
มีใครเป็นบ้างตั้งแต่ Work From Home (WFH) ยิ่งนอนดึกมากขึ้น ไถมือถือก่อนนอนนานกว่าปกติ รู้หรือไม่ว่ารูปแบบการนอนแบบนี้กลายเป็นคำจำกัดความใหม่ของกลุ่มมิลเลนเนียลส์ส่วนใหญ่ไปแล้ว โดย ดร.Rajkumar Dasgupta จากมหาวิทยาลัย Southern California พูดว่า อาการเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของอาการทางจิตวิทยา เรียกกันว่า Revenge Bedtime Procrastination หรือ การแก้แค้นก่อนนอน (สละเวลาพักผ่อนเพื่อความบันเทิง)
“อาการดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่เพียงแต่พบมากขึ้น โดยเฉพาะตั้งแต่ที่มีการระบาดของไวรัส COVID-19 และกลุ่มคนที่มีอาการเหล่านี้ส่วนใหญ่จัดว่าเป็นกลุ่มที่ทำงานหนักมากเกินไป (overworked) จนทำให้เส้นสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานกับพื้นที่ส่วนตัว หรือเวลาพักผ่อนทับซ้อนกัน”
ดังนั้น สิ่งที่พวกเขาจะทำก็คือ เลื่อนเวลานอนออกไป หรือสละเวลาพักผ่อนออกไปเพื่อเล่นมือถือ, ดูหนัง, เล่นเกม ฯลฯ สิ่งความบันเทิงทั้งหลายเพื่อบรรเทาความเครียดของตัวเอง พูดง่ายๆ ก็คือ ล้างแค้นชดเชยเวลาที่หมดไปกับการทำงานที่มากจนไม่มีเวลาพักเพียงพอเท่าที่ต้องการ

ความน่ากังวลของอาการดังกล่าว ก็คือ พฤติกรรมที่ทำสะสมบ่อยจนชิน จนไม่สามารถแบ่งเวลาทำงาน – เวลาเล่น – เวลาพักผ่อนได้ จนแยกแยะไม่ออกว่าเวลาไหนที่ควรเล่นและควรนอน (ถ้าไม่รู้สึกง่วง อยากนอนหลับ)
ที่สำคัญกลุ่มคนที่มีอาการ Revenge Bedtime Procrastination ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีปัญหาสุขภาพมากกว่า #คนที่นอนไม่หลับ เพราะอะไร? เพราะว่าพวกเขาเลือกที่จะไม่นอน (ไม่ใช่เพราะนอนไม่หลับ) ดังนั้น ปัญหาสุขภาพจึงกระทบทั้งทางร่างกายและจิตใจ

นอกจากนี้ Revenge Bedtime Procrastination ยังกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงานด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่คนมักจะมองข้าม เพราะคิดว่าค่อยปรับทีหลังได้ ขอสนุกก่อน แต่รู้หรือไม่ว่าอาการดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง
- 
การอดนอนหรือนอนไม่พอทำให้ร่างกายรู้สึกเหนื่อยกว่าปกติ ทั้งๆ ที่ยังไม่เริ่มทำงาน
 - 
ลดความสามารถในการคิด ปิ๊งไอเดีย และการจดจำได้ดี
 - 
ลดความสามารถในการตัดสินใจที่ดี
 - 
มีแนวโน้มที่จะหงุดหงิดง่ายขึ้น ควบคุมอารมณ์ได้น้อยลง
 - 
มีแนวโน้มที่ภูมิคุ้มกันร่างกายจะลดลงเร็วกว่าคนอื่นในอายุที่เท่ากัน
 - 
มีความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดง่ายขึ้น
 - 
มีความเสี่ยงเกิดภาวะเมแทบอลิกซินโดรม (Metabolic Syndrome)
 
อาการเอฟเฟกต์เหล่านี้เป็นเพียงบางส่วนจาก Revenge Bedtime Procrastination ซึ่งสิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทำก็คือ “การจัดตารางทำงาน พัก และนอนให้ถูกต้องตามที่ร่างกายต้องการ” Daphne K. Lee นักเขียนชื่อดังในนิวยอร์ก พูดเพิ่มเติมว่า กลุ่มระดับผู้บริหาร หรือเจ้าของธุรกิจจำนวนไม่น้อยที่มีภาวะอาการนี้ แม้ว่าพวกเขาจะแบ่งเวลาออกกำลังกาย และทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพก็ตาม
ทั้งนี้ ผลวิจัยของคนหลายกลุ่มไม่ใช่แค่กลุ่มวัยรุ่น หรือกลุ่มมิลเลนเนียลส์เท่านั้นที่เริ่มมีพฤติกรรมแบบนี้ ประเด็นก็คือ ทุกวันนี้เราถือค่านิยมที่ทำงานหนักมากจนเกินไปหรือไม่ จนทำให้ควบคุมเวลาชีวิตไม่ได้ และต้องสละเวลาช่วงกลางคืนเพื่อผ่อนคลายตัวเอง หากเป็นแบบนั้นคงต้องเริ่มปฏิวัติตัวเองเสียใหม่ก่อนจะกระทบ Productivity ในการทำงานจนหมด

ที่มา: edtimes, sleepfoundation
