ก้าวข้ามทุกการเปลี่ยนแปลง รวมพลังธุรกิจสร้างอนาคตยั่งยืน : Krungsri-MUFG Business Forum 2025

  • 17
  •  
  •  
  •  
  •  

 

ในวันที่ความท้าทายของโลกไม่เพียงเพิ่มจำนวน แต่ยังเร่งความเร็ว การปรับตัวของธุรกิจจึงไม่ใช่ “ทางเลือก” แต่เป็น “เงื่อนไขของการอยู่รอด”

และปีนี้ Krungsri-MUFG Business Forum ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าการรวมพลังจากทุกภาคส่วน รัฐ เอกชน สถาบันการเงิน และผู้ประกอบการ คือวิธีเดียวที่จะพาธุรกิจไทยก้าวข้ามคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลง

 

 

ในเดือนสิงหาคม 2025 ผู้เข้าร่วมงานจากภาคธุรกิจ การเงิน และภาครัฐ ได้มารวมตัวกันในงาน Krungsri-MUFG Business Forum 2025: Thriving to Sustainable Future เพื่อสะท้อนมุมมองและรับฟังแนวทางในการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยความยั่งยืน ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์ และสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อนกว่าที่เคย

 

MUFG Vision – ปาฐกถาจาก คุณคาเนทสุกุ มิเกะ ประธานกรรมการ MUFG

 

 

คุณคาเนทสุกุ มิเกะ ประธานกรรมการ MUFG ขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษ เปิดมุมมองระดับโลกเกี่ยวกับทิศทางการเงินยั่งยืน

เขาย้ำว่า ความยั่งยืนไม่ได้เกิดจากการทำงานขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง แต่ต้องอาศัย ความร่วมมือในระดับภูมิภาคและระดับโลก เพื่อสร้างระบบนิเวศการเงินที่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

“เมื่อความไม่แน่นอนกลายเป็นเรื่องปกติ สิ่งที่เราต้องมีคือพันธมิตรที่แข็งแกร่งและมีเป้าหมายร่วมกัน”

เขายกตัวอย่างความร่วมมือข้ามประเทศของ MUFG ที่ช่วยธุรกิจในเอเชียเข้าถึง Transition Finance และ Green Investment ได้เร็วขึ้น พร้อมแสดงความตั้งใจที่จะใช้เครือข่ายของ MUFG สนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการเงินยั่งยืนในภูมิภาค

 

Krungsri Vision: Thriving to Sustainable Future – มุมมองของ คุณเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)

 

 

เคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เชื่อมโยงวาระครบรอบ 80 ปีของธนาคารเข้ากับการก้าวสู่การเป็น Leading Sustainable and Regional Bank ที่มีบทบาทในการผลักดัน Social & Sustainability Finance อย่างจริงจัง

เขาเล่าถึงโครงการที่กรุงศรีออกแบบเพื่อช่วยธุรกิจไทย โดยเฉพาะ SME ให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนที่สนับสนุนการปรับตัวตามมาตรฐาน ESG และเพิ่มความสามารถแข่งขันในตลาดโลก

“ธนาคารต้องเป็นมากกว่าผู้ปล่อยกู้ แต่ต้องเป็นเพื่อนร่วมทางทางธุรกิจที่ช่วยออกแบบเส้นทางสู่ความยั่งยืนให้ลูกค้า”

ความร่วมมือระหว่างกรุงศรีและ MUFG ไม่ได้หยุดเพียงการแลกเปลี่ยนความรู้ แต่รวมถึงการสร้างเครื่องมือทางการเงินใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับบริบทของธุรกิจไทย

 

Industrial Reform – เอกนัฏ พร้อมพันธุ์

 

 

คุณเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พูดถึงการปฏิรูปอุตสาหกรรมไทยท่ามกลางความผันผวนของโครงสร้างเศรษฐกิจโลก

เขาอธิบายว่า ไทยต้องเร่งสร้าง New S-Curve ที่เน้นอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด ยานยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยีดิจิทัล และเทคโนโลยีชีวภาพ พร้อมปรับปรุงอุตสาหกรรมดั้งเดิม เช่น อาหาร สิ่งทอ และการท่องเที่ยว ให้ตอบโจทย์มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและนวัตกรรม

เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เขาเน้นบทบาทของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานใหม่ การพัฒนาทักษะแรงงาน และการสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยให้เข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานสากล

 

The Upcoming Climate Change Act – ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช

 

 

ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเปิดเผยรายละเอียดร่างกฎหมาย Climate Change Act ฉบับแรกของไทย

เนื้อหาครอบคลุมการกำหนด เป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก, ระบบรายงานผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม และมาตรการสนับสนุนหรือบทลงโทษเพื่อให้เกิดการปฏิบัติจริง

“ธุรกิจที่เริ่มปรับตัวตั้งแต่วันนี้จะได้เปรียบในอนาคต เพราะจะพร้อมรับมาตรฐานใหม่โดยไม่ต้องเร่งแก้ปัญหาในเวลาจำกัด”

เขาเน้นว่าการมีระบบข้อมูล ESG ที่เชื่อถือได้คือหัวใจสำคัญ เพราะไม่เพียงช่วยให้ธุรกิจสอดคล้องกับกฎหมาย แต่ยังสร้างความน่าเชื่อถือในสายตานักลงทุนต่างชาติ

 

Navigating Global Shifts – ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์

 

 

การบรรยายจาก ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เปิดภาพใหญ่ของ “Megatrends” ที่กำลังกระทบเศรษฐกิจโลกและไทยอย่างรุนแรง

เขาอธิบายว่า ปัจจัยหลักประกอบด้วย

  • ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้ห่วงโซ่อุปทานเปลี่ยนทิศ
  • การย้ายฐานการผลิตเพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาประเทศเดียว
  • การเร่งเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำซึ่งเป็นเงื่อนไขการค้าใหม่ในหลายประเทศ

“ถ้าไทยยังใช้ยุทธศาสตร์เดิม เราจะตกขบวนเศรษฐกิจโลก แต่ถ้าเรามีแผนรับมือเชิงรุก โอกาสที่จะก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางการผลิตก็ยังมีอยู่”

เขาเสนอว่ารัฐและเอกชนต้องร่วมกันสร้างนโยบายที่ดึงดูดการลงทุน และปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับทิศทางตลาดโลก ไม่ใช่เพียงตอบสนองปัญหาเฉพาะหน้า

 

Capturing Regional Opportunities – Mari Elka Pangestu

 

 

ต่อด้วยเวทีของ Mari Elka Pangestu , Indonesian President’s Special Envoy, Former MD. of Development Policy and Partnerships, World Bank

เธอวิเคราะห์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในฐานะ “จุดศูนย์กลางการเติบโตใหม่ของโลก” โดยมีจุดแข็งจาก

  • ประชากรวัยทำงานขนาดใหญ่
  • การเติบโตของชนชั้นกลาง
  • ความต้องการเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานที่เพิ่มสูงขึ้น

Mari เน้นว่าไทยมีศักยภาพโดดเด่นในด้านโครงสร้างพื้นฐาน โลจิสติกส์ และการเป็นฮับด้านพลังงานสะอาด ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดขายดึงดูดการลงทุนในเศรษฐกิจสีเขียวและเศรษฐกิจดิจิทัล

“การเชื่อมต่อระหว่างประเทศในภูมิภาคจะเป็นตัวเร่งให้ธุรกิจเติบโตได้เร็วกว่าที่เคย และไทยควรเป็นหัวใจของการเชื่อมต่อนั้น”

 

Panel Discussion – Strategic Growth through Innovation in Global Sustainable Finance

 

 

เวทีเสวนาที่ถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของงาน โดยรวมผู้เชี่ยวชาญทั้งจากภาครัฐและเอกชน ได้แก่ คุณพลช หุตะเจริญ – ที่ปรึกษาด้านการตลาดตราสารหนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง, คุณประกอบ เพียรเจริญ – ประธานเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน), Hideaki Takase –  Chief Sustainability Officer, MUFG และ Colin Chen Head of ESG Finance, APAC, MUFG Bank

ประเด็นสำคัญที่ถูกพูดถึง ได้แก่

  • การใช้ Green Finance และ Transition Finance เป็นเครื่องมือปรับธุรกิจให้สอดคล้องกับเป้าหมายการลดคาร์บอน
  • ความจำเป็นของการสร้าง Taxonomy และมาตรฐานข้อมูล ESG ที่โปร่งใสเพื่อลดปัญหา greenwashing
  • บทบาทใหม่ของธนาคารในการเป็น “พาร์ตเนอร์” ที่ช่วยออกแบบโซลูชัน ESG ให้เหมาะกับธุรกิจแต่ละประเภท

Colin Chen กล่าวไว้ชัดเจนว่า “หน้าที่ของธนาคารในวันนี้คือการช่วยลูกค้าลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของโลก และเปลี่ยน ESG ให้เป็นโอกาสทางธุรกิจ”

ขณะที่ Hideaki Takase เสริมว่า ความสำเร็จของ ESG ต้องอาศัยการผสานความรู้ทางการเงินกับความเข้าใจเชิงลึกในอุตสาหกรรมของลูกค้า เพื่อให้แผนการปรับตัวมีความเป็นไปได้ในเชิงปฏิบัติ

 

Case Study SCG – ธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม

 

 

ปิดท้ายเวทีด้วยกรณีศึกษาจาก SCG โดยคุณธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCG ที่เล่าประสบการณ์การเปลี่ยนความยั่งยืนให้เป็น “ระบบธุรกิจ”

เขาอธิบายการทำงานใน 3 ด้านหลัก

  1. การลดคาร์บอน ผ่านการใช้พลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง
  2. Circular Economy สร้างระบบรีไซเคิลและใช้วัตถุดิบหมุนเวียนในห่วงโซ่อุปทาน
  3. การวัดผลที่เป็นรูปธรรม เพื่อตรวจสอบและปรับปรุงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง

“ความยั่งยืนที่แท้จริงต้องฝังอยู่ในกระบวนการทำงานทุกขั้นตอน ไม่ใช่เพียงเขียนไว้ในรายงานประจำปี”

กรณีของ SCG สะท้อนว่าการวางแผน ลงมือทำ และติดตามผลอย่างต่อเนื่องสามารถสร้างผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน

 

Key Takeaways

  • ESG กำลังกลายเป็น “กลยุทธ์หลัก” ของธุรกิจทุกขนาด
  • Climate Change Act จะเป็นแรงกดดันและแรงผลักให้ภาคธุรกิจปรับตัว
  • Megatrends และการเปลี่ยนแปลงภูมิรัฐศาสตร์คือปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
  • ความร่วมมือระดับภูมิภาคจะปลดล็อกโอกาสใหม่ให้ไทย
  • ธนาคารและภาครัฐต้องร่วมกันสร้างระบบข้อมูล ESG ที่โปร่งใสและมาตรฐานชัดเจน

Krungsri ESG Awards 2025 – ยกระดับ SME ไทยสู่มาตรฐานใหม่

นอกจากนั้น ภายในงานวันเดียวกัน กรุงศรียังได้จัดงานเพื่อจุดประกายด้วยความภาคภูมิใจของผู้ประกอบการไทยที่เข้าร่วมโครงการ Krungsri ESG Awards 2025 ที่ปีนี้มี SME สมัครเข้ามาจากทั่วประเทศ ก่อนคัดเลือกเหลือเพียง 8 ทีมสุดท้ายที่ได้โอกาสนำเสนอผลงานต่อหน้าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ

สิ่งที่น่าสนใจคือ แต่ละธุรกิจไม่ได้มอง ESG เป็นเพียง “โครงการเสริม” แต่ฝังไว้ในแกนธุรกิจหลัก เช่น โรงงานอาหารที่ลงทุนในระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อลดของเสียเหลือศูนย์ หรือผู้ผลิตเสื้อผ้าที่ใช้วัตถุดิบจากเส้นใยรีไซเคิล 100%

คุณดวงกมล ลิ้มพวงทิพย์ ผู้บริหารโครงการ กล่าวว่า “เราต้องการเห็น SME ไทยเป็นผู้นำในตลาดโลก และการทำ ESG อย่างจริงจัง คือกุญแจที่จะทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้น”

5 ทีมที่ได้รับรางวัล “Excellence” ไม่เพียงแต่สร้างผลลัพธ์ด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังสามารถชี้วัดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างชัดเจน ซึ่งสะท้อนมาตรฐานใหม่ของ SME ไทยในเวทีสากล

 

ก้าวต่อไปของธุรกิจไทย

เมื่อเวทีนี้ปิดฉากลง สิ่งที่เหลืออยู่ไม่ใช่เพียงความรู้ แต่คือความมุ่งมั่นของผู้เข้าร่วมที่จะนำแนวคิดและกลยุทธ์จากวันนี้ไปปรับใช้กับธุรกิจจริง

ไม่ว่าจะเป็น SME ที่เริ่มวางระบบ ESG ในสายการผลิต บริษัทใหญ่ที่เดินหน้าลดคาร์บอน หรือสถาบันการเงินที่ออกแบบโซลูชันทางการเงินใหม่ๆ ทุกคนต่างเห็นพ้องว่า “ความยั่งยืน” คือสนามแข่งขันแห่งอนาคต

กรุงศรีและ MUFG แสดงให้เห็นชัดว่า พวกเขาไม่ได้เพียงสนับสนุนทางการเงิน แต่ยืนเคียงข้างเป็นพันธมิตรทางความคิดและการปฏิบัติ เพื่อให้ธุรกิจไทยไม่เพียงอยู่รอด แต่เติบโตได้อย่างมั่นคงในโลกที่เปลี่ยนแปลงทุกวัน

 

 

 


  • 17
  •  
  •  
  •  
  •