เจาะลึกกลยุทธ์ ฟอร์ด ประเทศไทย เข้าใจลูกค้า ต่อยอดคุณค่า สร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

ในตลาดรถยนต์เมืองไทยที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ฟอร์ดยังคงยืนหยัดอย่างมั่นคงด้วยโมเดลหลักเพียงสองรุ่น—ฟอร์ด เรนเจอร์ และ ฟอร์ด เอเวอเรสต์—แต่สามารถครองอันดับ 3 ทั้งในตลาดรถกระบะและรถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่งได้อย่างเหนียวแน่น โดยเรนเจอร์ครองส่วนแบ่งตลาด 7.8% ขณะที่เอเวอเรสต์มีสัดส่วนสูงถึง 17.4% ความสำเร็จนี้สะท้อนถึงการวางกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการเข้าใจผู้บริโภคและต่อยอดประสบการณ์มากกว่าการมองเพียงยอดขาย

คุณเมธัส ลิขิตสัจจากุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ฟอร์ด ประเทศไทย อธิบายว่า “เรามองว่ารถยนต์ฟอร์ดคือเพื่อนร่วมเส้นทางชีวิต ลูกค้าควรได้ทั้งสมรรถนะที่ไว้ใจได้ เทคโนโลยีที่ทันสมัย และความภูมิใจทุกครั้งที่ขับขี่”

คุณเมธัส ลิขิตสัจจากุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ฟอร์ด ประเทศไทย

กลยุทธ์หลัก 3 ด้าน: กรอบคิดที่ชัดเจนของฟอร์ด

การขับเคลื่อนธุรกิจของฟอร์ดในไทยยึดตามกรอบกลยุทธ์ 3 ด้านที่ผสานกันอย่างสมบูรณ์

  1. นวัตกรรมที่นำตลาดและสินค้าโดนใจลูกค้า
  2. การตลาดที่เข้าใจลูกค้าและมอบคุณค่าเหนือราคา
  3. การสร้างประสบการณ์จริงเพื่อสร้างแฟนแบรนด์

กลยุทธ์ทั้งสามด้านทำหน้าที่เป็นเสาหลักที่พาแบรนด์เติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดที่แข่งขันสูง

นวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ที่เขย่าตลาด

นับตั้งแต่เข้ามาดำเนินธุรกิจในไทยกว่า 29 ปี ฟอร์ดมียอดขายสะสมแล้วถึง 803,352 คัน (ข้อมูลถึง 31 กรกฎาคม 2568) จุดยืนของฟอร์ดคือการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนารุ่นย่อยและคุณสมบัติใหม่ ๆ ให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ตั้งแต่เกษตรกร ครอบครัว นักผจญภัย ไปจนถึงลูกค้ากลุ่มพรีเมียม

สิ่งที่ทำให้ฟอร์ดเป็นที่จดจำคือการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ “เขย่าตลาด” มาตลอด ไม่ว่าจะเป็น

  • การเปิดตัวกระบะแบบ Open Cab เป็นรายแรก
  • การบุกเบิกเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย เช่น ABS, ถุงลมนิรภัย, คานนิรภัยข้าง, เครื่องยนต์ดีเซล 12 วาล์ว
  • การสร้างเซ็กเมนต์ใหม่ด้วย ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รถกระบะสมรรถนะสูงที่ยังคงเป็นตัวแทนความดุดัน
  • การนำเสนอ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ แพลทินัม ที่ผสมผสานความหรูหรากับสมรรถนะเครื่องยนต์ดีเซล V6 ขนาด 3.0 ลิตร แม้ราคาสูงกว่า 2 ล้านบาท แต่กลับขายหมดภายในเวลาเพียง 4 ชั่วโมง

และในปี 2569 ฟอร์ดเตรียมเปิดตัว เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้ ที่ตั้งใจจะปฏิวัติมาตรฐานกระบะไทยอีกครั้งด้วยสมรรถนะที่ยกระดับเหนือข้อจำกัดเดิมทั้งหมด

กลยุทธ์เข้าใจลูกค้าและมอบคุณค่าเหนือราคา

ตลาดรถยนต์ในไทยมีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ฟอร์ดเลือกใช้กลยุทธ์ที่สร้าง ความคุ้มค่า มากกว่าการแข่งขันด้านราคาเพียงอย่างเดียว

  • ตัวอย่างเช่น เอเวอเรสต์ เทรนด์ ที่ถูกออกแบบเพื่อเจาะตลาดระดับล้านต้น ๆ ด้วยสมรรถนะครบครัน ส่งผลให้ยอดขายเติบโตถึง 7.5 เท่า
  • การใช้ Data-Driven Marketing ออกแบบแคมเปญให้ตรงกับความต้องการจริง เช่น แคมเปญ “โปรยิ้มกว้าง” ที่ปรับเงื่อนไขการผ่อนชำระให้เหมาะกับกลุ่มเกษตรกร

อีกหนึ่งจุดแข็งที่สำคัญคือโครงสร้างการผลิตและบริการหลังการขายที่แข็งแกร่ง

  • ฟอร์ดมีโรงงาน 2 แห่งในจังหวัดระยอง ได้แก่ FTM และ AAT ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับมาสด้า โรงงานเหล่านี้ส่งออกรถฟอร์ดไปยังกว่า 100 ประเทศทั่วโลก
  • เมื่อต้นปี 2568 ฟอร์ดเปิดศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่ พื้นที่กว่า 40,000 ตารางเมตร รองรับชิ้นส่วนได้ถึง 4.3 ล้านชิ้น เพื่อยกระดับความมั่นใจของลูกค้าในด้านคุณภาพและความพร้อมของบริการ

ในด้านการสร้างการรับรู้ ฟอร์ดทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์หลากหลายกลุ่ม พร้อมทั้งสร้างพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อสร้างเครือข่ายที่เข้าถึงผู้บริโภค และเสริมความภักดีในระยะยาว

ประสบการณ์จริงที่สร้างแฟนแบรนด์

หนึ่งในหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ฟอร์ดคือการทำให้ลูกค้า “สัมผัสประสบการณ์จริง” ของรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นความแกร่งหรือสมรรถนะที่เหนือชั้น

กิจกรรมอย่าง Raptor Track Experience เปิดโอกาสให้ผู้ขับได้ทดลองสมรรถนะรถด้วยตัวเอง ขณะเดียวกัน ฟอร์ดยังลงทุนในกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตทั้งทางเรียบและทางฝุ่น เช่น Thailand Super Series, Thailand Rally Raid รวมถึง Asia Cross Country Rally 2025 ซึ่งฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ สามารถคว้าแชมป์ในรุ่น Production Asia ได้สำเร็จ

สิ่งเหล่านี้ตอกย้ำภาพลักษณ์ของฟอร์ดในฐานะผู้นำรถกระบะสมรรถนะสูง และสร้างความภูมิใจให้กับผู้ที่เลือกใช้แบรนด์

มุมมองอนาคตและบทสรุป

แม้ฟอร์ดจะเป็นที่ยอมรับในตลาดแล้ว แต่บริษัทไม่ได้หยุดอยู่กับที่ ปี 2569 จะเป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญที่เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับตลาดกระบะไทย ด้วยการเปิดตัว เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้ ที่จะเปลี่ยนความคาดหวังของผู้บริโภคไปอย่างสิ้นเชิง

กลยุทธ์ที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เต็มไปด้วยนวัตกรรม เสริมด้วยการสร้างประสบการณ์ที่แท้จริง ทำให้ฟอร์ดยังคงรักษาฐานตลาดในไทยได้อย่างมั่นคง และพร้อมจะขยายความแข็งแกร่งไปสู่อนาคต

Fast Fact: ฟอร์ด ประเทศไทย

  • ดำเนินธุรกิจในไทยมาแล้ว 29 ปี
  • ยอดขายสะสมกว่า 803,352 คัน (ข้อมูลถึง 31 ก.ค. 2568)
  • ฐานการผลิต 2 โรงงานที่ระยอง ส่งออกไปกว่า 100 ประเทศ
  • ผลิตรถได้ทุก 2 นาที 1 คัน ผลิตแล้วกว่า 3.2 ล้านคัน
  • ศูนย์กระจายอะไหล่ใหม่กว่า 40,000 ตร.ม. รองรับอะไหล่ 4.3 ล้านชิ้น
  • สีรถยอดนิยมของฟอร์ด: สีดำ (ข้อมูล 2567-2568)
  • ส่วนแบ่งตลาด: เรนเจอร์ 7.8% และ เอเวอเรสต์ 17.4%
  • ฟอร์ด เอเวอร์เรสต์ ขายดีอันดับ 1 ในจังหวัด ภูเก็ต ส่วน ฟอร์ด เรนเจอร์ แรพเตอร์ ขายดีอันดับหนึ่งในจังหวัด จันทบุรี
  • ลูกค้าหลักอายุ 30–50 ปี อาชีพ: เจ้าของธุรกิจ / พนักงานบริษัท / เกษตรกร
  • จังหวัดที่ขายดีที่สุด: กทม., ชลบุรี, เชียงใหม่, ภูเก็ต, ขอนแก่น
  • เตรียมเปิดตัว Ranger Super Duty ปี 2569 สมรรถนะลากจูงได้ 4.5 ตัน

  •  
  •  
  •  
  •  
  •