เทศกาลวันแม่ปี 2568 นี้ แบรนด์ร้านอาหารชั้นนำต่างสร้างปรากฏการณ์ใหม่ทางการตลาด ด้วยการเปลี่ยนน้ำจิ้มและซอสธรรมดาให้เป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกความรู้สึกและความผูกพันในครอบครัวได้อย่างน่าทึ่ง ล่าสุด เดอะ พิซซ่า คอมปะนี (The Pizza Company) ก็ไม่ยอมน้อยหน้า สร้างความฮือฮาด้วยการแปลงพฤติกรรมสุดคลาสสิกที่ลูกๆ อาจไม่เข้าใจมนุษย์แม่ อย่าง “การเก็บซอส” เอาไว้เป็นกองพะเนิน สู่การเป็นแคมเปญสุดจี๊ด “เปลี่ยนขุมซอสแม่ เป็นขุมทรัพย์ส่วนลด” ที่ไม่เพียงแต่เข้าถึง Insight ของครอบครัวไทยได้อย่างเฉียบขาด แต่ยังเปลี่ยนพฤติกรรมดังกล่าวให้กลายเป็นแรงจูงใจในการซื้อสินค้าได้อย่างชาญฉลาดอีกด้วย
ในยุคที่แบรนด์ต่างแข่งขันกันสร้างแคมเปญเพื่อดึงดูดใจผู้บริโภค เดอะ พิซซ่า คอมปะนี เลือกเดินหน้าด้วยกลยุทธ์ที่แตกต่าง พร้อมฉลองวันแม่ปีนี้อย่างสร้างสรรค์ ด้วยแคมเปญ “เปลี่ยนขุมซอสแม่ เป็นขุมทรัพย์ส่วนลด” ที่ไม่เพียงแค่สร้างยอดขาย แต่ยังสร้าง Brand Love และความผูกพันทางอารมณ์กับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างน่าประทับใจ
Consumer Insight ที่แม่นยำ จากพฤติกรรม “แม่สายเก็บ”
แคมเปญนี้เริ่มต้นจาก Consumer Insight ที่แม่นยำและเป็นสากล – พฤติกรรมการ “เก็บ” ของคุณแม่ชาวไทย โดยเฉพาะการเก็บซอสและเครื่องปรุงจากการสั่งอาหาร ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เกือบทุกครัวเรือนมีประสบการณ์นี้ สร้างความรู้สึกอบอุ่นและเข้าใจกัน และที่สำคัญคือสามารถแปลงเป็นกิจกรรมการตลาดที่เป็นรูปธรรมได้
จุดแข็งของ Insight นี้อยู่ที่ความสามารถในการเข้าถึงผู้บริโภคข้ามวัย ทั้งแม่และลูกสามารถ relate ได้ในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังสะท้อนวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของคนไทยอย่างแท้จริง สิ่งที่น่าสนใจคือแคมเปญสามารถเปลี่ยน Positive Framing ของพฤติกรรมที่อาจถูกมองว่าเยอะแบบมนุษย์แม่ สู่การกลายเป็น “ความคิวท์น่ารัก” ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
แคมเปญใช้ระบบ Exchange Rate ที่ชัดเจนและเป็นธรรม
ให้ลูกค้าสามารถนำซอสหรือเครื่องปรุงยี่ห้ออะไรก็ได้ในรูปแบบซองที่ยังไม่ได้ใช้งานมาแลกรับคูปองส่วนลดเงินสดเพื่อนำไว้เป็นส่วนลดในการซื้อครั้งถัดไป
- รับส่วนลด 20 บาท เมื่อซอสหรือเครื่องปรุงที่มีน้ำหนักรวม ภายใน 500 กรัมมาแลกรับ
- รับส่วนลด 50 บาท เมื่อนำซอสหรือเครื่องปรุงที่มีน้ำหนักรวม ตั้งแต่ 500 – 999 กรัมมาแลกรับ
- รับส่วนลด 100 บาท เมื่อนำซอสหรือเครื่องปรุงซอสที่มีน้ำหนักรวม ตั้งแต่ 1 กิโลกรัมขึ้นไปมาแลกรับ (และ 1 กิโลกรัมขึ้นไป เฉพาะ 10 คนแรก ยังได้รับของรางวัลพิเศษ ได้แก่ กล่องเขียวเอาไว้เก็บซอส)
วิเคราะห์ความครีเอทีฟทางการตลาด บนข้อได้เปรียบทางกลยุทธ์
ระบบนี้มีข้อดีหลายประการ ทั้งการสร้าง Clear Value Proposition ที่ทำให้ลูกค้าเข้าใจ “แลกได้เท่าไร” ทันที การออกแบบแคมเปญแบบ Inclusive ที่รองรับทั้งกลุ่ม “เก็บน้อย” และ “เก็บมาก” รวมถึงการเพิ่มองค์ประกอบ Gamification ที่สร้างความตื่นเต้นในการรวบรวมซอส และการใช้กลยุทธ์ Scarcity Marketing ผ่านของรางวัลพิเศษที่จำกัดจำนวนเพื่อกระตุ้นความต้องการ
(หมายเหตุ : Scarcity Marketing – การตลาดแบบจำกัด คือ กลยุทธ์ทางการตลาดที่อาศัยหลักการทางจิตวิทยาว่าด้วยความต้องการของมนุษย์ที่มีต่อสิ่งของที่หายาก หรือมีอยู่อย่างจำกัด โดยการจำกัดจำนวนสินค้าหรือบริการ หรือระยะเวลาในการขาย เพื่อกระตุ้นความต้องการและเร่งการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค)
สำหรับ Communication Strategy แคมเปญใช้ Key Message ที่แสดงให้เห็นถึงการสื่อสารที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจผ่านคำว่า “รู้ใจแม่” การแสดงความขอบคุณผ่าน “ขอบคุณแม่” และการเฉลิมฉลองในวันแม่ที่สร้างความหมายพิเศษให้กับแคมเปญ
วิเคราะห์เชิงสร้างผลกำไรทางธุรกิจ Business Impact Analysis
นอกเหนือจากความคิดสร้างสรรค์ของแคมเปญสุดเจ๋งนี้แล้ว ส่งผลอะไรต่อการสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจหรือไม่ เรามองว่าแคมเปญนี้ สามารถสร้างประโยชน์ได้หลายมิติ
ในระยะสั้นผ่านการ Traffic Generation ที่บังคับให้ลูกค้าต้องมาที่ร้านเพื่อแลกส่วนลด ส่วนลดที่ได้รับกระตุ้นการ Purchase Conversion และการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่แท้จริงผ่านการมีส่วนร่วมของลูกค้า ขณะที่ระยะยาวแคมเปญสร้าง Brand Love ผ่านความรู้สึกดีต่อแบรนด์ สร้าง Word-of-mouth จากโมเมนต์น่ารักที่คุ้มค่าแชร์ และสำคัญที่สุดคือการสร้าง Brand Differentiation ที่แตกต่างจากคู่แข่งด้วย Emotional Connection ที่แท้จริง
นอกจากนี้ การเลือกช่วง Timing Strategy ใน “วันแม่” (11-12 สิงหาคม) เป็นการใช้ประโยชน์จาก Cultural Moment สร้างความหมายพิเศษให้กับแคมเปญ และเพิ่ม Share-ability ของเนื้อหาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ขณะที่ในมุมของ Operational Excellence แคมเปญแสดงให้เห็นถึงการ Execute ที่กว้างผ่าน 200 สาขาที่ร่วมรายการ ระบบการแลกที่ชัดเจนและปฏิบัติได้จริง รวมถึง Staff Training ที่รองรับการรับซอสและชั่งน้ำหนักอย่างมืออาชีพ
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือการสร้าง Community Building ผ่าน Shared Experience ที่ทำให้ครอบครัวมารวมตัวกันที่ร้าน แม่และลูกมี Bonding Moment และร่วมกันสร้างเรื่องราวที่น่าจดจำไปตลอดชีวิต #เดอะพิซซ่ารับจบทุกซอส
Main takeaway สำหรับนักการตลาด
แคมเปญนี้เป็นบทสะท้อนที่แสดงให้เห็นว่า Consumer Insight ที่ดีไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แต่ต้องมีความเป็นสากลและสามารถสร้างอารมณ์ร่วมได้ต่อกลุ่มเป้าหมายได้ (Emotionally Relevant) เพราะความสำคัญของ Creative Translation คือการแปลง Insight เป็น Action ที่เป็นรูปธรรมและเป็น Win-Win สำหรับทั้งแบรนด์และผู้บริโภค
นอกจากนี้ยังมีมุมของ Cultural Sensitivity ที่แสดงถึงความเข้าใจวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้ง และสุดท้าย Operational Readiness ที่เตือนให้นักการตลาดจำไว้ว่าแคมเปญที่ดีต้องมาพร้อมกับ Execution ที่รัดกุมทั้งระบบและคน
บทสรุป: เมื่อการตลาดกลายเป็นศิลปะแห่งความเข้าใจ
แคมเปญ “เปลี่ยนขุมซอสแม่ เป็นขุมทรัพย์ส่วนลด” เป็นตัวอย่างที่ดีของการทำ Insight-driven Marketing ที่ไม่เพียงแค่ขายสินค้า แต่ยังสร้างความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค ความสำเร็จของแคมเปญนี้ไม่ได้อยู่ที่การขายพิซซ่า แต่อยู่ที่การเฉลิมฉลอง ‘ความเป็นแม่’ และการยอมรับพฤติกรรมที่เป็นธรรมชาติของผู้หญิงไทย จนทำให้ “ของเก็บ” กลายเป็น “ของรางวัล” ได้อย่างสวยงาม
นี่คือเหตุผลที่แคมเปญนี้ไม่ใช่แค่ Promotion หรือ Seasoning Campaign เท่านั้น แต่เป็น Brand Love Campaign ที่แท้จริง เพราะทำให้คนรู้สึกว่า แบรนด์เข้าใจเขา มากกว่าแค่ต้องการขายของให้เขา