ์การสื่อสารทางการตลาดให้ตรงกับพฤติกรรมลูกค้าได้ถูกที่ถูกเวลา และช่วยในการตัดสินใจขยายสาขาได้อย่างแม่นยำ

ยกตัวอย่างเช่น ร้านกาแฟพรีเมียมต้องการขยายสาขา แต่สาขาในห้าง A ขายดีมาก ส่วนสาขาในห้าง B กลับขายไม่ดี ทั้งที่มีกลุ่มลูกค้าวัยทำงานใกล้เคียงกัน โซลูชั่น GeoMatter จะวิเคราะห์ Visitor Profiling ทำให้พบว่า ลูกค้าที่ห้าง A เป็นกลุ่ม Impulse Snacker และชอบซื้อกาแฟพรีเมียมจริง ส่วนลูกค้าห้าง B เป็นกลุ่มที่มาซื้อของใช้เข้าบ้านเป็นหลัก ระบบจะแนะนำให้พิจารณาเปิดสาขาที่ สยามพารากอน ชั้น 3 ซึ่งมี Lifestyle ที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการถึง 95% พร้อมทั้งแนะนำให้เน้นการขาย Premium Product เพื่อให้ตรงกับความสนใจของคนกลุ่มนี้

หรืออสังหาริมทรัพย์ที่สามารถใช้ GeoMatter ในการวิเคราะห์จุดติดตั้งป้ายโฆษณา (Billboard) เพื่อประเมินจำนวน Eyesight (สายตาที่มองเห็น) ป้ายโฆษณาในแต่ละช่วงเวลา หรือธนาคารที่ต้องการหาทำเลติดตั้งตู้ ATM ใหม่ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า โดย GeoMatter จะวิเคราะห์เพื่อดูว่าชุมชนไหนที่ลูกค้าเดินทางมาใช้ ATM ไกลเกินไป เพื่อเลือกทำเลที่เหมาะสมที่สุด
– MatterScoring: ลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ
เป็นเครื่องมือสำหรับการประเมินศักยภาพ โดยระบบจะให้คะแนนอัจฉริยะผ่านข้อมูล Telco, Retail และข้อมูลธุรกิจของแบรนด์ เพื่อประเมินศักยภาพของผู้บริโภคอย่างรอบด้าน เพื่อประเมินความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อได้แม่นยำขึ้น สิ่งนี้ช่วยให้ธนาคาร สถาบันการเงิน และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สามารถให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าที่ยังไม่เคยมีประวัติเครดิต (Credit Bureau) มาก่อน ได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว

เช่น สถาบันการเงิน หากผู้ขอสินเชื่อมีอาชีพอิสระ (Freelance) ธนาคารจะจัดอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูง (High Risk) ด้วยการประเมินผ่านเครดิตบูโร ด้วย Matter Scoring ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลการใช้แพ็กเกจมือถือ, การเดินทางไปต่างประเทศ ผสานความถี่ในการซื้อสินค้า, การซื้อสินค้า Luxury เพื่อให้เห็นกำลังการจ่ายที่แท้จริง ช่วยให้เห้นศักยภาพทางการเงินของผู้บริโภคแต่ละรายได้อย่างแม่นยำ

หรือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ระบบ MatterScoring ใช้ข้อมูลช่วยคัดกรองผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อจริง มีคุณภาพสูง และมีความตั้งใจในการซื้อ ลดเวลาในการปิดการขายลงได้ 80% และบริษัทประกันภัยที่สามารถกำหนดเบี้ยประกันภัยรถยนต์ให้ตรงกับความเสี่ยงของแต่ละบุคคล โดยใช้ MatterScoring เพื่อประเมินความเสี่ยงด้านพฤติกรรมทางการเงินของผู้ซื้อ เพิ่มโอกาสในการขายแบบ “ผ่อนชำระ” ให้กับลูกค้าที่มั่นใจว่ามีกำลังการจ่าย

EGG Digital มองว่า ชุดเครื่องมือ The Matter Suite ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือ แต่เป็นโซลูชันที่จะช่วยผลักดันให้ธุรกิจไทยก้าวข้ามผ่านความท้าทายต่างๆ และสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจได้อย่างยั่งยืน ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุน และเพิ่มโอกาสเติบโตให้กับทุกธุรกิจ โดยตั้งเป้าหมายที่จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าปัจจุบันให้ได้ 100% ภายในปี 2569 เป็นการประกาศความพร้อมของ EGG Digital ในการก้าวสู่ยุค AI อย่างสมบูรณ์
