หากเราตั้งคำถามว่า ‘เล่นดนตรีเป็นมั้ย?’ กับผู้คน คงไม่ใช่ทุกคนที่จะตอบว่า “เล่นเป็น” แต่ถ้าเราตั้งคำถามว่า ‘เคยหัดเล่นดนตรีมั้ย?’ เชื่อว่าเกือบทุกคนน่าจะยกมือขึ้นมา แล้วสามารถคุยถึงประสบการณ์อันน่าจดจำกันได้ทั้งวัน เพราะดนตรี เป็นวัฒนธรรมที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่งนอกจากจะมีวิชาเรียนในหลักสูตรการเรียนรู้ตั้งแต่อนุบาลแล้วนั้น ยังมีสถาบันสอนดนตรีที่มีชื่อเสียงมากมาย และมีแบรนด์เครื่องดนตรีที่ผูกพันกับคนไทยอีกมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าแบรนด์เก่าแก่อย่าง “ยามาฮ่า” นั้นต้องมีชื่ออยู่ในอันดับต้น ๆ ในใจของใครหลายคน
แต่ถึงแม้จะเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน หากไม่มีการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย ก็อาจจะถูกลืมหายไปกับกาลเวลาได้ เพราะในยุคปัจจุบัน การแข่งขันของสถาบันดนตรี และธุรกิจร้านขายเครื่องดนตรีก็ยังคงสูงอยู่ ดังนั้นแบรนด์ยามาฮ่า จึงได้ทำแคมเปญเพื่อที่จะสื่อสารกับนักดนตรีชาวไทยอีกครั้ง ซึ่งในวันนี้เราจะมาดูกันว่า นอกจากการใช้ Insight สุดจริงที่คนดนตรีทุกคนดูแล้วต้องรู้สึกนั้น แบรนด์ยามาฮ่า ได้ซ่อนอะไรไว้ในโฆษณาทั้ง 3 เรื่องของแคมเปญ “YAMAHA: Connecting People With Music.”
แคมเปญใหญ่ที่สะท้อนความเป็นแบรนด์ที่ตอบโจทย์ได้ครบวงจรของการเล่นดนตรี
สำหรับนักดนตรีนั้นจะรู้ว่า ในการเล่นดนตรีนั้น มีปัจจัยสำคัญที่จำเป็นอยู่หลากหลาย อีกทั้งยังมีช่วงเวลาสำคัญอันน่าจดจำมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เหตุผลที่เริ่มเล่นดนตรี, การรวมวงกับเพื่อน ๆ ในสมัยวัยรุ่น, หรือแม้แต่เหตุผลที่ทำให้เรายังคงเล่นดนตรีอยู่ ซึ่งการที่แบรนด์ดนตรีแบรนด์หนึ่งจะนำเสนอเรื่องราวดังกล่าวทั้งหมดให้รู้สึก ‘จริง’ ได้และสามารถนำเสนอสินค้าของตนสอดแทรกไปได้อย่างเนียน ๆ นั้น จะต้องเป็นแบรนด์ที่มีสินค้าและบริการทางด้านดนตรีตอบโจทย์แบบครบวงจร ซึ่งแบรนด์ยามาฮ่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ
3 โฆษณา ที่นอกจากจะมาพร้อมกับ Insight สุดโดน ยังเป็นตัวแทนของสินค้าที่ตอบโจทย์ครบ Business Unit
อย่างที่กล่าวไว้ในข้างต้นว่า แคมเปญนี้ของยามาฮ่า สร้างขึ้นบนพื้นฐานของ Insight ที่แปรออกมาในรูปแบบของคำถาม ที่คนดนตรีทุกคนต้องรู้สึก ต้องคิด และต้องมีคำตอบอย่างแน่นอน ซึ่งนอกจากเรื่องราวที่โดนใจแล้วนั้น ในโฆษณาทั้งสามเรื่องยังเปรียบเสมือนตัวแทนสินค้าในทุก Business Unit ของแบรนด์ยามาฮ่า ซึ่งถูกแบ่งใน 3 เรื่องราวดังนี้
‘พี่เอกเมตรห้าสิบ’ ตัวแทนสินค้ากลุ่ม Band and Orchestra และคำถาม “ทำไมถึงเริ่มเล่น?”
httpv://youtu.be/8WHjsk7nIGE
‘พังค์-(เรา)-ตัวเอง’ ตัวแทนสินค้ากลุ่ม Combo, Professional Audio และคำถาม “ทำไมถึงเลิกเล่น?”
httpv://youtu.be/Yzi_i2fmmuo
‘ความสุข’ ตัวแทนสินค้ากลุ่ม Piano, Music Academy และคำถาม “ทำไมถึงยังเล่นดนตรีอยู่?”
httpv://youtu.be/j6k6E_8V0ss
ความผูกพันที่คนดนตรีมีต่อ Yamaha ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายของ Yamaha หรือ เหล่าคนดนตรีทั้งหลายดูแล้วสามารถรู้สึกตามกับโฆษณาทั้งสามเรื่อง นอกจาก Insight ที่ดีแล้วนั้น ยังมีเรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ ‘ความผูกพันที่มีต่อแบรนด์’ ซึ่งไม่สามารถปฎิเสธได้จริง ๆ ว่าคนดนตรีเกือบจะทุกคนต้องเคยหยิบจับเครื่องดนตรีแบรนด์ยามาฮ่ากันมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นกีตาร์โปร่งรุ่นยอดฮิตอย่าง F-310 หรือขลุ่ยรีคอร์เดอร์ที่ทุกคนต้องเคยลองเป่ากันจนพ่อแม่แสบหูในวัยประถม
ซึ่งในปัจจุบันนี้ นอกจากจะเป็นผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการของเครื่องดนตรีและเครื่องเสียงแบรนด์ยามาฮ่าจากประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการผู้เดียวในประเทศไทย และเป็นผู้นำด้านดนตรีศึกษาแล้ว ทางบริษัทสยามดนตรียามาฮ่ายังมีสินค้าอุปกรณ์สำหรับคนดนตรีอื่น ๆ อีกมากมายเช่น เปียโน Bösendorfer , ไมโครโฟน Lewitt , ไม้กลอง Promark , แอมปลิไฟเออร์ Laney , Steinberg ซึ่งผู้ที่สนใจต้องการหาข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ที่เพจ www.facebook.com/yamahamusicthailand หรือ th.yamaha.com ได้เลย