ฝ่าสมรภูมิธุรกิจในยุคดิจิทัล ด้วย Marketing Tools ให้ถึงเป้าหมาย มองผ่านวิชั่น ‘ซีอีโอ PRIMO’ สตาร์ทอัพ Omnichannel Marketing Technology กับการใช้เครื่องมือสร้างประสิทธิภาพด้านการสานสัมพันธ์กับลูกค้า

  • 26
  •  
  •  
  •  
  •  

 

ในธุรกิจยุคดิจิทัลปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น เพื่อช่วยทำให้ธุรกิจเกิดความคล่องตัวและความสะดวกสบายในการทำงานมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็สร้างการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดสูงมากเช่นเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันมีผู้เล่นมากมายที่โดดเข้ามาเล่นในธุรกิจในยุคดิจิทัลมากขึ้น แน่นอนว่ารายใหญ่จะต้องไม่พลาด แต่ในขณะเดียวกันรายเล็กก็ใช้ความได้เปรียบเรื่องความคล่องตัวมากกว่าในการสร้างการเติบโตให้กับตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นเล็ก กลาง ใหญ่ ต่างก็พบปัญหาอย่างเดียวกันก็คือ การเปลี่ยนแปลงของตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งทางออกที่คนส่วนใหญ่มองคือการแก้ปัญหาด้วยการโฆษณา พร้อมกับการอัดเม็ดเงินจำนวนมากเพื่อหวังให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย แต่ทว่าผลตอบรับกลับไม่ได้ดังที่คาด โฆษณาที่ทุ่มไปไม่คุ้มค่ากับการลงทุน และถ้าเช่นนั้นธุรกิจควรจะต้องปรับตัวรับมืออย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ เราชวนมาฟังกลยุทธ์ชัดๆ จาก คุณวีร์ สิรสุนทร CEO บริษัท พรีโมเวิร์ล จำกัด บริษัทสตาร์ทอัพชั้นนำและเป็นผู้นำด้านธุรกิจ Omnichannel Marketing Platform ที่จะมาพร้อมคำแนะนำในการใช้เครื่องมือทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่ากับการลงทุน ตอบโจทย์กับธุรกิจในยุคดิจิทัล

 

 

3 ปัจจัยสำคัญ ที่ธุรกิจที่หันมาทำออนไลน์พึงระวัง

คุณวีร์ กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีปัจจัยส่งผลต่อภาพรวมธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบันว่า หลักๆ มี 3 ประเด็นใหญ่ที่น่าสนใจ อย่างแรกคือสภาวะเศรษฐกิจอาจจะยังไม่ค่อยดีนัก ด้วยค่าครองชีพที่ค่อนข้างสูง ผู้บริโภคจึงระมัดระวังในเรื่องการจับจ่ายอยู่พอสมควร สองคือ จะเห็นว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่พูดกันค่อนข้างเยอะมากกว่า ช่วงนี้ค่าโฆษณาออนไลน์แพงขึ้น ทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์ โซเชียลมีเดีย หรือมาร์เก็ตเพลส มีการปรับขึ้นราคาค่าโฆษณาประมาณ 40-50% และอย่างที่สามคือ เรื่องของประสิทธิภาพของการโฆษณาที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ดังนั้น ทั้งภาพรวมของการที่ค่าโฆษณาแพงขึ้นก็ดีและประสิทธิภาพการยิงโฆษณาลดลง ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากการที่ผู้บริโภคมีข้อกังวลเรื่องของการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) ที่ค่อนข้างมีความระวังมากขึ้น ซึ่งตัวแพลตฟอร์มเองก็ตอบรับเรื่องนี้ จึงทำให้การโฆษณาแบบเดิมๆ มันไม่มีประสิทธิภาพอีกต่อไป ดังนั้นสิ่งที่จะปรับตัวและให้ความสำคัญกันอย่างมากๆ เลย ในปัจจุบันคือ ผู้ประกอบการต้องพยายามสร้างฐานลูกค้าของตัวเอง เข้าใจความคาดหวังของลูกค้า พฤติกรรมต่างๆ ด้วยตัวของเขาเอง

 

 

PRIMO ผู้นำ Omnichannel Marketing Technology ครบถ้วน ตอบโจทย์ ธุรกิจในยุคดิจิทัล

จากเทรนด์ทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป คุณวีร์ จึงได้ก่อตั้ง PRIMO ขึ้นมาจากการเล็งเห็นแล้วว่าเทคโนโลยีจะต้องเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงการทำธุรกิจในยุคดิจิทัลจากนี้เป็นต้นไป พร้อมกับเผยให้ฟังถึงระบบการทำงานที่ทันสมัยและตอบโจทย์กับธุรกิจ คุณวีร์กล่าวว่า PRIMO เป็น Omnichannel Marketing Platformซึ่งหนึ่งในโซลูชั่นที่สำคัญของเราเลยก็คือ Omnichannel Loyalty Platform ประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักใหญ่ ดังนี้ “

 

 

ส่วนที่ 1 ส่วนของฐานข้อมูลลูกค้า เป็นระบบสมาชิก ระบบคะแนน ซึ่งแพลตฟอร์มของ PRIMO รองรับความซับซ้อนและมีความสามารถเยอะมาก เช่น ระบบสมาชิกสามารถแบ่งแยกระดับลูกค้า Tier Member โดยระบบสมาชิกสามารถมี Multi-Brand อยู่ในตัวได้ รองรับทั้งหมด หรือเรื่องของระบบสกุลคะแนน แพลตฟอร์ม PRIMO ก็สามารถทำได้ถึงขนาดที่ว่า เปิดสกุลคะแนนนี้มาใช้แค่ 3 เดือน เมื่อหมดแคมเปญก็สามารถปิดสกุลคะแนนนี้ไปได้เลย หรือเราอาจจะสร้างหลายสกุลคะแนนขึ้นมาที่เฉพาะเจาะจงกับผลิตภัณฑ์บางอย่างที่เราเพิ่งเปิดตัวใหม่ก็ได้ และเมื่อจบแคมเปญก็ปิดไป แบบนี้ก็สามารถทำได้

 

 

ส่วนที่ 2 ส่วนของแคมเปญ จะมีหลายเครื่องมือด้วยกันหนึ่งในนั้นก็คือ Customer Data Platform (CDP) ซึ่งตัวนี้เอาไว้สำหรับรวบรวมข้อมูล ทั้งจากที่มาจาก PRIMO เอง หรือไปเชื่อมต่อจากแหล่งอื่นๆ เข้ามารวมฐานข้อมูลไว้ในที่เดียวกันก็ได้ เมื่อรวบรวมได้แล้วเราก็จะนำมาจัดแบ่งกลุ่มลูกค้าแล้วนำไปทำแคมเปญต่อนั่นเอง ซึ่งแคมเปญก็จะมีหลากหลายรูปแบบมาก ไม่ว่าจะเป็นการแจกสิทธิพิเศษ หรือเป็นคูปองการแลกแต้มแลกคะแนนเพื่อให้ได้สิทธิพิเศษนั้นๆ เป็นต้น

 

 

ส่วนที่ 3 จุด Touchpoint ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสร้างแอปพลิเคชั่น การเชื่อมต่อกับ LINE Official Account การส่ง SMS หรือส่ง Email ฯลฯ โดยที่ทุกจุด Touchpoint จะเป็น Omnichannel ที่สามารถเชื่อมโยงไปยังระบบ Offline ที่เป็นหน้าร้านได้ PRIMO ก็จะมีหน้าจอไว้สำหรับให้พนักงานที่สาขาได้เข้าใจข้อมูลของลูกค้า รู้จักลูกค้าแม้กระทั่งว่าเคยช้อปปิ้งออนไลน์มาก่อน เพื่อให้สามารถนำไปแนะนำลูกค้าได้ด้วย โดยที่ทุกอย่างจะเชื่อมโยงกันหมดอย่างไร้รอยต่อ

 

 

ฟีเจอร์ใหม่ ‘Mission Campaign’ กับการตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย

นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ใหม่ ที่เรียกว่า ‘Mission Campaign’ ซึ่งไม่ใช่แค่เอาไว้คอยดูแลลูกค้าเท่านั้น แต่ยังชักชวนให้ลูกค้าได้ทำอะไรบางอย่าง เช่น ซื้อของเราเยอะขึ้น มีปฏิสัมพันธ์กับเราบ่อยขึ้น เป็นต้น

“สิ่งหนึ่งที่ตอนนี้มันไปได้ยิ่งกว่านั้นแล้วก็คือเราใช้ Loyalty Platform ในการที่จะมาขับเคลื่อนธุรกิจ ซึ่งตรงนี้ PRIMO ได้มีการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ขึ้นมา ซึ่งก็คือในส่วนของแคมเปญที่เรียกว่า ‘Mission Campaign’ ในส่วนนี้เองมันจะไม่ใช่แค่จะตอบแทนลูกค้าแล้ว แต่เราจะชักชวนให้ลูกค้าทำอะไรบางอย่างกับเราเยอะขึ้น

 

 

ยกตัวอย่าง กลุ่มลูกค้าที่รักแบรนด์เรามากๆ เป็นกลุ่ม Customer Loyalty ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่เราอยากจะส่งมิสชั่นไปให้ เพราะว่าถ้าเขารักแบรนด์เรามากเขาก็น่าจะเป็นปากเป็นเสียงให้กับแบรนด์เราได้ ดังนั้น ภารกิจที่เราจะให้’เฉพาะคนกลุ่มนี้’ก็คือ หากว่าเขา’ชักชวนเพื่อน’มาเป็นสมาชิกกับเราเขาก็มีสิทธิ์ที่จะ’ได้รับของสมนาคุณ’จากเราไป อาจจะเป็นหมอนพิเศษส่งให้ถึงบ้านก็ได้

“ดังนั้น มันกลายเป็นว่าจาก Loyalty Program แบบเดิมๆ ที่มีเอาไว้สำหรับเพียงแค่การตอบแทนหรือสร้างสมนาคุณให้ลูกค้า แต่สำหรับเรามันไปมากกว่านั้นแล้ว ด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ ด้วยความสามารถใหม่ๆ ของ ‘Mission Campaign’ โดย PRIMO จึงกลายเป็นทูลส์สำคัญในการสร้างธุรกิจ สร้างยอดขายเพิ่มเติมขึ้นได้จริงๆ”

 

 

ผลสำเร็จของการใช้งานฟีเจอร์ Mission Campaign

คุณวีร์ยังได้ยกตัวอย่างการทำงานร่วมกับแบรนด์ซึ่งเลือกใช้ฟีเจอร์ Mission Campaign จนประสบความสำเร็จ ว่า ลูกค้า PRIMO รายหนึ่งซึ่งนำเข้าแบรนด์จากต่างประเทศมาหลายแบรนด์มาก ซึ่งล่าสุดก็มีนำเข้าแบรนด์ใหม่มาและมีเป้าหมายที่จะดึงลูกค้าเข้ามาซื้อแบรนด์ใหม่ให้ได้ สิ่งที่ PRIMO ทำให้กับลูกค้าก็คือ กลับไปดูว่าคนกลุ่มไหนที่มีพฤติกรรมในการซื้อแบรนด์ที่ใกล้เคียงกันและมีแพทเทิร์นของการซื้อแบบเดียวกับแบรนด์นี้ แล้วเราก็สร้าง Mission ส่งไปเพื่อชักชวนให้เขาซื้อแบรนด์ใหม่ โดย ชาเลนจ์ว่าถ้าเขาซื้อถึงเท่านี้ก็จะได้ของสมนาคุณพิเศษกลับไป ซึ่งถ้าทำ Mission แบบเดิมก็คือการจูงใจลูกค้าทั้งหมดที่เรามีเลย แต่แบบใหม่เราทำการสื่อสารตรงไปยังกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มที่จะสนใจแบรนด์ของเรามากที่สุด ซึ่งวิธีการนี้เหมาะมากถ้าเรามีหลายๆ แบรนด์ในพอร์ต เพราะมันทำให้เกิดความคุ้มค่ามากกว่า เมื่อทำลักษณะนี้แล้วปรากฏว่าผลตอบรับที่ได้หรือเปอร์เซนต์ของ Success Rate มันก็สูงขึ้นกว่าที่เคยทำมาก่อน ทำให้ลูกค้าค่อนข้างแฮปปี้

 

ก้าวต่อไปที่ท้าทายของ PRIMO กับการเพิ่มศักยภาพของธุรกิจในยุคดิจิทัล

สำหรับก้าวต่อไปในอนาคตของ PRIMO  คุณวีร์ ระบุว่า คือการผลักดันในการสร้างสรรค์ทำให้เทคโนโลยีล้ำสมัยมากยิ่งขึ้นด้วยการเพิ่มความสามารถในหลายๆ เรื่องตอบโจทย์การทำธุรกิจแห่งอนาคต เช่น เราอยากจะสร้างระบบที่ใส่ความอัจฉริยะลงไปเลยเป็น Build-In Intelligence ในระบบ ซึ่งระบบนี้ทำงานเหมือนกับการที่บิวด์อิน Data Scientist ทิ้งเอาไว้ให้เลย เพราะตลาดแรงงานในกลุ่มนี้ค่อนข้างหายาก ดังนั้น ถ้าเรามีระบบที่ช่วยให้นักการตลาดทำงานได้อย่างรวดเร็วขึ้น

อีกเรื่องที่จะไปต่อก็คือ การเพิ่มความสามารถของ Marketing Automation ซึ่งปัจจุบันเราก็มีอยู่หลายตัวที่ใช้งานอยู่ แต่เราจะพัฒนาขีดความสามารถตรงจุดนี้ให้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น เช่น ถ้าลูกค้าแวะมาซื้อของที่ออฟไลน์เวลาผ่านไป 3 วันสามารถที่จะเซอร์เวย์แบบอัตโนมัติได้เลยว่าได้รับบริการเป็นอย่างไร มาซื้อของแล้วพอใจหรือไม่ สามารถดึงข้อมูลได้ทันเลยใน 30 หรือ 90 วัน และถ้าเห็นว่าโปรดักส์ใช้ใกล้หมดแล้วก็สามารถส่งเมสเสจไปทักถามได้อีกด้วยแบบอัตโนมัติเพื่อชักชวนให้เขากลับมาซื้อซ้ำอีก

นี่คือสิ่งที่ทาง PRIMO จะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้นักการตลาดได้มีเครื่องมือที่ดี ฉลาด และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานตอบโจทย์ธุรกิจในยุคแห่งอนาคตต่อไป

 

 

ทั้งหมดนี้ทำให้เราเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นว่าแม้ว่าการทำธุรกิจในยุคดิจิทัลจะเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ทุกอย่างไม่เกินความสามารถหากเราเรียนรู้ที่จะฟันฝ่าอุปสรรคไปข้างหน้า พร้อมกับอัพเดทตัวเองอยู่เสมอ รวมไปถึงมองหาพาร์ทเนอร์ดีๆ มาร่วมงานที่สามารถจับมือกันสร้างการเติบโตไปในอนาคตได้ ซึ่งวันนี้ PRIMO ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ที่ครบเครื่องและสามารถตอบโจทย์การทำธุรกิจในยุคนี้ได้เป็นอย่างดี ลองไปทำความรู้จักกับพวกเขาได้ ที่ เฟซบุ๊กhttps://www.facebook.com/primoworld  เว็บไซต์https://www.primo.mobi/ หรือ อีเมล hello@primo.mobi ได้เลย

 

 


  • 26
  •  
  •  
  •  
  •