คาร์เทียร์ x จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดหลักสูตร “CWI Entrepreneurial Program” หนุนผู้ประกอบการเพื่อสังคม สร้างธุรกิจยั่งยืน

การดำเนินธุรกิจทุกวันนี้ การมุ่งแสวงหาแต่ “ผลกำไร” เพียงอย่างเดียว ไม่ใช่คำตอบของการเติบโตอย่างยั่งยืน หากแต่ต้องมี Purpose ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะขับเคลื่อนธุรกิจในระยะยาว และเข้าไปนั่งอยู่ในใจผู้คนในสังคม

เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและผลักดันผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคมไทย ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน พร้อมต่อยอดสร้างการเติบโตสู่ระดับนานาชาติ ล่าสุด “คาร์เทียร์ ประเทศไทย” ภายใต้โครงการ Cartier Women’s Initiative (CWI) จับมือกับ “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” เปิดตัว “หลักสูตร Cartier Women’s Initiative Entrepreneurial Program” หรือ “CWI Entrepreneurial Program” เป็นหลักสูตรอบรมผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคม ซึ่งเป็นครั้งแรกของประเทศไทย

ทำความรู้จักโครงการ Cartier Women’s Initiative (CWI)

หลายคนรู้จัก “คาร์เทียร์” (Cartier) แบรนด์เครื่องประดับหรู สัญชาติฝรั่งเศส ก่อตั้งขึ้นโดย Louis-François Cartier ถึงวันนี้ที่มีอายุยาวนานเกือบ 180 ปี แม้เวลาจะผ่านไป แต่สิ่งหนึ่งยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลงคือ “Core Value” ของแบรนด์คาร์เทียร์ในการไม่หยุดพัฒนาตัวเอง พัฒนาทักษะ พร้อมทั้งสร้างโอกาสและความเท่าเทียม

จาก Core Value ดังกล่าว นำมาสู่การริเริ่ม “โครงการ Cartier Women’s Initiative (CWI)” เป็นการมอบรางวัลให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคมในระดับโลก ก่อตั้งขึ้นในปี 2006 ด้วยความมุ่งมั่นส่งเสริมความเท่าเทียม มอบโอกาสให้กับผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคม เพื่อให้เข้าถึงโอกาสและพัฒนาขีดความสามารถได้อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งส่งต่อผลกระทบเชิงบวกเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

โครงการ CWI ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง 18 ปี ครอบคลุมกว่า 66 ประเทศทั่วโลก และปีนี้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 19 ได้มอบเงินสนับสนุนให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคมไปแล้วกว่า 330 ราย และสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็ง ประกอบด้วย ผู้ประกอบการ ผู้สนับสนุน กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ และผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขากว่า 700 คน เพื่อให้คำปรึกษา ส่งเสริมทักษะ และช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคมดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ในปี 2023 โครงการ CWI ได้เพิ่มประเภทรางวัลเฉพาะทาง สาขา Diversity, Equity & Inclusion ที่มุ่งเสริมความเท่าเทียมให้แก่กลุ่มเปราะบางในสังคม และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการทุกเพศ ไม่เพียงแต่เฉพาะเพศหญิงเท่านั้นที่สามารถสมัครเข้าแข่งขันได้

“โครงการ Cartier Women’s Initiative (CWI) เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการเพื่อสังคม ที่ตอบโจทย์เป้าหมายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (UNSDGs) ให้สามารถเข้าถึงทุนที่จำเป็นต่อการสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจ  (เงินทุน ทุนมนุษย์ และทุนสังคม) พร้อมสร้างเครือข่ายที่รวมเอาผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต่อการพัฒนาธุรกิจ และเพื่อนนักธุรกิจเพื่อสังคม มากกว่า 700 คนทั่วโลก มอบคอมมูนิตี้ระดับนานาชาติให้แก่ผู้ที่ได้เข้าร่วม  

คาร์เทียร์ ประเทศไทย จึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญสร้าง Ecosystem ผนึกกำลังกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างและเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ประกอบการเพื่อสังคมของประเทศไทย ให้สามารถต่อยอดสู่การแข่งขันระดับนานาชาติ ขยายโอกาสได้กว้างไกล ด้วยการแนะแนวทางและอัปเดตองค์ความรู้ ผ่านหลักสูตรอบรม CWI Entrepreneurial Program” คุณพรปรียา วิวัฒนชาต กรรมการผู้จัดการ คาร์เทียร์ ประเทศไทย เล่าวัตถุประสงค์ของโครงการ Cartier Women’s Initiative (CWI)

ต่อยอดสู่หลักสูตรอบรม CWI Entrepreneurial Program

“คาร์เทียร์ ประเทศไทย” สานต่อโครงการ Cartier Women’s Initiative (CWI) ในไทย ได้จับมือ “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” พัฒนาหลักสูตร “Cartier Women’s Initiative Entrepreneurial Program” (CWI Entrepreneurial Program) เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคมในประเทศไทย ด้วยการส่งเสริมองค์ความรู้ เพิ่มศักยภาพ และเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมได้อย่างยั่งยืน ต่อยอดสู่ระดับนานาชาติ และสามารถเป็นตัวแทนประเทศไทย เข้าร่วมแข่งขันโครงการ CWI ระดับโลก

ศาสตราจารย์ ดร. วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้มุมมองเกี่ยวกับความร่วมมือกับคาร์เทียร์ ประเทศไทยในครั้งนี้ว่า เป็นการสะท้อนคุณค่าหลักของทั้งสององค์กรที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคม และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมความยั่งยืน

“สององค์กร (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคาร์เทียร์) ต่างอุตสาหกรรมกัน คาร์เทียร์เป็นลักชูรีแบรนด์ แต่มี Core Value ที่เหมือนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นั่นคือ การสร้างคุณภาพชีวิตให้กับผู้คน รวมถึงการส่งเสริมการพัฒนาทักษะและการเรียนรู้  

เพราะบทบาทของมหาวิทยาลัยวันนี้ ไม่ใช่แค่ให้ปริญญาและการศึกษาในรูปแบบดั้งเดิม แต่บทบาทของมหาวิทยาลัยในวันนี้คือ  Sustainability, Lifelong learning, การทำให้ประเทศไทยเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ซึ่งการศึกษาเป็นพื้นฐานในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในประเทศ และพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

พันธกิจของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คือ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคม สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) อันจะนำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น  

ดังนั้นความหมายของลักชูรีในมุมมองของมหาวิทยาลัย ไม่ได้แปลว่าความหรูหราในด้านสินค้า แต่เป็นความหรูหราในการตอบโจทย์สังคม ด้วยความรวมมือของสององค์กรที่ไม่ได้เป็นเรื่องของสินค้า แต่เป็นคุณค่าหลักของสององค์กรที่มีร่วมกัน” 

ศาสตราจารย์ ดร.ปาริชาต สถาปิตานนท์ รองอธิการบดี ด้านวิชาการและการเชื่อมโยงกับสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้รายละเอียดเพิ่มเติม “C แรก คือ Chula, C ที่สอง คือ Cartier เมื่อ 2 Cs (double  C) มารวมกัน นำมาสู่ C-Change การเปลี่ยนแปลง

นับเป็นครั้งแรกของการพัฒนาหลักสูตรอบรม CWI Entrepreneurial Program สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคม โดยผู้เข้าร่วมหลักสูตรจะได้รับการอบรมจากคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวิทยากรชื่อดังจากภาคธุรกิจ ในรูปแบบการอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ พร้อมพัฒนาทักษะที่จำเป็น ให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารงานและดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมได้อย่างมีผลกำไรและยั่งยืน

“ในหลักสูตรการอบรมระยะสั้น 6 สัปดาห์ ผู้ประกอบการจะได้เรียนรู้และเพิ่มพูนศักยภาพได้อย่างต่อเนื่องด้วยทักษะการสร้างแบรนด์ การทำการตลาด การบริหารด้านการเงิน และการนำเสนอขายงานที่ตอบโจทย์นักลงทุน เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยมีความพร้อมที่จะเติบโตไปสู่ระดับนานาชาติและสามารถเข้าร่วมแข่งขันในโครงการระดับโลกอย่าง CWI  

โดยอีกหนึ่งจุดเด่นที่สำคัญของหลักสูตรนี้คือ การขยายโอกาสให้ผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคม ทุกเพศ ทุกวัย
ที่ต้องการเสริมความรู้ สร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจ ได้เข้าร่วมอบรมหลักสูตร CWI Entrepreneurial Program โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ได้อย่างเท่าเทียม”

แนวโน้มและโอกาสของธุรกิจเพื่อสังคม

คุณกรองกมล เดอเลออน รองประธาน บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล และคณะกรรมการตัดสินรางวัล Cartier Women’s Initiative Award ประจำปี 2024 ได้แบ่งปันมุมมองในฐานะตัวแทนองค์กรที่ดูแลในเรื่องของการจัดตั้งกองทุน และคลุกคลีกับนักลงทุน ถึงแนวโน้มในปัจจุบันว่า ธุรกิจเพื่อสังคมได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่เฉพาะการสนับสนุนจากภาครัฐและประชาสังคมที่ทำให้ธุรกิจเพื่อสังคมมีการเติบโต คนในยุคปัจจุบันยังให้ความสนใจกับการเลือกใช้สินค้าและบริการที่มีการส่งเสริมไปจนถึงแก้ไขปัญหาสังคม จึงเป็นโอกาสของธุรกิจกลุ่มนี้ อยู่ที่การทำให้ผลกระทบเชิงบวกเป็นรูปธรรม

“ตัวธุรกิจยังต้องมีความแตกต่าง โดดเด่น สามารถมอบโซลูชันในการแก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมได้จริงให้สังคมได้จริง มีหลักฐานที่เป็นรูปธรรมถึงผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมที่ธุรกิจสร้างขึ้น เพื่อให้นักลงทุนและผู้สนับสนุนเห็นและอยากให้การสนับสนุน”

กรณีศึกษาธุรกิจ “Homeland Café & Grocer” สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม–สิ่งแวดล้อม

หนึ่งในตัวแทนผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคม คุณณัฐ–ภัทรพร สาลีรัฐวิภาค ผู้ก่อตั้ง Homeland Café & Grocer ผู้ประกอบการที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ได้เล่าจุดเริ่มต้นความสนใจของเธออันนำมาสู่การริเริ่มธุรกิจและการมองไกลถึงการสร้างผลกระทบเชิงบวกในวงกว้างจากการดำเนินธุรกิจว่า ก่อนเริ่มทำธุรกิจ ตนเองมีความสนใจในเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอยู่แล้ว รู้สึกว่าปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่แค่เรื่องของภาครัฐ หรือ หน่วยงานต่างๆ เท่านั้น แต่เป็นเรื่องของทุกคน ภาคเอกชน บุคคลก็สามารถที่จะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้

“หลังจากเคยได้ทำงานให้กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่สนับสนุนผู้ประกอบการเพื่อสังคมในต่างประเทศ พอกลับมาที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นบ้านเกิด ก็มองหาว่าอะไรที่เกี่ยวข้องกับทุกคน ก็มาพบว่า “ระบบอาหาร” ยังเป็นเรื่องที่เราพัฒนาปรับปรุง สมัยเด็กๆ เราจะมีคำพูดที่ว่า ชาวนาเป็นกระดูกสันหลังของชาติ แต่การส่งเสริมและสนับสนุนเกษตรกรกลับไม่ได้ถูกให้ความสำคัญ เราก็มองว่ายังมีช่องว่างที่เราเติมเต็มได้”

จึงเกิดเป็น “Online Grocery Shop” ขายผลผลิตส่งตรงจากเกษตรกรรายย่อยและเกษตรกรที่ปลูกวิถีอินทรีย์ โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง และให้เกษตรกรเป็นผู้กำหนดราคาเอง

อย่างไรก็ตามหลังเปิดร้านออนไลน์ได้สักพัก พบว่ายังไม่สามารถสร้าง Impact ได้ในวงกว้าง จึงพบว่าเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน SDGs ของ UN ในข้อ 12 สร้างหลักประกันให้มีแบบแผนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน (Responsible Consumption and Production) จึงได้ขยายสู่การเปิด “ร้านอาหารและคาเฟ่” เพื่อเป็นคอมมูนิตี้ และสนับสนุนให้เกิดการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ

“ความท้าทายคือการทำให้คนเข้าใจในเรื่องนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ลูกค้า พาร์ทเนอร์ และสังคมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพนักงานที่ต้องเข้าใจถึงเป้าประสงค์และวิธีการดำเนินงาน การทำให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องตระหนักรู้และเข้าใจ จะช่วยให้ทุกคนเห็นถึงความสำคัญและร่วมมือ”

นอกจากนี้ คุณณัฐยังได้กล่าวถึงการทำธุรกิจที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมว่า ช่วยในการเติมเต็มเป้าหมายที่มากกว่าแค่เรื่องผลกำไร แต่เป็นการสร้างความรู้สึกดี เติมเต็มทางจิตใจอีกด้วย

เจาะลึกหลักสูตรอบรม CWI Entrepreneurial Program

สำหรับหลักสูตรอบรมผู้ประกอบการเพื่อสังคม Cartier Women’s Initiative (CWI) Entrepreneurial Program มีรายละเอียดดังนี้

ระยะเวลาการอบรม

หลักสูตร CWI Entrepreneurial Program มี 6 บทเรียน กำหนดการอบรมเชิงปฏิบัติการเป็นภาษาไทย ทุกวันเสาร์ เวลา 13:00 น.– 17:00 น. ระหว่าง 22 กุมภาพันธ์ – 29 มีนาคม 2568 ณ โถงชั้น 7 อาคารมหาธีรราชานุสรณ์ สำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

การจัดอบรม 6 ครั้ง ประกอบด้วยหัวข้อดังนี้

• ครั้งที่ 1 วันเสาร์ ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 12:30 น. – 16:30 น. หัวข้อการเป็นผู้ประกอบการ นวัตกรรมผู้ประกอบการและการสร้างแบรนด์
• ครั้งที่ 2 วันเสาร์ ที่ 1 มีนาคม 2568 เวลา 13:00 น. – 17:00 น. หัวข้อพื้นฐานการดำเนินธุรกิจ การวางกลยุทธ์
• แผนการดำเนินงาน และการบริหารจัดการ
• ครั้งที่ 3 วันเสาร์ ที่ 8 มีนาคม 2568 เวลา 13:00 น. – 17:00 น. หัวข้อการบริหารจัดการองค์กร
• ครั้งที่ 4 วันเสาร์ ที่ 15 มีนาคม 2568 เวลา 13:00 น. – 17:00 น. หัวข้อการจัดการด้านการเงิน
• ครั้งที่ 5 วันเสาร์ ที่ 22 มีนาคม 2568 เวลา 13:00 น. – 17:00 น. หัวข้อการทำการตลาดและการสื่อสาร
• ครั้งที่ 6 วันเสาร์ ที่ 29 มีนาคม 2568 เวลา 13:00 น. – 17:00 น. หัวข้อการนำเสนอและการขายงาน

ผู้มีสิทธิ์เข้าอบรม

1. เป็นผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคม (เจ้าของกิจการ หรือ หุ้นส่วนใหญ่ของธุรกิจเพื่อสังคม) ในประเทศไทย ที่ดำเนินธุรกิจที่ตอบโจทย์เป้าหมายด้านความยั่งยืนของสหประชาชาติ อย่างน้อย 1 ข้อ จาก 17 ข้อ (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของสหประชาชาติ ได้ที่ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน | สหประชาชาติใน ประเทศไทย)
2. ไม่จำกัดเพศและอายุ
3. ผู้ประกอบการ ที่เป็นเจ้าของธุรกิจเพื่อสังคมที่มีอายุระหว่าง 1-6 ปี จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
4. ผู้สนใจสมัคร เมื่อได้รับการคัดเลือก จะต้องสามารถเข้าร่วมอบรม ณ สถานที่จัดอบรม (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ได้ตามวันที่และเวลาที่ระบุไว้ด้านบน

การสมัคร

1. กรอกใบสมัคร: สำหรับผู้ประกอบการเพื่อสังคมที่สนใจสมัครเข้าร่วมอบรมหลักสูตร CWI Entrepreneurial Program ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สามารถสมัครออนไลน์ผ่าน google form ได้ที่ลิงก์นี้ (https://forms.gle/WKnGtwrCEkqL8sXu8)
2. วิดีโอคลิป: นอกจากการกรอกข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลธุรกิจเพื่อสังคมแล้ว ผู้สมัครทุกท่านจะต้องอัปโหลดวิดีโอคลิปแนะนำตนเองและธุรกิจขนาดสั้น เป็นภาษาอังกฤษ ความยาวไม่เกิน 3 นาที ในท้ายแบบฟอร์มใบสมัคร

เปิดรับสมัคร: ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม – 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

การประกาศผล: ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมอบรม จำนวน 40 ท่าน ในวันเสาร์ ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ผ่านทางเว็บไซต์ www.chula.ac.th และ เฟซบุ๊กเพจ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  www.facebook.com/ChulalongkornUniversity

หรือสอบถามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับผู้สนใจเข้าร่วมอบรม Cartier Women’s Initiative Entrepreneurial Program ได้ที่ : chula.cwi.entrepreneurial@gmail.com

คุณสิพิม สุกัณศีล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร คาร์เทียร์ ประเทศไทย ให้รายละเอียดเพิ่มเติมในเรื่องผลประโยชน์ที่ผู้สมัครเข้ารับการอบรมจะได้รับ นอกจากองค์ความรู้ที่จะได้รับจากคณาจารย์ชั้นนำและการแบ่งปัน ประสบการณ์ตรงจากผู้เชี่ยวชาญในแวดวงธุรกิจ ผู้เข้าอบรมหลักสูตร CWI Entrepreneurial Program ยังจะได้มีโอกาสประชาสัมพันธ์ธุรกิจผ่านบทความ และการทำประชาสัมพันธ์ของโครงการ CWI เพิ่มโอกาสในการรับรู้เกี่ยวกับธุรกิจของตนเอง

และได้รับการแนะแนวทางในการสมัครแข่งขันต่อในระดับโลก Cartier Women’s Initiative Awards เพื่อขยายโอกาสธุรกิจและเครือข่ายคอมมูนิตี้ถึงระดับนานาชาติ

“ขณะนี้หลักสูตรอบรมเพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ประกอบการเพื่อสังคม CWI Entrepreneurial Program เปิดรับสมัครถึงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ นี้ และจะประกาศผลผู้ประกอบการเพื่อสังคมที่มีสิทธิ์เข้าอบรม โดยไม่มีค่าใช้จ่ายทั้งหมด 40 ท่าน ภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2568 และเริ่มเรียนในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ – 29 มีนาคม พ.ศ. 2568  อยากให้ผู้ที่สนใจและผู้ที่เห็นศักยภาพของเพื่อนหรือคนรอบตัวที่ตรงกับหลักสูตรแนะนำ และส่งต่อหลักสูตรนี้ เพื่อร่วมขยายคอมมูนิตี้ของประเทศไทย” คุณสิพิม กล่าวทิ้งท้าย