ในวันที่ความท้าทายของโลกไม่เพียงเพิ่มจำนวน แต่ยังเร่งความเร็ว การปรับตัวของธุรกิจจึงไม่ใช่ “ทางเลือก” แต่เป็น “เงื่อนไขของการอยู่รอด”
และปีนี้ Krungsri-MUFG Business Forum ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าการรวมพลังจากทุกภาคส่วน รัฐ เอกชน สถาบันการเงิน และผู้ประกอบการ คือวิธีเดียวที่จะพาธุรกิจไทยก้าวข้ามคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลง
ในเดือนสิงหาคม 2025 ผู้เข้าร่วมงานจากภาคธุรกิจ การเงิน และภาครัฐ ได้มารวมตัวกันในงาน Krungsri-MUFG Business Forum 2025: Thriving to Sustainable Future เพื่อสะท้อนมุมมองและรับฟังแนวทางในการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยความยั่งยืน ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์ และสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อนกว่าที่เคย
MUFG Vision – ปาฐกถาจาก คุณคาเนทสุกุ มิเกะ ประธานกรรมการ MUFG
คุณคาเนทสุกุ มิเกะ ประธานกรรมการ MUFG ขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษ เปิดมุมมองระดับโลกเกี่ยวกับทิศทางการเงินยั่งยืน
เขาย้ำว่า ความยั่งยืนไม่ได้เกิดจากการทำงานขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง แต่ต้องอาศัย ความร่วมมือในระดับภูมิภาคและระดับโลก เพื่อสร้างระบบนิเวศการเงินที่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
“เมื่อความไม่แน่นอนกลายเป็นเรื่องปกติ สิ่งที่เราต้องมีคือพันธมิตรที่แข็งแกร่งและมีเป้าหมายร่วมกัน”
เขายกตัวอย่างความร่วมมือข้ามประเทศของ MUFG ที่ช่วยธุรกิจในเอเชียเข้าถึง Transition Finance และ Green Investment ได้เร็วขึ้น พร้อมแสดงความตั้งใจที่จะใช้เครือข่ายของ MUFG สนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการเงินยั่งยืนในภูมิภาค
Krungsri Vision: Thriving to Sustainable Future – มุมมองของ คุณเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
เคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เชื่อมโยงวาระครบรอบ 80 ปีของธนาคารเข้ากับการก้าวสู่การเป็น Leading Sustainable and Regional Bank ที่มีบทบาทในการผลักดัน Social & Sustainability Finance อย่างจริงจัง
เขาเล่าถึงโครงการที่กรุงศรีออกแบบเพื่อช่วยธุรกิจไทย โดยเฉพาะ SME ให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนที่สนับสนุนการปรับตัวตามมาตรฐาน ESG และเพิ่มความสามารถแข่งขันในตลาดโลก
“ธนาคารต้องเป็นมากกว่าผู้ปล่อยกู้ แต่ต้องเป็นเพื่อนร่วมทางทางธุรกิจที่ช่วยออกแบบเส้นทางสู่ความยั่งยืนให้ลูกค้า”
ความร่วมมือระหว่างกรุงศรีและ MUFG ไม่ได้หยุดเพียงการแลกเปลี่ยนความรู้ แต่รวมถึงการสร้างเครื่องมือทางการเงินใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับบริบทของธุรกิจไทย
Industrial Reform – เอกนัฏ พร้อมพันธุ์
คุณเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พูดถึงการปฏิรูปอุตสาหกรรมไทยท่ามกลางความผันผวนของโครงสร้างเศรษฐกิจโลก
เขาอธิบายว่า ไทยต้องเร่งสร้าง New S-Curve ที่เน้นอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด ยานยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยีดิจิทัล และเทคโนโลยีชีวภาพ พร้อมปรับปรุงอุตสาหกรรมดั้งเดิม เช่น อาหาร สิ่งทอ และการท่องเที่ยว ให้ตอบโจทย์มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและนวัตกรรม
เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เขาเน้นบทบาทของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานใหม่ การพัฒนาทักษะแรงงาน และการสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยให้เข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานสากล
The Upcoming Climate Change Act – ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช
ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเปิดเผยรายละเอียดร่างกฎหมาย Climate Change Act ฉบับแรกของไทย
เนื้อหาครอบคลุมการกำหนด เป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก, ระบบรายงานผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม และมาตรการสนับสนุนหรือบทลงโทษเพื่อให้เกิดการปฏิบัติจริง
“ธุรกิจที่เริ่มปรับตัวตั้งแต่วันนี้จะได้เปรียบในอนาคต เพราะจะพร้อมรับมาตรฐานใหม่โดยไม่ต้องเร่งแก้ปัญหาในเวลาจำกัด”
เขาเน้นว่าการมีระบบข้อมูล ESG ที่เชื่อถือได้คือหัวใจสำคัญ เพราะไม่เพียงช่วยให้ธุรกิจสอดคล้องกับกฎหมาย แต่ยังสร้างความน่าเชื่อถือในสายตานักลงทุนต่างชาติ
Navigating Global Shifts – ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์
การบรรยายจาก ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เปิดภาพใหญ่ของ “Megatrends” ที่กำลังกระทบเศรษฐกิจโลกและไทยอย่างรุนแรง
เขาอธิบายว่า ปัจจัยหลักประกอบด้วย
- ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้ห่วงโซ่อุปทานเปลี่ยนทิศ
- การย้ายฐานการผลิตเพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาประเทศเดียว
- การเร่งเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำซึ่งเป็นเงื่อนไขการค้าใหม่ในหลายประเทศ
“ถ้าไทยยังใช้ยุทธศาสตร์เดิม เราจะตกขบวนเศรษฐกิจโลก แต่ถ้าเรามีแผนรับมือเชิงรุก โอกาสที่จะก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางการผลิตก็ยังมีอยู่”
เขาเสนอว่ารัฐและเอกชนต้องร่วมกันสร้างนโยบายที่ดึงดูดการลงทุน และปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับทิศทางตลาดโลก ไม่ใช่เพียงตอบสนองปัญหาเฉพาะหน้า
Capturing Regional Opportunities – Mari Elka Pangestu
ต่อด้วยเวทีของ Mari Elka Pangestu , Indonesian President’s Special Envoy, Former MD. of Development Policy and Partnerships, World Bank
เธอวิเคราะห์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในฐานะ “จุดศูนย์กลางการเติบโตใหม่ของโลก” โดยมีจุดแข็งจาก
- ประชากรวัยทำงานขนาดใหญ่
- การเติบโตของชนชั้นกลาง
- ความต้องการเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานที่เพิ่มสูงขึ้น
Mari เน้นว่าไทยมีศักยภาพโดดเด่นในด้านโครงสร้างพื้นฐาน โลจิสติกส์ และการเป็นฮับด้านพลังงานสะอาด ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดขายดึงดูดการลงทุนในเศรษฐกิจสีเขียวและเศรษฐกิจดิจิทัล
“การเชื่อมต่อระหว่างประเทศในภูมิภาคจะเป็นตัวเร่งให้ธุรกิจเติบโตได้เร็วกว่าที่เคย และไทยควรเป็นหัวใจของการเชื่อมต่อนั้น”
Panel Discussion – Strategic Growth through Innovation in Global Sustainable Finance
เวทีเสวนาที่ถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของงาน โดยรวมผู้เชี่ยวชาญทั้งจากภาครัฐและเอกชน ได้แก่ คุณพลช หุตะเจริญ – ที่ปรึกษาด้านการตลาดตราสารหนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง, คุณประกอบ เพียรเจริญ – ประธานเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน), Hideaki Takase – Chief Sustainability Officer, MUFG และ Colin Chen – Head of ESG Finance, APAC, MUFG Bank
ประเด็นสำคัญที่ถูกพูดถึง ได้แก่
- การใช้ Green Finance และ Transition Finance เป็นเครื่องมือปรับธุรกิจให้สอดคล้องกับเป้าหมายการลดคาร์บอน
- ความจำเป็นของการสร้าง Taxonomy และมาตรฐานข้อมูล ESG ที่โปร่งใสเพื่อลดปัญหา greenwashing
- บทบาทใหม่ของธนาคารในการเป็น “พาร์ตเนอร์” ที่ช่วยออกแบบโซลูชัน ESG ให้เหมาะกับธุรกิจแต่ละประเภท
Colin Chen กล่าวไว้ชัดเจนว่า “หน้าที่ของธนาคารในวันนี้คือการช่วยลูกค้าลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของโลก และเปลี่ยน ESG ให้เป็นโอกาสทางธุรกิจ”
ขณะที่ Hideaki Takase เสริมว่า ความสำเร็จของ ESG ต้องอาศัยการผสานความรู้ทางการเงินกับความเข้าใจเชิงลึกในอุตสาหกรรมของลูกค้า เพื่อให้แผนการปรับตัวมีความเป็นไปได้ในเชิงปฏิบัติ
Case Study SCG – ธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม
ปิดท้ายเวทีด้วยกรณีศึกษาจาก SCG โดยคุณธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCG ที่เล่าประสบการณ์การเปลี่ยนความยั่งยืนให้เป็น “ระบบธุรกิจ”
เขาอธิบายการทำงานใน 3 ด้านหลัก
- การลดคาร์บอน ผ่านการใช้พลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง
- Circular Economy สร้างระบบรีไซเคิลและใช้วัตถุดิบหมุนเวียนในห่วงโซ่อุปทาน
- การวัดผลที่เป็นรูปธรรม เพื่อตรวจสอบและปรับปรุงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง
“ความยั่งยืนที่แท้จริงต้องฝังอยู่ในกระบวนการทำงานทุกขั้นตอน ไม่ใช่เพียงเขียนไว้ในรายงานประจำปี”
กรณีของ SCG สะท้อนว่าการวางแผน ลงมือทำ และติดตามผลอย่างต่อเนื่องสามารถสร้างผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน
Key Takeaways
- ESG กำลังกลายเป็น “กลยุทธ์หลัก” ของธุรกิจทุกขนาด
- Climate Change Act จะเป็นแรงกดดันและแรงผลักให้ภาคธุรกิจปรับตัว
- Megatrends และการเปลี่ยนแปลงภูมิรัฐศาสตร์คือปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
- ความร่วมมือระดับภูมิภาคจะปลดล็อกโอกาสใหม่ให้ไทย
- ธนาคารและภาครัฐต้องร่วมกันสร้างระบบข้อมูล ESG ที่โปร่งใสและมาตรฐานชัดเจน
Krungsri ESG Awards 2025 – ยกระดับ SME ไทยสู่มาตรฐานใหม่
นอกจากนั้น ภายในงานวันเดียวกัน กรุงศรียังได้จัดงานเพื่อจุดประกายด้วยความภาคภูมิใจของผู้ประกอบการไทยที่เข้าร่วมโครงการ Krungsri ESG Awards 2025 ที่ปีนี้มี SME สมัครเข้ามาจากทั่วประเทศ ก่อนคัดเลือกเหลือเพียง 8 ทีมสุดท้ายที่ได้โอกาสนำเสนอผลงานต่อหน้าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
สิ่งที่น่าสนใจคือ แต่ละธุรกิจไม่ได้มอง ESG เป็นเพียง “โครงการเสริม” แต่ฝังไว้ในแกนธุรกิจหลัก เช่น โรงงานอาหารที่ลงทุนในระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อลดของเสียเหลือศูนย์ หรือผู้ผลิตเสื้อผ้าที่ใช้วัตถุดิบจากเส้นใยรีไซเคิล 100%
คุณดวงกมล ลิ้มพวงทิพย์ ผู้บริหารโครงการ กล่าวว่า “เราต้องการเห็น SME ไทยเป็นผู้นำในตลาดโลก และการทำ ESG อย่างจริงจัง คือกุญแจที่จะทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้น”
5 ทีมที่ได้รับรางวัล “Excellence” ไม่เพียงแต่สร้างผลลัพธ์ด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังสามารถชี้วัดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างชัดเจน ซึ่งสะท้อนมาตรฐานใหม่ของ SME ไทยในเวทีสากล
ก้าวต่อไปของธุรกิจไทย
เมื่อเวทีนี้ปิดฉากลง สิ่งที่เหลืออยู่ไม่ใช่เพียงความรู้ แต่คือความมุ่งมั่นของผู้เข้าร่วมที่จะนำแนวคิดและกลยุทธ์จากวันนี้ไปปรับใช้กับธุรกิจจริง
ไม่ว่าจะเป็น SME ที่เริ่มวางระบบ ESG ในสายการผลิต บริษัทใหญ่ที่เดินหน้าลดคาร์บอน หรือสถาบันการเงินที่ออกแบบโซลูชันทางการเงินใหม่ๆ ทุกคนต่างเห็นพ้องว่า “ความยั่งยืน” คือสนามแข่งขันแห่งอนาคต
กรุงศรีและ MUFG แสดงให้เห็นชัดว่า พวกเขาไม่ได้เพียงสนับสนุนทางการเงิน แต่ยืนเคียงข้างเป็นพันธมิตรทางความคิดและการปฏิบัติ เพื่อให้ธุรกิจไทยไม่เพียงอยู่รอด แต่เติบโตได้อย่างมั่นคงในโลกที่เปลี่ยนแปลงทุกวัน