
ตลาดแว่นตาโลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เมื่อผู้บริโภคยุคใหม่ไม่ได้มองแว่นตาเป็นเพียง “อุปกรณ์ช่วยการมองเห็น” อีกต่อไป แต่กลายเป็น “เครื่องมือแสดงเอกลักษณ์” และ “การลงทุนในคุณภาพชีวิต” กรณีของ Silhouette แบรนด์แว่นตาระดับไฮเอนด์จากออสเตรีย ที่เข้าสู่ตลาดไทยผ่านการจัดงาน “Style Consultation” ร่วมกับ อายลิ้งค์ วิชั่น และ ออฟติคาน่า สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์การตลาดที่ปรับตัวเข้าสู่ยุคที่ประสบการณ์มีค่ามากกว่าตัวสินค้า
เทรนด์การเลือกแว่นตาของผู้บริโภคยุคใหม่: จากฟังก์ชันสู่ไลฟ์สไตล์
ผู้บริโภคในปี 2025-2026 เปลี่ยนจากการซื้อแว่นตาเพื่อ “แก้ปัญหาสายตา” มาเป็นการมองหา “ประสบการณ์ทางสายตาแบบองค์รวม” (Holistic Vision Experience) ที่ครอบคลุมทั้ง คุณภาพการมองเห็นที่แม่นยำ ผ่านเทคโนโลยีเลนส์และกรอบที่ออกแบบให้เป็นหนึ่งเดียว ความสบายสูงสุด ด้วยน้ำหนักเบาจนแทบไม่รู้สึกว่าสวมใส่ การแสดงตัวตน ที่สอดคล้องกับค่านิยมและไลฟ์สไตล์
Peggy Cheng ผู้เชี่ยวชาญจาก Silhouette ชี้ว่า “ผู้บริโภคมองหาแว่นตาที่ไม่เพียงช่วยเพิ่มคุณภาพการมองเห็น แต่ยังสามารถแสดงตัวตนและสอดคล้องกับค่านิยมของพวกเขา” ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนจาก Product-Centric ไปสู่ Customer Identity-Centric

Sustainable Luxury: ความหรูหราที่มีความรับผิดชอบ
เทรนด์ความยั่งยืนไม่ใช่แค่กระแสแฟชั่น แต่กลายเป็น Deal Breaker สำหรับกลุ่มผู้บริโภคระดับกลาง-บนที่มีการศึกษาสูง พวกเขาพร้อมจ่ายพรีเมียมสำหรับสินค้าที่ ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (เช่น SPX® Green+ ของ Silhouette) มีอายุการใช้งานยาวนาน ลดการบริโภคแบบ Fast Fashion และ มีกระบวนการผลิตที่โปร่งใส
การที่ Silhouette เน้นย้ำถึงกระบวนการผลิต 220 ขั้นตอนและการใช้วัสดุไบโอเซอร์คูลาร์ สะท้อนการตอบโจทย์ Conscious Consumerism ที่กำลังเติบโต
Personalization Over Trend: เป็นตัวของตัวเองมากกว่าตามเทรนด์
ปรากฏการณ์ที่น่าสนใจคือ ผู้บริโภคยุคใหม่เริ่มต้านทานการ “ไล่ตามเทรนด์” แต่หันมาค้นหา Timeless Personal Style ที่เหมาะกับตัวเอง ซึ่งตรงกับแนวคิด Style Consultation ที่ Silhouette นำเสนอ การวิเคราะห์รูปหน้า โทนสีผิว สีดวงตา และแม้กระทั่งรูปทรงคิ้ว เพื่อหากรอบที่ “เข้ากับตัวตน” มากกว่า “ตามกระแส” เป็นการยกระดับจาก Mass Marketing สู่ Hyper-Personalization

Technology-Enabled Shopping: Digital + Human Touch
แม้จะมีเครื่องมือดิจิทัลอย่าง Virtual Try-On แต่ผู้บริโภคพรีเมียมยังคงให้ค่ากับ Human Expertise การที่ Silhouette ส่งผู้เชี่ยวชาญมาให้คำปรึกษาแบบ Face-to-Face สะท้อนความจริงว่า High-Involvement Product อย่างแว่นตาพรีเมียมต้องการ Consultative Sellingประสบการณ์แบบ Omnichannel ที่ผสาน Digital Tool + Personal Touch สร้างความมั่นใจในการตัดสินใจมากที่สุด
เทรนด์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ สะท้อนภาพการดำเนิน 4 กลยุทธ์การตลาดที่โดดเด่น ของ Silhouette ที่น่าสนใจ ดังนี้
- Experiential Marketing: สร้างประสบการณ์ ไม่ใช่แค่ขายสินค้า โดยการจัดงาน Style Consultation คือตัวอย่างของ Experiential Marketing ที่มีประสิทธิภาพ ลูกค้าได้รับ Personal Consultation จากผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ สร้าง Emotional Connection ผ่านการดูแลเป็นรายบุคคล และเปลี่ยนการซื้อขายเป็น “การค้นพบตัวเอง” ที่จดจำได้ ผลลัพธ์ที่ได้คือความผูกพันต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) และการซื้อซ้ำที่สูงขึ้น
- Premium Positioning ผ่าน Storytelling: โดยที่ Silhouette ไม่ได้ขายแค่ “แว่นตาที่เบาที่สุดในโลก” แต่ขายทั้งความ Heritage ประวัติ NASA ที่ใช้ในภารกิจอวกาศ 35 ครั้ง, Craftsmanship กระบวนการผลิต 220 ขั้นตอนที่ซับซ้อน และ Philosophy “ความรู้สึกเบา” ที่หมายถึงอิสรภาพ ความเป็นตัวเอง การสื่อสารแบบนี้สร้าง Perceived Value ที่สูงกว่าราคาจริง และทำให้แบรนด์ Recession-Proof ดังที่ คุณประพันธ์ ผดุงเกียรติสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อายลิ้งค์ วิชั่น จำกัด กล่าวว่า “แม้เศรษฐกิจจะผันผวนก็ไม่มีผลต่อยอดขาย”
- Micro-Marketing: เลือกช่องทางที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย การเลือกจัดงานที่ Opticana ใน 140-150 จุดทั่วประเทศ สะท้อน Strategic Channel Selection ที่เน้นทำเลพรีเมียมใจกลางเมือง, การสร้าง Exclusivity แทนการกระจายสินค้าอย่างกว้าง และ การเชื่อมโยงกับ Retail Partner ที่มีภาพลักษณ์สอดคล้อง
- Global-Local Balance: เข้าใจตลาดท้องถิ่นอย่างลึกซึ้ง แม้เป็นแบรนด์ระดับโลก แต่ Silhouette ทำ Market Localization อย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็น การวิจัยรูปหน้าและความชอบของคนเอเชีย ออกแบบคานจมูกและขาแว่นเฉพาะสำหรับตลาดเอเชีย และความเข้าใจว่าตลาดไทยให้ความสำคัญกับ “ความพอดี น้ำหนักเบา และความสบาย”

ความท้าทายและโอกาสในตลาดไทย
การศึกษาตลาด ผู้บริโภคไทยส่วนใหญ่ยังมองแว่นตาเป็น Low-Involvement Product สำหรับราคาพรีเมียม ต้องสร้างความเข้าใจในคุณค่าที่แท้จริง (Value Justification) การแข่งขัน จาก Fast Fashion Eyewear และ Direct-to-Consumer Brands เป็นเซกเมนต์ในการแข่งขันที่น่าสนใจ นอกจากนี้ ในเรื่องของการสร้างโอกาส กลุ่มมิดเดิลคลาสที่เติบโต มีกำลังซื้อและใส่ใจคุณภาพชีวิตมากขึ้น เทรนด์ Self-Care & Wellness ของตลาดแว่นตาคุณภาพดีเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพ ถือเป็นช่องทางที่ยังไม่มีมากนัก จัดว่าเป็นโอกาสที่ดีของแบรนด์ ส่วนกลยุทธ์การตลาดที่ใช้ Social Media Influence: Visual Platform ทำให้ “หน้าตา” และ “แว่นตา” สำคัญขึ้น เรียกว่าเป็นกลยุทธ์ที่ไม่เลวเลย

ทั้ง อายลิ้งค์ฯ ซิลลูเอท ออฟติคาน่า และ Silhouette สะท้อนบทบาทของสินค้าในยุคที่คุณภาพใกล้เคียงกัน แต่การสร้างประสบการณ์ และการเชื่อมต่อทางอารมณ์ กับลูกค้าคือสิ่งที่สร้างความแตกต่างได้ ดังนั้น การลงทุนในการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคเชิงลึก ไม่ใช่แค่ Demographics แต่รวมถึง Psychographics และค่านิยมConsultative Approach ชนะ Hard Selling โดยเฉพาะในตลาดพรีเมียมเป็นสิ่งสำคัญ รวมไปถึงแนวคิด Sustainability เป็น Must-Have ไม่ใช่ Nice-to-Have อีกต่อไป และการสร้าง Personalization คือ New Standard ที่ผู้บริโภคคาดหวัง สำหรับธุรกิจไทย การเรียนรู้จากกลยุทธ์ของแบรนด์ระดับโลกเหล่านี้ และนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับบริบทท้องถิ่น จะเป็นกุญแจสำคัญในการแข่งขันในตลาดที่ผู้บริโภคมีความรู้และเลือกมากขึ้นทุกวัน
