ลา โรช-โพเซย์ 50 ปีแห่งนวัตกรรมเวชสำอาง พร้อมเปิดศักราชใหม่สู่การเป็นผู้นำตลาดไทย เมื่อความไว้วางใจของแพทย์ผิวหนังกลายเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจในโลกของความงามที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและนวัตกรรมใหม่ๆ มีแบรนด์หนึ่งที่สามารถยืนหยัดและเติบโตได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 50 ปี ด้วยการสร้างสรรค์ความไว้วางใจจากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่เข้มงวดที่สุด นั่นคือ ลา โรช-โพเซย์ (La Roche-Posay) แบรนด์เวชสำอางที่ได้รับการแนะนำจากแพทย์ผิวหนังมากกว่า 90,000 คนทั่วโลก
จุดเริ่มต้นที่เปลี่ยนวงการเวชสำอาง
เรื่องราวของ ลา โรช-โพเซย์ เริ่มต้นจากวิสัยทัศน์ของ Rene Levayer เภสัชกรชาวฝรั่งเศสผู้มีปณิธานแรงกล้าที่จะใช้น้ำแร่ธรรมชาติจากเมือง La Roche-Posay ที่อุดมไปด้วย Selenium เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อดูแลผิวที่บอบบางและมีปัญหา
การก่อตั้งแบรนด์ในปี 1975 มาพร้อมกับปรัชญาที่ปฏิวัติวงการความงาม: “สุขภาพผิวสำคัญกว่าแค่ความงาม แต่ยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตโดยองค์รวม” ซึ่งแนวคิดนี้ได้เปลี่ยนมุมมองของอุตสาหกรรมจากการมุ่งเน้นเพียงความสวยงามไปสู่การดูแลสุขภาพผิวอย่างแท้จริง
ตลาดไทย: โอกาสทองในยุคของผิวบอบบาง
อรวรรณ ลาภอำนวยผล ผู้จัดการทั่วไป แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) ในฐานะ General Manager ของ Royal Dermatological Beauty ที่ดูแลแบรนด์ ลา โรช-โพเซย์, เซราวี และ วิชี่ ในประเทศไทย ชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของตลาดไทยว่า ปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตพบว่าผู้บริโภคไทยมีความต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยสูงมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีปัญหาผิวบอบบางแพ้ง่าย ซึ่งสอดคล้องกับปัจจัยภายนอกที่เพิ่มขึ้น เช่น PM 2.5, อาหารการกิน, และความเครียด ล้วนส่งผลให้ผิวอ่อนแอลงและคนมีความเชื่อว่าตัวเองมีผิวที่บอบบางมากขึ้น
ขณะที่พบการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค ที่เริ่มให้ความสนใจดูแลสุขภาพผิวตั้งแต่อายุยังน้อย (ตั้งแต่เด็กประถม) และมีการรับรู้เรื่องเวชสำอางมากขึ้นประสิทธิภาพของตลาดเวชสำอาง ที่มีการเติบโตแบบ double-digit เมื่อเทียบกับตลาดสกินแคร์ทั่วไป และไม่ได้รับผลกระทบมากจากวิกฤตต่างๆ เนื่องจากผู้บริโภคมองว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการดูแลสุขภาพผิว
การสร้างสรรค์กลยุทธ์ที่แตกต่าง เมื่อแพทย์กลายเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ
สิ่งที่ทำให้ ลา โรช-โพเซย์ แตกต่างจากคู่แข่งคือ กลยุทธ์ Medical/Dermatological Channel ที่เน้นการทำงานร่วมกับแพทย์ผิวหนังอย่างใกล้ชิด ทั้งในด้านการวิจัย การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการให้ความรู้แก่ผู้บริโภค
แบรนด์ได้สร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับแพทย์ผิวหนัง 700 กว่าท่านในประเทศไทย และทำงานกับโรงเรียนแพทย์เกือบทุกแห่ง การได้รับการแนะนำจากแพทย์ผิวหนังเป็นอันดับหนึ่งทั่วโลกจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลมาจากการลงทุนในความสัมพันธ์ระยะยาวและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ
นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทุกช่วงชีวิต
ความสำเร็จของ ลา โรช-โพเซย์ ไม่ได้มาจากการมีผลิตภัณฑ์เดียวที่โดดเด่น แต่จากการสร้าง ระบบนิเวศของผลิตภัณฑ์ ที่ครอบคลุมปัญหาผิวในทุกช่วงวัย
- สำหรับผิวมีปัญหาสิว: กลุ่ม Effaclar ที่มีทั้ง Cleanser และ Moisturizer ออกแบบมาเพื่อจัดการกับปัญหาสิวโดยเฉพาะ โดดเด่นด้วย Effaclar Duo+M
- สำหรับการปกป้องจากแสงแดด: กลุ่ม Anthelios โดยเฉพาะ Anthelios Uvmune 400 SPF50+ PA++++ ที่มีค่าการปกป้องสูงถึง 400 นาโนเมตรของ UVA
- สำหรับปัญหาจุดด่างดำและฝ้ากระ: กลุ่ม Mela B3 ที่มีนวัตกรรม Melasyl ในผลิตภัณฑ์ Mela B3 Serum ซึ่งเป็นโมเลกุลปฏิวัติในการจัดการปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ
- สำหรับการฟื้นฟูผิว: กลุ่ม Cicaplast โดยเฉพาะ Cicaplast Baume B5+ ที่เรียกว่า “บัวหิมะฝรั่งเศส” เหมาะสำหรับทุกคนในบ้าน ใช้ได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดสำหรับผื่นผ้าอ้อม ไปจนถึงผู้ใหญ่ที่โกนหนวดหรือผิวไหม้จากท่อไอเสีย
- สำหรับผู้ป่วยมะเร็งและผิวบอบบาง: กลุ่ม Lipikar โดยเฉพาะ Lipikar Baume AP+M ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ป่วยมะเร็งและผู้ที่มีผิวหนังอักเสบ ช่วยฟื้นฟูผิวที่อ่อนแอจากการทำคีโมหรือฉายแสง
เทคโนโลยีอนาคต เมื่อ AI มาช่วยแก้ปัญหาผิว
หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของแผนอนาคตคือ โปรแกรม “SPOTSCAN” เครื่องมือวิเคราะห์ปัญหาผิวด้วย AI ที่ช่วยเชื่อมต่อผู้บริโภคเข้ากับคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนังได้อย่างแม่นยำ การใช้เทคโนโลยี AI นี้แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวของแบรนด์เพื่อให้ทันต่อความต้องการของผู้บริโภคยุคดิจิทัล
นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมทางด้าน “Neuroscience” และการดูแล Microbiome ที่เชื่อว่าการสัมผัสและการดูแลผิวที่ดีจะส่งผลต่อสุขภาพใจ ซึ่งสอดคล้องกับโครงการ Cancer Support ที่เน้น “Healing Power of Touch”
กลยุทธ์การสื่อสารแบบใหม่ จากห้องตรวจสู่โลกดิจิทัล
ลา โรช-โพเซย์ ได้ปรับกลยุทธ์การสื่อสารให้เข้ากับยุคสมัย ผ่าน 4 แนวทางหลัก:
- การส่งต่อความรู้โดยตรง ผ่านแคมเปญให้ความรู้เกี่ยวกับโรคผิวหนังและการดูแลผิวอย่างถูกวิธี
- การใช้พลังของอินฟลูเอนเซอร์ ในการถ่ายทอดข้อมูลทางการแพทย์ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ยุคดิจิทัล
- ความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ (HCPs) ในการให้ความรู้เชิงลึกและคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนังสู่สาธารณชน
- การเข้าถึงพื้นที่ใหม่ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่แพทย์ผิวหนังยังไม่ครอบคลุม ผ่านช่องทางออนไลน์และคอนเทนต์ทางการแพทย์ที่เข้าถึงง่าย
ความท้าทายและโอกาสในตลาดไทย
ตลาดเวชสำอางไทยกำลังเผชิญกับ การแข่งขันที่รุนแรงจากแบรนด์ใหม่ ทั้งในและต่างประเทศ ประกอบกับ ความจำเป็นในการให้ความรู้ผู้บริโภค เกี่ยวกับประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ความท้าทายเหล่านี้กลับกลายเป็นโอกาสสำหรับแบรนด์ที่มีความเชี่ยวชาญและความน่าเชื่อถือ เนื่องจากตลาดความงามโดยรวมยังมีการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะในครึ่งปีหลัง ตลาดเวชสำอางมีการเติบโตแบบ double-digit เหนือกว่าตลาดสกินแคร์ทั่วไป และความยืดหยุ่นต่อวิกฤต เห็นได้จากการที่ตลาดเวชสำอางไม่ได้รับผลกระทบมากจากโควิด-19
เป้าหมายทะเยอทะยาน TOP 3 ในตลาดไทย
ลา โรช-โพเซย์ ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยมากว่า 20 ปี (ตั้งแต่ปี 2003) ประกาศเป้าหมายใหม่ที่ทะเยอทะยาน: ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งใน 3 ของแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มียอดขายสูงสุดในประเทศไทย
เป้าหมายนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากการคาดเดาเพียงอย่างเดียว แต่มาจากการวิเคราะห์ตลาดที่แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคไทยกำลังหันมาใส่ใจสุขภาพผิวมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่เริ่มดูแลผิวตั้งแต่อายุยังน้อย
พันธกิจเพื่อสังคม เมื่อธุรกิจมีจิตสำนึก
นอกเหนือจากความสำเร็จทางธุรกิจ ลา โรช-โพเซย์ ยังมุ่งมั่นสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมผ่าน โครงการ Cancer Support ที่สนับสนุนผู้ป่วยมะเร็งและผู้ดูแล ตลอดจนสร้างความตระหนักรู้และส่งมอบกำลังใจด้วยแนวคิด “Healing Power of Touch” ความมุ่งมั่นเพื่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการผลิตผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในโรงงานโดยใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ตั้งแต่ปี 2023 และตั้งเป้าหมายใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกรีไซเคิล 100% ภายในปี 2030
ช่องทางการจำหน่ายที่ครอบคลุม
ความสำเร็จของแบรนด์ยังมาจากกลยุทธ์การกระจายสินค้าที่ครอบคลุมทั้ง ช่องทางออฟไลน์ (Watsons, Boots, EVEANDBOY, Beautrium และห้างสรรพสินค้า) และ ช่องทางออนไลน์ (Watsons Online, Boots Online, Shopee, Lazada, EVEANDBOY Online, Beautrium Online, TikTok Shop และ Konvy)
มองไปข้างหน้า: 50 ปีใหม่แห่งการเปลี่ยนแปลง
การจัดงานนิทรรศการ ‘Life-Changing House Since 1975’ ไม่ได้เป็นเพียงการเฉลิมฉลองความสำเร็จในอดีต แต่เป็นการเปิดวิสัยทัศน์สู่อนาคต 50 ปีข้างหน้า ด้วยความมุ่งมั่นในการเป็นพลังบวกและการสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและมนุษยธรรม
ลา โรช-โพเซย์ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการมุ่งเน้นคุณภาพ ความปลอดภัย และการสร้างความน่าเชื่อถือผ่านการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ ยังคงเป็นกลยุทธ์ที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ในโลกที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมายและข้อมูลที่ท่วมท้น ความไว้วางใจจากผู้เชี่ยวชาญกลายเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุด และนั่นคือสิ่งที่ ลา โรช-โพเซย์ ได้สร้างสรรค์และรักษาไว้ได้เป็นเวลา 50 ปี พร้อมก้าวต่อไปอีก 50 ปีข้างหน้า