เข้าสู่โค้งสุดท้ายของปี 2025 ก่อนที่จะก้าวสู่ปี 2026 ปฏิเสธไม่ได้ว่าปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีที่เป็นบททดสอบครั้งสำคัญท่ามกลาง “ยุคแห่งความไม่แน่นอน” (The Era of Uncertainty) ที่เต็มไปด้วยความท้าทายทั้งระดับโลกและในประเทศ
แต่ท่ามกลางคลื่นแห่งความผันผวนและการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็ว ภาคธุรกิจในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม และหลายแบรนด์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถสร้างการเติบโตสวนกระแสได้อย่างน่าทึ่ง! ดังที่สะท้อนได้จาก Playlist ของรายการซีรีส์ Executive Playbook ทั้ง 8 ตอน ที่เราได้คัดสรรกลุ่มธุรกิจและแบรนด์ที่สามารถพิชิตความท้าทายรอบด้าน นำไปสู่การเติบโตที่แข็งแกร่ง และทั้ง 8 กลุ่มธุรกิจนี้ จะยังคงเป็น “Sunrise Industry” ที่ยังคงร้องแรงต่อเนื่องในปี 2026
เราจึงได้รวบรวมเทรนด์สำคัญแห่งปี 2026 ของ 8 กลุ่มอุตสาหกรรมมาไว้ตอนพิเศษ “Executive Playbook EP.9” ซีรีส์กลยุทธ์จากปากผู้เล่นตัวจริง เตรียมพร้อมรับมือกับเทรนด์ที่เปลี่ยนเร็ว!
“ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง” โตพุ่งรับ Demand & Supply

ยังคงมาแรงข้ามปีสำหรับตลาดสัตว์เลี้ยงที่มี Category ใหญ่อย่าง “อาหารสัตว์เลี้ยง” (Pet Food) โดยเฉพาะกลุ่มอาหารน้องหมา, น้องแมว เติบโตรับการเพิ่มขึ้นทั้งในฝั่ง Supply แบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง และฝั่ง Demand จากเหล่า Pet Parent
คุณเมอร์ซ-จารุวัฒน์ เลาหวิศิษฏ์ กรรมการบริหาร บริษัท เพ็ท โพรเทคท์ ฟู้ด จำกัด และบริษัท เพ็ท โพรเทคท์ จำกัด ได้สรุปเทรนด์ตลาด “Pet Industry” ในปี 2026 ยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น เนื่องจากผู้คนมีลูกน้อยลง และหันมาเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมากขึ้น ทำให้ประชากรสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันในฝั่งแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงมีผู้เล่นมากขึ้นเข้าสู่ตลาดนี้ เพราะนับตั้งแต่ช่วงโควิดเป็นต้นมา ตลาดสัตว์เลี้ยงเป็นหนึ่งในตลาดที่มีอัตราการเติบโตแบบ Double digit growth ถือเป็น Sunrise Industry ทำให้เกิดผู้เล่นจำนวนมาก ซึ่งช่วยผลักดันให้ตลาดรวมโตขึ้น
สำหรับแบรนด์ “Kaniva” (คานิว่า) ถือเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงดาวรุ่งที่สามารถทำยอดขายได้กว่า 1 พันล้านบาทภายในระยะเวลาเพียง 5 ปี หนึ่งในจิ๊กซอว์สำคัญที่เป็นเบื้องหลังความสำเร็จ คือ การปรับใช้โซลูชันเพื่อธุรกิจของ LINE เพื่อนำพาแบรนด์เข้าไปอยู่ใน Customer Journey ของเหล่า Pet Parent
โดยมองว่านับตั้งแต่มี LINE ได้เปลี่ยนการสื่อสารของโลกยุคนี้ และเป็นช่องทางการสื่อสารหลักของคนไทยในทุกวันนี้ แบรนด์ Kaniva จึงเลือก Broadcast สินค้า โปรโมชัน รวมทั้งแคมเปญต่างๆ ผ่าน LINE ซึ่งมีฟีเจอร์ที่ใช้งานง่าย และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จับทิศการลงทุน “หุ้นไทย – หุ้นเทศ”

คุณชลเดช เขมะรัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์ วีบูลล์ (ประเทศไทย) จํากัด ฉายภาพทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ และหุ้นไทย โดยยกตัวอย่างถึงตลาดหุ้นอเมริกา เนื่องจากเป็นแหล่งรวมหุ้นระดับโลก และไม่ว่าเศรษฐกิจอเมริกาจะเป็นเช่นไร ไม่ได้หมายความว่าหุ้นอเมริกาจะไม่ดี เพราะหุ้นแต่ละตัวมีรายได้จากทั่วโลก
ขณะที่หุ้นไทย แม้ในช่วง 10 ปีมานี้ ราคาหุ้นไทยผันผวน แต่ราคาที่ลงมา เปิดโอกาสให้คนสะสมหุ้น หรืออยากเก็บเงินปันผล ดังนั้นเป็นโอกาสในการเลือกซื้อหุ้นไทยรายตัว หรือรายกลุ่มที่ให้เงินปันผลที่เหมาะสม
เพื่อตอบรับแนวโน้มการลงทุนของคนไทย “Webull” แพลตฟอร์มการลงทุนจากอเมริกา ได้เข้ามาทำตลาดในไทย ภายใต้การจดทะเบียนในนามบริษัทหลักทรัพย์ วีบูลล์ (ประเทศไทย) จํากัด พร้อมทั้งใช้โซลูชันจาก LINE หลายเครื่องมือ อาทิ LINE Ads ลงโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้าง Brand Visibility ให้คนไทยรู้จัก Webull มากขึ้น
รวมทั้งยังเข้าถึงกลุ่มผู้ที่สนใจด้านการลงทุนโดยตรง ด้วย LINE OpenChat และ takeover “Tab Wealth” ใน LINE Today Wealth ซึ่งเป็นแหล่งรวมข้อมูลข่าวสารความรู้ด้านการเงินการลงทุน โดยมองว่ายิ่งทำให้ผู้คนเห็นแบรนด์ Webull มากขึ้นเท่าไร จะยิ่งเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับคนไทยมากขึ้น
“ตลาดร้านอาหาร 2026” ร้อนแรงข้ามปี! เจ้าเก่า – เจ้าใหม่เปิดศึกชิงใจลูกค้า

ปี 2025 เป็นปีที่ “ธุรกิจร้านอาหาร” แข่งขันกันดุเดือด อีกทั้งยังเผชิญบททดสอบใหญ่ นั่นคือ ภาวะเศรษฐกิจที่ฉุดรั้งกำลังซื้อของผู้บริโภค ขณะที่ภาพรวมในปี 2026 ยังคงเต็มไปด้วยสีสัน และความเคลื่อนไหวที่น่าจับตา ทั้งจากผู้เล่นรายเดิม และรายใหม่
คุณทานตะวัน ธีระโกเมน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มองว่าธุรกิจร้านอาหารในปีหน้า ยังคงคึกคัก มีสีสัน และมีเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ทั้งจากผู้เล่นเก่าที่ต้องปรับตัว และผู้เล่นใหม่ที่ทยอยเข้ามาในตลาดนี้มากขึ้น อย่างไรก็ตามหากจะเห็นการเติบโตมากกว่านี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาช่วยผลักดันให้ธุรกิจร้านอาหารในไทยก้าวข้ามออกจากสภาวะปัจจุบัน
ตลอดระยะเวลากว่า 39 ปี “MK Restaurants” เชนร้านอาหารที่อยู่คู่คนไทยมายาวนาน ไม่เคยหยุดนิ่งในการปรับตัว ไม่ว่าจะด้านสินค้า-บริการ, การขยายสาขา รวมไปถึงการนำเทคโนโลยี และเครื่องมือการตลาดยุคใหม่มาปรับใช้ อย่างการใช้โซลูชันของ LINE ทำการตลาด การสื่อสาร และให้บริการลูกค้า เนื่องจากมองว่าเป็นแพลตฟอร์มที่คนไทยใช้มากที่สุด และอยู่ในชีวิตประจำวันคนไทยอยู่แล้ว
เช่น เปิด LINE Official Account “MK Restaurants” เป็นช่องทางการตลาด สื่อสาร และให้บริการกับลูกค้าโดยตรง บริเวณแถบ Rich Menu มีฟีเจอร์ “จองคิว/โต๊ะผ่าน” ด้วย interface ของ LINE ที่คนไทยคุ้นเคยอยู่แล้ว จึงใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน และตอบโจทย์ความสะดวก-ความรวดเร็วให้กับลูกค้า
ความท้าทายใหญ่ค้าปลีก “Home Improvement” แข่งเดือด – ผู้บริโภครัดเข็มขัด

การเติบโตของตลาดค้าปลีก “Home Improvement” ในปี 2025 รองรับไลฟ์สไตล์ของบริโภคที่ให้ความสำคัญกับดูแลที่อยู่อาศัยมากขึ้น รวมทั้ง Demand จากการซื้อบ้าน และคอนโดมิเนียม ยังคงต่อเนื่องมาถึงปี 2026
คุณอุไรวรรณ ตันติพิริยะกิจ ผู้อำนวยการกลุ่มปฏิบัติการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เล่าเทรนด์ธุรกิจค้าปลีก Home Improvement ในปีหน้าว่าภาพรวมตลาดยังคงมีศักยภาพเติบโต แรงขับเคลื่อนมาจากทั้งความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ และการตกแต่ง ต่อเติม หรือปรับปรุงบ้านเดิม รวมถึงการลงทุนก่อสร้างในจังหวัดที่กำลังขยายตัว
อย่างไรก็ตามธุรกิจค้าปลีก Home Improvement ยังต้องเจอความท้าทาย 2 เรื่องหลัก คือ การแข่งขันสูงขึ้น และพฤติกรรมผู้บริโภคที่พิจารณาการใช้จ่ายมากขึ้น ดังนั้นการนำเสนอสินค้าและบริการให้กับลูกค้า ต้องตอบโจทย์ “ความคุ้มค่า” (Value for money) ซึ่งทิศทางของ HomePro ในปี 2026 ยังคงเดินหน้าพัฒนาคุณภาพ และทำให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้า-บริการได้ง่ายขึ้น
เพื่อนำเสนอความคุ้มค่า คุณภาพ และเชื่อมต่อกับลูกค้าได้มากขึ้น “HomePro” ได้ใช้โซลูชันเพื่อธุรกิจของ LINE อย่างการเปิด LINE Official Account ที่ไม่ใช่เป็นเพียงช่องทางการสื่อสารเท่านั้น แต่ยังเป็นอีกช่องทางหลักในการให้คำแนะนำสินค้า-บริการ รวมทั้งเป็นผู้ช่วยช้อปแก่ลูกค้าโดยตรง และยังเชื่อมต่อเข้ากับระบบสมาชิก Home Card ทำให้ HomePro สามารถดูแลลูกค้าได้แบบ Personalization เช่น นำเสนอคูปองส่วนลด, โปรโมชั่น, แคมเปญการสื่อสารให้กับลูกค้า
“Data-driven” อาวุธลับตลาดสกินแคร์ เข้าใจทุกอินไซต์ – แก้ Pain Point ผู้บริโภคตรงจุด

เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่แข่งขันสูง และมีแนวโน้มเติบโตทุกปี สำหรับ “ตลาดสกินแคร์” ปัจจุบันถือได้ว่าเป็นตลาดที่ Fragmentation ก็ว่าได้ เนื่องจากเทรนด์การบำรุงดูแลผิวที่ซับซ้อนขึ้น และความต้องการที่หลากหลาย ดังนั้นเพื่อเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค และตอบโจทย์ Pain Point ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด ทิศทางของตลาดสกินแคร์จะมีนำ “Data” มาต่อยอดในการคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์
เภสัชกรหญิงวราพร ลิขิตจรรยากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ ประเทศไทย ฉายภาพคำว่า Data is a new currency เป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริง เนื่องจากการเทรนด์การดูแลผิวและการใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่ซับซ้อนขึ้น เพื่อตอบโจทย์ปัญหาเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ดังนั้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์สกินแคร์ในอนาคต จะต้องใช้ Data ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค
หนึ่งในช่องทางที่ “Eucerin” นำ Data ไปต่อยอดในการทำความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคแต่ละเซ็กเมนต์ได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ คือ LINE เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มที่มี Penetration สูง ด้วยจำนวนผู้ใช้งานในไทยกว่า 56 ล้านคน และมีเครื่องมือที่สามารถตอบโจทย์ทุกกระบวนการธุรกิจได้แบบ Full-funnel Marketing ตั้งแต่สร้าง Brand/Product Awareness – Consideration – Conversion
เทรนด์ “ประกันสุขภาพ” กับ 3 ปัจจัยดัน “เบี้ยประกัน” ปรับสูงขึ้น

“ประกันสุขภาพ” หนึ่งในประกันที่ทุกคนมองหา และหลายคนมีไว้เพื่ออุ่นใจ ยิ่งทุกวันนี้โรคภัยไข้เจ็บพัฒนาไปไกล เช่นเดียวกับค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้น แต่สิ่งสำคัญก่อนตัดสินใจทำประกันสุขภาพ ต้องศึกษาและพิจารณา “ค่าเบี้ยประกัน” อย่างละเอียด เนื่องจากต่อไปมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น
คุณพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารงานลูกค้าและความยั่งยืน บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) อธิบายถึง 3 ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อค่าเบี้ยประกันสุขภาพปรับตัวขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้ทำประกันไม่อาจจ่ายค่าเบี้ยเท่าเดิมทุกๆ ปีได้แล้ว ได้แก่ 1. อัตราการเคลมสูงขึ้นทุกปี, 2. เงินเฟ้อสูงขึ้น, 3. ค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้น ดังนั้นก่อนตัดสินใจทำประกันสุขภาพ ต้องมองไปข้างหน้า เช่น 2-3 ปีข้างหน้า หากเบี้ยประกันปรับขึ้น เราจะยังไหวไหม
แต่เหนือสิ่งอื่นใด แม้การมีประกันสุขภาพจะเป็นเกราะป้องกันด้านค่ารักษาพยาบาล ทว่าหัวใจสำคัญคือ การดูแลสุขภาพตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ส่วนประกันมีไว้เพื่อรองรับในกรณีเกิดเหตุสุดวิสัย
สำหรับ “อลิอันซ์ อยุธยา” (Allianz Ayudhya) ได้สร้าง Digital Touchpoint ด้วยการพัฒนาแอปพลิเคชันของตนเองอย่าง My Allianz, My Health และ Healthy Living แต่ในความเป็นจริงลูกค้าอาจไม่สะดวกดาวน์โหลดทุกแอปฯ ดังนั้น อลิอันซ์ อยุธยาจึงได้ใช้ LINE เชื่อมต่อบริการทั้งหมด เพราะผู้บริโภคไทยคุ้นเคยกับการใช้งาน LINE และเพื่อทำให้ลูกค้าเข้าถึงทุกบริการได้ครบจบในที่เดียวผ่าน LINE
3 จุดเปลี่ยน “อุตสาหกรรมยานยนต์” เทคโนโลยี – พฤติกรรมผู้บริโภค – พลังงานทางเลือก

แม้ “อุตสาหกรรมยานยนต์” ต้องเผชิญสถานการณ์เศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ชะลอตัว แต่เมื่อมองลึกลงไป ยังคงมีปัจจัยขับเคลื่อนใหม่ๆ ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงและโอกาสการเติบโตให้กับตลาดนี้
คุณเมธัส ลิขิตสัจจากุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ฟอร์ด ประเทศไทย ฉายภาพเทรนด์ตลาดรถยนต์ ปี 2026 จะเห็นการเปลี่ยนแปลงจาก 3 ปัจจัยหลักคือ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ, พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และพลังงานทางเลือก ซึ่งฟอร์ด (Ford) ได้ทำการศึกษา เพื่อทำความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคไทย พร้อมปรับตัวทั้ง Ecosystem เพื่อสร้างการเติบโตไปด้วยกันทั้งอุตสาหกรรม
อย่างการใช้เทคโนโลยี และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทาง “ฟอร์ด” (Ford) ใช้ LINE Official Account เชื่อมความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ทุก Stage ของ Customer Journey ตั้งแต่ขั้นเริ่มหาข้อมูล (Researcher) จากนั้นเข้าสู่ขั้นเริ่มมีความสนใจ (Intender) และตัดสินใจจอง หรือนัดทดลองขับ (Ready to buy)
ผลลัพธ์จากการใช้ LINE Official Account ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025 สามารถเปลี่ยนผู้บริโภคที่เข้ามาดูข้อมูลครั้งแรก ให้กลายเป็นกลุ่ม Ready to buy ได้มากกว่า 10% และเปลี่ยนจากกลุ่ม Ready to buy ไปสู่ Conversion ทดลองขับรถและติดต่อดีลเลอร์ได้มากกว่า 20%
นอกจากนี้การใช้โซลูชันเพื่อธุรกิจของ LINE ช่วยให้ฟอร์ดทำการตลาดและสื่อสารกับลูกค้าแต่ละเซ็กเมนต์ได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น และช่วยลดระยะเวลา (Lead Time) จากขั้นสนใจไปสู่การขายจริงให้สั้นลง และได้คุณภาพของ Lead ที่ส่งต่อให้ดีลเลอร์ปิดการขายได้มากขึ้น
AI พลิกเกมธุรกิจท่องเที่ยว – โรงแรม สร้างประสบการณ์ลูกค้าแบบเฉพาะตัว

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ถือเป็น Growth Engine หลักของเศรษฐกิจไทย และมีระบบนิเวศครอบคลุมหลายภาคส่วน หนึ่งใน sector ใหญ่คือ “ธุรกิจโรงแรมที่พัก” ซึ่งไทยมีความโดดเด่นในด้าน Hospitality และมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้บริการลูกค้า
คุณศราวุธ ตันติโชติ Senior Director of e-Commerce & Digital Advertising และ คุณอัญชิสา สุวรรณกุล Assistant Director of e-Commerce & Digital Advertising, Minor Hotels ประเทศไทย เล่ามุมมองทั้งในฐานะคนทำงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว-โรงแรม และในฐานะนักท่องเที่ยวว่า ต่อไปจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน นั่นคือ เทรนด์ Mass จะน้อยลง ในขณะที่ความต้องการด้านการท่องเที่ยวของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมที่พัก การใช้บริการร้านอาหาร รวมถึงบริการอื่นๆ ผู้บริโภคต้องการประสบการณ์ที่ตรงใจ ประกอบกับทุกวันนี้มีเทคโนโลยี “AI” มาช่วยในการวางแผนการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นทิศทางของธุรกิจท่องเที่ยว-โรงแรมที่พัก ต้อง “ฟังเสียงลูกค้า” มากขึ้น เพื่อนำเสนอให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง
พร้อมยกตัวอย่างการใช้โซลูชันของ LINE เพื่อสร้างประสบการณ์แบบ Data-driven Hospitality โดยเชื่อมต่อระบบหลังบ้านของโรงแรม เข้ากับข้อมูลหลังบ้านของ LINE ทำให้ “Minor Hotels” รู้จักลูกค้า และเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เพื่อช่วยในการรักษากลุ่มลูกค้าเก่า ให้กลับมาพักซ้ำ (Returning Guest Rate)
ทั้งหมดนี้คือเทรนด์สำคัญของ 8 กลุ่มธุรกิจที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2026 และมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย การค้า การลงทุน และกำลังซื้อของผู้บริโภค รวมทั้งแนวทางของแต่ละแบรนด์นำโซลูชันเพื่อธุรกิจของ LINE ไปปรับใช้ เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ทั้งในด้านธุรกิจ และการสร้างประสบการณ์ลูกค้า






