ในโลกที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ตลาดน้ำอัดลมที่เคยเฟื่องฟูกลับเริ่มซบเซา แต่ท่ามกลางกระแสนี้เอง ก็มีคลื่นลูกใหม่ที่น่าจับตามอง นั่นคือ “พรีไบโอติกโซดา” (พรีไบโอติกคือใยอาหารที่ร่างกายไม่สามารถย่อยได้ แต่เป็นอาหารให้จุลินทรีย์ดีในลำไส้ใหญ่เจริญเติบโต) ซึ่งได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในช่วงห้าปีที่ผ่านมา โดยมีแบรนด์น้องใหม่ไฟแรงอย่าง Poppi และ Olipop เป็นหัวหอกสำคัญในการขับเคลื่อนตลาด
เรื่องราวของ Poppi เริ่มต้นขึ้นในปี 2018 โดยสองผู้ก่อตั้ง Allison และ Stephen Ellsworth ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากการค้นพบประโยชน์ของน้ำส้มสายชูหมัก (Apple Cider Vinegar) ที่ช่วยให้ Allison ลดน้ำหนัก อาการท้องอืดดีขึ้น และผิวพรรณสดใสขึ้น แต่ด้วยรสชาติที่ไม่ค่อยถูกปาก ทำให้เธอเริ่มคิดค้นสูตรเครื่องดื่มใหม่ๆ ในครัวของตัวเอง

ก่อนที่จะมาโด่งดังในปัจจุบัน Poppi เคยมีชื่อว่า Mother Beverage และเคยปรากฏตัวในรายการเรียลลิตี้ชื่อดัง “Shark Tank” ในปี 2017 (ซึ่งออกอากาศในปี 2018 ในซีซั่น 10) ในตอนนั้นเองที่นักลงทุนชื่อดัง Rohan Oza มองเห็นศักยภาพและตัดสินใจลงทุนใน Mother Beverage เป็นเงิน 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ แลกกับหุ้น 25%
ในช่วงแรก Mother Beverage ขายอยู่ในขวดแก้วดีไซน์เรียบง่าย และวางจำหน่ายตามตลาดเกษตรกรในแถบ Dallas-Fort Worth ก่อนที่จะขยายไปยังร้าน Whole Foods Market และ Albertson ในภูมิภาคเดียวกัน รสชาติที่ได้รับความนิยมในตอนนั้นคือ บลูเบอร์รีเสจ, ไลม์ขิง, ราสเบอร์รีโรส และสับปะรดขมิ้น ภายใน 18 เดือนแรก ธุรกิจของพวกเขามียอดขายรวมประมาณ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ และคาดการณ์ว่าจะทำยอดขายได้ถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปีนั้น
หลังจากการปรากฏตัวใน “Shark Tank” และการเข้ามาลงทุนของ Rohan Oza แบรนด์ Mother Beverage ก็ได้รับการปรับปรุงใหม่ ทั้งในด้านชื่อผลิตภัณฑ์ (“Poppi” ที่ฟังดูสดใสและเข้าถึงง่ายกว่า) และบรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่นด้วยสีสันสดใสสะดุดตา สูตรเครื่องดื่มก็ได้รับการพัฒนาให้มีรสชาติอร่อย ดื่มง่าย และยังคงมีส่วนผสมหลักที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น แอปเปิลไซเดอร์วีนีการ์ พรีไบโอติก และมีน้ำตาลเพียงเล็กน้อย (ไม่เกิน 5 กรัมต่อกระป๋อง)

ความนิยมของ Poppi เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งในปี 2023 มียอดขายต่อปีสูงกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังได้ปรากฏตัวในงาน Super Bowl ถึงสองครั้งติดต่อกัน พร้อมด้วยโฆษณาที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมทางการเงินและความต้องการที่จะเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม การเติบโตอย่างรวดเร็วของ Poppi ก็มาพร้อมกับความท้าทาย เมื่อบริษัทถูกฟ้องร้องแบบกลุ่ม (Class Action Lawsuit) โดยกล่าวหาว่าผลิตภัณฑ์ของพวกเขาไม่ได้มีประโยชน์ต่อสุขภาพตามที่กล่าวอ้างบนบรรจุภัณฑ์ ซึ่งในที่สุด Poppi และโจทก์ได้ตกลงที่จะระงับข้อพิพาทด้วยการจ่ายเงินชดเชย 8.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ถึงแม้จะมีอุปสรรคดังกล่าว แต่ความสำเร็จของ Poppi ก็ยังคงเป็นที่น่าจับตามอง และในที่สุดก็ไปเข้าตากลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่อย่าง PepsiCo ซึ่งกำลังมองหาโอกาสในการขยายพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น PepsiCo ได้ประกาศเมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคม 2025 ว่า พวกเขาได้บรรลุข้อตกลงในการซื้อกิจการ Poppi เป็นมูลค่าเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยคาดการณ์ว่าจะได้รับผลประโยชน์ทางภาษีเป็นเงินสดประมาณ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้มูลค่าการซื้อสุทธิอยู่ที่ 1.65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ PepsiCo อาจต้องจ่ายเงินเพิ่มเติมอีก หาก Poppi สามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้หลังจากการซื้อกิจการเสร็จสิ้น

การเข้าซื้อกิจการ Poppi ในครั้งนี้ ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่สำคัญของ PepsiCo ในการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และเป็นการตอบโต้คู่แข่งอย่าง Coca-Cola ที่เพิ่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์พรีไบโอติกโซดาของตนเองภายใต้แบรนด์ Simply Pop ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า PepsiCo เองก็เคยมีแผนที่จะเปิดตัวเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลภายใต้แบรนด์ Soulboost แต่สุดท้ายก็ยกเลิกไป ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการตัดสินใจที่จะมุ่งเน้นไปที่การเข้าซื้อแบรนด์ที่มีศักยภาพอย่าง Poppi แทน
สำหรับผู้ก่อตั้ง Poppi อย่าง Allison และ Stephen Ellsworth การเดินทางจากธุรกิจเล็กๆ ในตลาดเกษตรกร สู่การถูกบริษัทระดับโลกอย่าง PepsiCo เข้าซื้อกิจการด้วยมูลค่ามหาศาลนั้น เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของพวกเขา และเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวความสำเร็จที่เริ่มต้นจากเวที “Shark Tank” ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ Poppi เตรียมที่จะเข้าสู่บ้านหลังใหม่ภายใต้ชายคาของ PepsiCo ก็เป็นที่น่าติดตามว่าแบรนด์พรีไบโอติกโซดานี้จะเติบโตและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ในตลาดเครื่องดื่มต่อไปอย่างไร