Meta เผยแนวทางการใช้ AI เสริมศักยภาพธุรกิจไทย ภายในงาน “AI for Business: The Next Generation”

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

[ข่าวประชาสัมพันธ์]

 

Meta จัดงาน “AI for Business: The Next Generation” เพื่อแบ่งปันองค์ความรู้และประสบการณ์จากการใช้งานโซลูชัน AI ที่ช่วยยกระดับการเติบโตให้ธุรกิจไทยอย่างมีประสิทธิภาพ โดยภายในงาน มีทั้งการอัปเดตโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI ล่าสุดจาก Meta รวมถึงการนำเสนอข้อมูลเชิงลึก และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากพาร์ทเนอร์ธุรกิจในประเทศไทยที่ประสบความสำเร็จในการใช้งานจริง พร้อมการถ่ายทอดวิสัยทัศน์ โดยคุณแพร ดํารงค์มงคลกุล Country Director ของ Facebook ประเทศไทย ที่ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของ Meta ในการสนับสนุนธุรกิจไทยด้วยเทคโนโลยี AI ในยุคดิจิทัล

 

ปลดล็อกการเติบโตของธุรกิจด้วย Meta

โซลูชันทางธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Meta กำลังช่วยให้ธุรกิจไทยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและทำงานแบบอัตโนมัติในหลายกระบวนการ นำไปสู่การพัฒนาประสิทธิภาพในการใช้งานแอปในเครือของ Meta ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถมุ่งเน้นในสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือ การขับเคลื่อนนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และความสำเร็จ

  • แผนการดำเนินงานและนวัตกรรมด้าน AI: จนถึงปัจจุบัน Meta ได้ลงทุนไปกว่า 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ในโครงสร้างพื้นฐานและการวิจัยด้าน AI โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเพื่อบุกเบิกนวัตกรรม การใช้ข้อมูลอย่างมีความรับผิดชอบ และการมุ่งพัฒนาโมเดล AI แบบ open-source เช่น Meta Llama เพื่อผลักดันนวัตกรรมและการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี 2568 Meta คาดการณ์ว่าจะลงทุนกว่า 64 พันล้านเหรียญสหรัฐฯในการสนับสนุนศูนย์ข้อมูลและฮาร์ดแวร์สำหรับ AI
  • การเข้าถึงและการมีส่วนร่วมที่ไม่มีใครเทียบได้: Meta มีผู้ใช้งาน 43 พันล้านคนต่อวัน โดยเป็นพื้นที่ที่ผู้คนเข้ามาค้นหา เชื่อมต่อ และซื้อสินค้า โดยเฉพาะ Reels ที่มีการแชร์ซ้ำถึง 4.5 พันล้านครั้งต่อวัน และมีบทสนทนาทางธุรกิจกว่า 600 ล้านรายการเกิดขึ้นในแพลตฟอร์มของ Meta ในแต่ละวัน
  • การบูรณาการและการนำ AI มาใช้อย่างเข้มข้น: Meta AI ซึ่งพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของLlama 4 มีผู้ใช้งานประจำเกือบ 1 พันล้านคนต่อเดือน และเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้เปิดตัวแอป Meta AI โดยเฉพาะนอกจากนี้ AI ยังช่วยพัฒนาระบบแนะนำเนื้อหาบนแอปต่าง ๆ ของ Meta อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เวลาที่ผู้ใช้ใช้เวลาบน Facebook เพิ่มขึ้น 7% บน Instagram เพิ่มขึ้น 6% และบน Threads เพิ่มขึ้นถึง 35% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
  • ผลตอบแทนจากค่าโฆษณา (Return on Ad Spend หรือ ROAS): Meta ยังคงพัฒนาระบบอัตโนมัติเพื่อลดค่าใช้จ่ายโฆษณาโดยไม่ลดผลลัพธ์ ผลการศึกษาล่าสุดเผยว่านักโฆษณาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้รับผลตอบแทนจากการใช้จ่ายโฆษณา (ROAS) เฉลี่ยอยู่ที่ 71 เหรียญสหรัฐฯต่อทุก 1 เหรียญสหรัฐฯที่ใช้จ่ายบนแพลตฟอร์มของ Meta และแคมเปญการขายที่ใช้เครื่องมือธุรกิจ Meta Advantage+ ซึ่งขับเคลื่อนด้วย AI มีค่า ROAS เพิ่มขึ้นถึง 37% เมื่อเทียบกับแคมเปญทั่วไป

ไฮไลท์ของโซลูชัน AI เพื่อธุรกิจ

เครื่องมือ AI ของ Meta ช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ได้อย่างโดดเด่นในทุกอุตสาหกรรม อีกทั้งยังช่วยให้ธุรกิจประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายมากขึ้น

 

โซลูชัน

  • Meta Advantage+ Campaigns: แคมเปญที่ครอบคลุมทั้งยอดขายและการหาลูกค้าเป้าหมาย (lead) โดยใช้ AI เพื่อปรับงบประมาณ การกำหนดเป้าหมาย และการพัฒนาครีเอทีฟอย่างเหมาะสม ส่งผลให้ต้นทุนต่อการได้มาของลูกค้า (Cost Per Acquisition หรือ CPA) ลดลง 9% ต้นทุนต่อลีดที่มีคุณภาพลดลง 10% และต้นทุนต่อการแปลงเป็นลูกค้าลดลง 9%
  • Generative AI สำหรับครีเอทีฟ: AI ของ Meta ช่วยสร้างเนื้อหาหลากหลายรูปแบบและปรับแต่งภาพโฆษณาให้เหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผลของโฆษณา
  • Opportunity Score: เครื่องมือที่ให้คำแนะนำแบบเรียลไทม์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับแคมเปญ โดยระบุจุดอ่อนและเสนอแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดและเหมาะสมให้
  • Value Optimization: เครื่องมือนี้ใช้เพื่อจัดลำดับความสำคัญของกลุ่มเป้าหมายที่สร้างมูลค่าทางธุรกิจสูงที่สุด ช่วยให้สามารถตั้งค่าแคมเปญแบบรวบรวมข้อมูลเข้าด้วยกันและดำเนินงานแบบอัตโนมัติได้ ส่งผลให้ได้ผลลัพธ์ที่มีมูลค่าถ่วงน้ำหนัก (Value Weighted Results) เพิ่มขึ้นโดยประมาณ 6% ด้วยการมุ่งเน้นงบประมาณไปที่กลุ่มเป้าหมายที่ให้ผลตอบแทนสูง

โมเดลที่ดีกว่า เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า[1]

  • Meta GEM: โมเดลแนะนำโฆษณาแบบสร้างสรรค์ของ Meta (Generative Ads Recommendation Model – GEM) เป็นโมเดลแมชชีนเลิร์นนิงรุ่นใหม่ที่ทรงพลัง ซึ่งสามารถประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อส่งมอบโฆษณาที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลและน่าสนใจยิ่งขึ้นแก่ผู้ใช้งาน ช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพของโฆษณาและความแม่นยำในการกำหนดเป้าหมาย
  • Meta Andromeda: โมเดลการคาดการณ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของ Meta ช่วยปรับแต่งโฆษณาให้เหมาะกับแต่ละบุคคล โดยสามารถระบุประเภทของโฆษณาและคอนเทนต์ที่มีแนวโน้มจะให้ผลลัพธ์ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้แต่ละราย

เรื่องราวความสำเร็จของพาร์ทเนอร์ในประเทศไทย

ชุดเครื่องมือธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Meta ได้สร้างการเติบโตและประหยัดต้นทุนอย่างมีนัยสำคัญให้กับธุรกิจในประเทศไทย ตั้งแต่สตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ พาร์ทเนอร์ธุรกิจของ Meta ต่างประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่น ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพอันแข็งแกร่งของ AI สำหรับธุรกิจ

 

Hadara Healthy Bag แบรนด์กระเป๋าเพื่อสุขภาพที่โดดเด่นด้านฟังก์ชัน ช่องจัดเก็บเยอะ วัสดุน้ำหนักเบา และไม่กดทับไหล่ ได้แชร์ถึงความท้าทายจากต้นทุนธุรกิจที่สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และแนวทางที่แบรนด์เลือกใช้ในการปรับกลยุทธ์เพื่อขยายช่องทางการขาย โดย คุณธนัญญา เหล่าศิลปเจริญ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด Hadara กล่าวว่า“ในช่วงที่ผ่านมา ต้นทุนค่าธรรมเนียมบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราจึงเริ่มมองหาวิธีลดต้นทุนและขยายช่องทางการขายที่เราสามารถควบคุมได้มากขึ้น ซึ่งก็คือการพาลูกค้าเข้ามาซื้อผ่านเว็บไซต์ของเราเอง ตอนแรกเราค่อนข้างกังวลว่าลูกค้าจะปรับตัวตามทันหรือไม่ แต่เมื่อได้ทดลองใช้ Meta Advantage+ Shopping Campaign ซึ่งมี AI ช่วยระบุและเข้าถึงลูกค้าที่มีแนวโน้มจะซื้อได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ต้องตั้งค่าซับซ้อน ผลลัพธ์ที่ได้คือยอดขายจากเว็บไซต์ของเราเพิ่มขึ้นกว่า 25 เท่าภายในเวลาเพียง 1 เดือน ซึ่งถือว่าเกินความคาดหมายอย่างมาก”

 

 

กรุงศรี ออโต้ แชร์ประสบการณ์ในการใช้ Meta Advantage+ Sales Campaigns (ชื่อเดิมคือ Advantage+ Shopping Campaigns) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการหาลีดสินเชื่อรถยนต์ โดยการหาลีดที่มีคุณภาพถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ กรุงศรี ออโต้ ได้ทำงานร่วมกับเอเจนซี่ และเลือกใช้ Meta Advantage+ Sales Campaign ซึ่งขับเคลื่อนด้วย AI ที่ช่วยวางแผนและปรับกลยุทธ์แบบเรียลไทม์ อีกทั้งนำแนวคิดแบบทดลองและเรียนรู้มาใช้ในการถอดรหัสโซลูชันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ซึ่งเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนภายในเวลาไม่นาน ด้วยจำนวนลีดที่เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า ในขณะที่ต้นทุนต่อลีดก็ลดลงถึง 50% เมื่อเทียบกับแคมเปญ conversion ปกติบนเว็บไซต์

 

 

ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีการแข่งขันสูง และลูกค้าใช้เวลาตัดสินใจซื้อนานขึ้น แสนสิริและเอเจนซี่ iProspect ต้องเผชิญกับความท้าทายในการหาลีดคุณภาพ ทั้งในด้านความแม่นยำและประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โดย คุณกฤศ ภพทองวิเศษ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ iProspect กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ เรามีความกังวลว่า interest targeting โดยใช้ consumer insights อาจมีความเอนเอียง ทำให้เราไม่แน่ใจว่าเรากำลังใช้ศักยภาพของข้อมูลได้อย่างเต็มที่สูงสุดหรือไม่ การนำโซลูชัน AI เพื่อธุรกิจของ Meta เข้ามาช่วย โดยเฉพาะ Conversion Lead Optimization (CLO) และ Advantage+ Catalog Ads (ACA) ช่วยให้เรากำหนดเป้าหมายได้แม่นยำขึ้น เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ตรงจุดมากขึ้น ส่งผลให้จำนวนลีดเพิ่มขึ้น 108% อัตราการแปลงเป็นลูกค้าเพิ่มขึ้น 15% การเข้าถึงขยายขึ้น 48% และต้นทุนต่อผลลัพธ์ลดลงถึง 48% เมื่อเทียบกับแคมเปญปกติ”

วิสัยทัศน์ของ Meta สู่อนาคต

จากการศึกษาของบริษัทวิจัย Gartner คาดว่า ภายในปี 2568 Generative AI จะกลายเป็นพันธมิตรในการทำงานสำหรับ 90% ของบริษัททั่วโลก และภายในปี 2570 กว่า 50%ของโมเดล Generative AI ที่องค์กรต่าง ๆ ใช้งานจะถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับแต่ละอุตสาหกรรมหรือฟังก์ชันเฉพาะทาง ในปัจจุบัน AI ได้กลายเป็นศูนย์กลางของกลยุทธ์แพลตฟอร์มของ Meta โดยเข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงทั้งประสบการณ์ของผู้บริโภคและผลลัพธ์ทางธุรกิจ และปี 2568 จะเป็นอีกปีที่ Meta เดินหน้าลงทุนในเทคโนโลยี AI อย่างต่อเนื่อง

 

ภายในงาน “AI for Business: The Next Generation” ซึ่งเป็นงานแบ่งปันองค์ความรู้ที่จัดโดย Meta พร้อมด้วยพาร์ทเนอร์ผู้ใช้จริงที่มาแบ่งปันประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการใช้งานโซลูชัน AI ของ Meta คุณแพร ดํารงค์มงคลกุล Country Director ของ Facebook ประเทศไทย กล่าวว่า: “Meta มุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้าน AI แห่งอนาคต เพียงในปีนี้ปีเดียว เราลงทุนกว่า 6.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯในเทคโนโลยี AI เพื่อยกระดับประสบการณ์บนแพลตฟอร์มของเราและขีดความสามารถของ AI ให้มีประสิทธิภาพและมีความหมายยิ่งขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคลยิ่งขึ้น (more personal) ขับเคลื่อนการเติบโตมากขึ้น (more growth) และเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าได้มากขึ้น (more conversion)”

“เครื่องมือ AI ของเราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในทุกขั้นตอนของกระบวนการตลาด ตั้งแต่การสร้างโฆษณาจนถึงการขับเคลื่อนยอดขาย โดยเครื่องมือเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานง่ายและเหมาะสำหรับกระบวนการธุรกิจประจำวัน ช่วยเพิ่มยอดขาย ค้นหาลูกค้าใหม่ และลดต้นทุนผ่านการทำงานอัตโนมัติและการสร้างเนื้อหา นอกจากนี้ เครื่องมือของเรายังมีความยืดหยุ่นในการขยายขนาดกลุ่มเป้าหมาย ทำให้ทั้งธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่สามารถได้รับประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน”

“เทคโนโลยี AI ยังคงพัฒนาอย่างรวดเร็ว ด้วยแรงขับเคลื่อนจากนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการที่ธุรกิจจะปรับตัวให้ทันในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลานั้น จำเป็นต้องเริ่มจากการมีแนวคิดที่มุ่งเน้นการทดลองและเรียนรู้ (test-and-learn mindset) โดยขั้นตอนแรกคือการทำความเข้าใจอย่างชัดเจนว่าวิธีการใช้งาน AI แบบใดที่สอดคล้องกับเป้าหมายของธุรกิจคุณ จากนั้นจึงทดลองใช้เครื่องมือ AI ที่หลากหลาย และปรับกระบวนการทำงานให้เหมาะสม ซึ่งจะช่วยเปิดประตูไปสู่โอกาสใหม่ ๆ และสร้างผลลัพธ์ที่เห็นผลชัดเจนอย่างแท้จริง”

 

 

[1] บางตัวอย่างของโมเดล AI ของ Meta ที่พัฒนาขึ้นเพื่อเสริมประสิทธิภาพใหักับผลลัพธ์ของธุรกิจ

 

[ข่าวประชาสัมพันธ์]

 


  •  
  •  
  •  
  •  
  •