เรียนรู้การสร้าง BRAND LOVE จาก “บางจากฯ” แบรนด์พลังงานหนึ่งเดียวที่ชนะใจคนรุ่นใหม่ การันตีด้วยรางวัล Influential Brands Top Brand 2021 Thailand

  • 1.3K
  •  
  •  
  •  
  •  

 

ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา นับเป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทายของทุกธุรกิจ เนื่องด้วยสถานการณ์ Covid-19 ได้เข้ามา Disrupt ระบบการทำงาน โดยเฉพาะเรื่องพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้คนเข้าสู่สังคมดิจิทัลอย่างรวดเร็ว และอาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลหลักที่ทำให้กลุ่มคนรุ่นใหม่มีอิทธิพลต่อแบรนด์เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น หลายแบรนด์จึงต้องเร่งปรับเปลี่ยนนโยบายและรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้ทันตามความต้องการ บนเป้าหมายของการสร้างสินค้าบริการ และสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภค

“บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)” หนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจพลังงานของไทย ที่มีการปรับกลยุทธ์เพื่อรับความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคได้อย่างโดดเด่น จนได้รับรางวัล Top Brand 2021 Thailand จัดโดย นิโอ ทาร์เก็ต และ Influential Brands องค์กรชั้นนำจากประเทศสิงคโปร์ เป็นการมอบรางวัลให้สุดยอดแบรนด์ และผู้นำองค์กรต่างๆ ทั่วเอเชีย ซึ่งเป็นการสำรวจความเห็นของผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียล (Millennial) ในประเทศไทย ที่มีอายุระหว่าง 29-39 ปี จำนวนมากกว่า 1,000 คน ถึงความพึงพอใจที่มีต่อแบรนด์ต่างๆใน 28 หมวดธุรกิจที่มีผลต่อการดำรงชีวิต โดย “บางจากฯ” ได้รับคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ ที่ผู้ตอบแบบสอบถามยกให้เป็นแบรนด์ที่ครองใจผู้บริโภครุ่นใหม่สูงสุดของปี 2021

 

 

บางจากฯ เป็นแบรนด์ในธุรกิจพลังงานเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่ได้รับรางวัลนี้  หากลองวิเคราะห์กันจริงๆ แล้ว เหตุผลของการชนะใจผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่ม Young Generation ที่ถือว่าเป็นกลุ่มทรงอิทธิพลในตลาดยุคนี้ คงไม่ใช่เพียงการสร้าง Brand Image ที่ดีอย่างต่อเนื่อง แต่ยังลงลึกไปถึงการสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์และลูกค้าจนเกิด Brand Love ที่แข็งแกร่งของบางจากฯ ความโดดเด่นสำคัญที่มองว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้ “บางจากฯ” ได้รับการยอมรับในระดับท็อป แบรนด์ และได้ใจคนรุ่นใหม่ก็คือ การยึดแนวทางดำเนินธุรกิจของสถานีบริการน้ำมันบางจาก เพื่อสร้างความยั่งยืนทั้งต่อ แบรนด์ ผู้บริโภค และสังคม บนแนวคิดที่เรียกว่า Greenovative Destination หรือการทำให้สถานีบริการน้ำมันเป็นจุดหมายที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้สำหรับคนทุกรุ่น และยังลงมือทำจริงตามแนวทางดังกล่าวในทุกมิติ

  1. พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็น Greenovation: Green + Innovation

บางจากฯ มีจุดยืนเรื่องการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงความยั่งยืนของสังคม และสิ่งแวดล้อม จนเรียกได้ว่ามี DNA ของแบรนด์ สีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาอย่างยาวนาน  จะเห็นได้ว่ามีการคิดค้น และนำนวัตกรรมเข้ามาพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันคุณภาพสูง โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นโดดเด่นทั้งเรื่องการใช้งาน และดีต่อสิ่งแวดล้อมตามจุดยืนของแบรนด์ไปพร้อมกัน ยกตัวอย่างจาก 2 เรือธง ทั้งในตระกูลแก๊สโซฮอล์ และ ดีเซล อย่าง บางจาก แก๊สโซฮอล์ E20 S EVO Euro 5 และ บางจาก Hi Premium Diesel S B7 Euro 5 ที่นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพที่ทำให้เครื่องยนต์แรง สะอาด และคุ้มค่าแล้ว การลงท้ายด้วย Euro 5 ยังเปรียบเหมือนใบ Certificate ที่การันตีว่าผลิตภัณฑ์นี้ดีต่อสิ่งแวดล้อม โดยบางจากฯ พัฒนาผลิตภัณฑ์จนได้มาตรฐาน Euro 5 มาตั้งแต่เกือบสิบปีก่อน ในขณะที่เมืองไทยจะเริ่มมีการบังคับใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมาตรฐาน Euro 5 ในปี 2567 ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์ที่ใส่ใจต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง และล่าสุดบางจากฯ ยังพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยการต่อยอดเป็นสถานีบริการน้ำมันที่ให้บริการ EV Quick Charger มากที่สุด โดยมีถึง 107 สถานี ทั้งในกรุงเทพ/ปริมณฑล และเส้นทางสายหลักทั่วประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด EV และตอกย้ำเรื่องการเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน

  1. สร้าง Digital Experience ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่

ด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป โลกดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ บางจากฯ จึงปรับกระบวนการเพื่อรับมือกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค ด้วยการออกแบบบริการใหม่ๆ ที่สร้าง Digital Experience ให้กลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาด Covid-19 ที่มีความสำคัญ และส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน โดยต่อยอดจากการรับชำระแบบไร้สัมผัส (Digital payment) ที่ตอนนี้มีมากกว่า 500 สถานี  ลูกค้ายังสามารถสั่งเติมน้ำมัน และชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ พร้อมแจ้งสะสมคะแนนได้เพียงใส่แค่หมายเลขโทรศัพท์ผ่านฟีเจอร์ใน Bangchak LINE Official ใครจะคิดว่า วันหนึ่งเราจะสามารถสั่งเติมน้ำมันได้โดยไม่จำเป็นต้องลดกระจกกันเลย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งบริการที่บางจากฯ ตั้งใจทำให้ “เกินกว่า” ความคาดหมายของผู้บริโภค

  1. ธุรกิจน้ำมันรายแรกที่มีระบบสมาชิก Bangchak Greenmiles

อีกหนึ่งความเป็นผู้นำของบางจากฯ ในธุรกิจน้ำมัน คือ การพัฒนาระบบสมาชิกขึ้นเป็นเจ้าแรก และในวันที่ผู้บริโภค 1 คน ถือบัตรสมาชิก รวมถึงบัตรเครดิตต่างๆ จำนวนไม่น้อยกว่า 3 ใบ ทำไมบางจากกรีนไมลส์ จึงเป็นหนึ่งในบัตรสมาชิกที่ทุกคนควรมี?  จากจุดยืนของบางจากฯ ในการพัฒนาธุรกิจบนพื้นฐานของการคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม ระบบสมาชิกของบางจากฯ จึงตอบโจทย์ผู้บริโภคทั้งเรื่องความคุ้มค่า และการเปิดโอกาสให้สมาชิกได้ร่วมสร้างประโยชน์ให้กับสังคมไปพร้อมกัน โดยนอกจากมูลค่าคะแนนของบางจากฯ ที่ให้มากถึง 20 สตางค์ต่อ 1 คะแนน ทำให้สามารถแลกรับสิทธิ์พิเศษต่างๆ ได้แบบจุใจแล้ว บางจากฯ ยังพัฒนาสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างตรงจุด เช่น Same Price “ขึ้นเท่าไหร่ คืนเท่านั้น”  ที่ตั้งใจแก้ไข Pain Point ของผู้บริโภคที่ต้องรีบเร่งไปต่อคิวเติมน้ำมันก่อนวันที่จะขึ้นราคา  แต่สมาชิกบางจากไม่ต้องเจอปัญหานี้ เพราะแม้จะไปเติมในวันแรกที่น้ำมันขึ้นราคา สมาชิกจะได้รับคะแนนเพิ่มถึง 2 ส่วน ทั้งคะแนนพื้นฐาน และคะแนนพิเศษเท่ากับส่วนต่างของราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น  ซึ่งสามารถตอบโจทย์ทั้งเรื่องค่าใช้จ่าย และเรื่องการประหยัดเวลาได้พร้อมกัน  มากไปกว่านั้น บางจากฯ ยังเปิดโอกาสให้สมาชิกสามารถร่วมเป็นผู้ให้ และส่งต่อสิ่งดี ๆ ด้วยการบริจาคคะแนนให้กับมูลนิธิที่มีให้เลือกมากถึง 18 มูลนิธิ ครอบคลุมในทุกด้านของสังคม โดยดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 16 ปี และทุกปีบางจากฯ จะร่วมสบทบเงินบริจาคเข้าไปด้วยอีกส่วนหนึ่ง ทำให้ทุกคะแนนที่สมาชิกบริจาคมีคุณค่า “มากกว่า”

  1. เปลี่ยนสถานีบริการน้ำมัน เป็นจุดหมายที่ครับครันของนักเดินทาง ด้วย Non-oil Business

ทุกวันนี้ สถานีบริการน้ำมันถูกคาดหวังให้เป็นมากกว่าสถานที่เติมน้ำมัน หากแต่เป็นอีกหนึ่งจุดหมายระหว่างการเดินทาง ที่ลูกค้าต้องการเข้าไปใช้เวลาซื้อสินค้า และบริการ ต้องยอมรับว่า บางจากฯ มุ่งมั่นพัฒนาสถานีบริการอย่างจริงจัง เราจึงเห็นสถานีบริการน้ำมันบางจากที่มีขนาดใหญ่ Facility ครบครัน ภายใต้รูปแบบที่สวยงามมีเอกลักษณ์  (Unique Design) ซึ่งมากกว่าการออกแบบสิ่งปลูกสร้างเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของพื้นที่ แต่บางจากฯ ยังตั้งใจสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในทุกๆ การเดินทาง ที่นอกจากจะแวะเติมน้ำมัน จับจ่ายซื้อสินค้าและบริการที่หลากหลายแล้ว ยังสามารถใช้เวลาพักผ่อนหย่อนใจ ถ่ายรูปสถานที่สวยๆ ของสถานีบริการน้ำมันบางจากได้อีกด้วย  ร้านกาแฟอินทนิล – ร้านกาแฟหัวใจสีเขียวขวัญใจผู้บริโภค ที่เปิดบริการมาแล้วกว่า 16 ปี เป็นหนึ่งในตัวอย่างของ Non-Oil Business ที่ช่วยตอกย้ำจุดยืนที่ชัดเจนของบางจากฯ ทั้งในเรื่องของคุณภาพของผลิตภัณฑ์จากการรังสรรค์กาแฟทุกแก้วด้วยเมล็ดกาแฟ อราบิก้า 100% และเมนูในใจหลายๆ คนอย่าง “โกโก้ในตำนาน” ที่เป็นการตอกย้ำเรื่องคุณภาพที่ผ่านการยอมรับจากผู้บริโภค รวมไปถึงการสื่อสารเรื่องการรักษ์โลกผ่านทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็น การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากพืชสามารถย่อยสลายได้ และออกแบบให้ลูกค้าสามารถดื่มได้โดยไม่ต้องใช้หลอด เพื่อช่วยลดปริมาณขยะพลาสติก รวมไปถึงกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ เช่น โครงการแก้วเพาะกล้า ที่เป็นโครงการลดปัญหาขยะจากแก้วใช้แล้วอย่างครบวงจร โดยการนำแก้วเครื่องดื่มอินทนิลใช้แล้วมาทำความสะอาด และส่งมอบให้กรมป่าไม้เพื่อนำไปเพาะกล้าไม้ และนำไปปลูกป่า เพื่อย่อยสลายกลับคืนสู่ธรรมชาติ โดยได้ส่งมอบแก้วเพาะกล้าให้กรมป่าไม้แล้วกว่า 1 ล้านใบ” เป็นต้น

 

“บางจากฯ” ต้นแบบของการสร้าง Brand Love ที่ลงมือทำจริงจนเป็นที่รัก

 

ทั้งหมดนี้ น่าจะเป็นบทสรุปได้ว่า เพราะอะไรคนรุ่นใหม่จึงยกให้ “บางจากฯ” เป็นแบรนด์ในธุรกิจพลังงานหนึ่งเดียวในใจ กับรางวัล Influential Brands Top Brand 2021 และยังสะท้อนภาพความเป็นแบรนด์ธุรกิจน้ำมันที่ไม่หยุดนิ่ง  มีการพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา โดดเด่นทั้งด้านผลิตภัณฑ์และการบริการเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ผู้บริโภค โดยให้ความสำคัญในเรื่อง Customer Centric ตั้งต้นการสร้างสินค้าและบริการจากความต้องการของผู้บริโภคเป็นหัวใจสำคัญ  ของธุรกิจ รวมไปถึงการเปิดรับสิ่งใหม่ๆ นำมาพัฒนาต่อยอดมุ่งสู่การบริการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง

ที่สำคัญคือ “บางจากฯ” ยังแสดงจุดยืนที่ชัดเจน เรื่องการมี Brand purpose โดยดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างประโยชน์และร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม ทำให้สามารถสร้าง Brand Love ที่แข็งแกร่ง มากพอที่จะทำให้ผู้บริโภคคนรุ่นใหม่นึกถึงเป็นลำดับแรกเมื่อพูดถึงธุรกิจด้านพลังงาน นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่การันตีด้วยเสียงของ “ลูกค้า” ที่น่าภาคภูมิใจ


  • 1.3K
  •  
  •  
  •  
  •  
CLOSE
CLOSE