โครงการอัปสกิลเยาวชนนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับแบรนด์ แต่จะมีสักกี่โปรเจ็กต์ที่สามารถเปิดเวทีสเกลระดับโลก แล้วผลักดันได้ทั้งการศึกษา-ปั้นนวัตกรรุ่นใหม่-ไปจนถึงนำเสนอไอเดียโซลูชันเพื่ออัปเกรดคุณภาพชีวิตของคนในสังคมแบบจับต้องได้
หนึ่งในโครงการที่ทำได้คือ Solve For Tomorrow 2023 สุดยอดโปรเจ็กต์จากซัมซุงชิ้นนี้ถือเป็นกรณีศึกษาที่ดีมาก สำหรับเคสที่แบรนด์สามารถโฟกัสกับการพัฒนาเยาวชน ซึ่งไม่เพียงแต่ให้ความรู้เฉพาะเชิงวิชาการ แต่ยังเปิดทางให้เด็กรุ่นใหม่ได้เก็บเกี่ยวทักษะแห่งอนาคตที่ไม่มีสอนในห้องเรียน วิธีคิด และวิธีการทำงาน สกิลอื่นที่สำคัญของนวัตกร ที่จะมีความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงสังคม และโอกาสการพัฒนากับผู้เชี่ยวชาญที่ทำให้ไอเดียเกิดขึ้นได้จริง
ซัมซุงเริ่มโครงการนี้ด้วยมุมมองว่าเยาวชนเป็นต้นกล้าแห่งความเปลี่ยนแปลง จึงเริ่มต้นโครงการจากจุดเล็ก ๆ บนความเชื่อว่าอิมแพคที่ซัมซุงสร้างกับเยาวชน จะส่งแรงกระเพื่อมไปสู่การอัปเกรดสังคมวงกว้างในอนาคต ซึ่งหากทำได้ ซัมซุงจะสามารถสร้างอนาคตที่ดีกว่า ผ่านการส่งเสริมไอเดียและการค้นพบครั้งใหม่ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคม
สร้างพลังคน ด้วยสเกลระดับโลก
แก่นของ Solve For Tomorrow คือการเป็นเวทีระดับโลกที่มอบพื้นที่ให้เยาวชนในช่วงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ได้นำเสนอความคิดสร้างสรรค์และใช้ความรู้ความสามารถในการต่อยอด “แนวคิด” ให้กลายเป็น “นวัตกรรม” ที่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมได้จริง ๆ
Solve for Tomorrow นั้นริเริ่มจัดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทยช่วงปี 2020 หลักคิดของซัมซุงในเวลานั้นคือซัมซุงตั้งมั่นที่จะพัฒนาศักยภาพให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ ได้เข้ามาเรียนรู้ เสริมทักษะการเป็นนวัตกร เพื่อนำความรู้ด้านเทคโนโลยี และประสบการณ์จากองค์กรชั้นนำอย่างซัมซุง กลับไปพัฒนา หรือบรรเทาปัญหาในชุมชนของตัวเองให้ดีขึ้น จนถึงปัจจุบันโครงการนี้จัดขึ้นใน 55 ประเทศ และมีเด็ก ๆ ในโครงการกว่า 2 ล้านคนจากทั่วโลก
ในทางทฤษฎี เวทีนี้ถือเป็นโอกาสดีที่น้อง ม. ปลาย จะได้อัปสกิลแห่งอนาคตให้ตัวเองกับผู้เชี่ยวชาญระดับสากล แต่ในทางปฏิบัติ พื้นที่นี้คือช่องทางชั้นยอดในการได้พบเพื่อนใหม่ และการเติมผลงานลงในพอร์ตโฟลิโอ ที่น้อง ๆ จะสามารถใช้ต่อยอดเส้นทางการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยได้ ตรงนี้สอดรับกับซัมซุงที่วางวิสัยทัศน์ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมไว้ว่า ‘Together for Tomorrow! Enabling People’ หรือการ ‘มุ่งสร้างพลังคน มุ่งสร้างอนาคตที่ดีร่วมกัน’ เป็นอีกโครงการที่เสริมจากที่ผ่านมา โดยที่ผ่านมา ซัมซุงได้ทำโปรเจ็กต์ผลักดันการศึกษาให้เยาวชนไทยผ่านความร่วมมือกับรัฐบาลและองค์กรต่าง ๆ ในประเทศ เช่น Samsung Innovation Campus, Samsung Love and Care และอีกหลายโปรเจ็กต์เพื่อผลักดันคนรุ่นใหม่
สำหรับ Solve For Tomorrow 2023 หรือ #SFT_Thailand_2023 ปีนี้ซัมซุงล็อคเป้าไปที่ความท้าทายของเทคโนโลยีที่ยังคงพัฒนาอย่างรวดเร็วและทวีความสำคัญกับชีวิตประจำวันมากขึ้นทุกที ขณะเดียวกันก็ยังคงมองที่เยาวชน และการหาทางสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เข้าร่วมโปรเจ็กต์ออกไอเดียสร้างนวัตกรรมที่เห็นผลจริงเพื่อช่วยปรับปรุงสังคมให้ดีขึ้น ซึ่งสิ่งที่ซัมซุงได้เห็นจากการแข่งขันปีล่าสุด คือแรงผลักดันมหาศาลที่เกิดขึ้นทั่วโลกผ่านโครงการนี้ ที่เต็มไปด้วยไอเดียโซลูชันส์สุดสร้างสรรค์ในธีมหลากหลาย ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน การเรียนรู้และการศึกษา สุขภาวะและการดูแลสุขภาพ รวมทั้งธีมอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งหมดได้ประชันกันภายใต้หัวข้อ MAKE YOUR IMPACT! “คิดแก้ปัญหา พัฒนานวัตกรรม ลงมือทำให้ยั่งยืน” ซึ่งมีนักเรียน, คุณครู และผู้ปกครอง ที่ปรึกษาทีม เข้าร่วมรวม 3,720 คน จาก 945 ทีมทั่วประเทศ
ตัวเลขนี้มีนัยสำคัญ เพราะการเข้าร่วมนั้นสูงกว่าปีที่ผ่านมาถึง 3.2 เท่า ทุกทีมได้ร่วม MAKE YOUR IMPACT! ทั้งคิด-พัฒนา-ลงมือทำบนเป้าหมายปั้นโมเดลธุรกิจที่มีคุณค่าและเป็นจริงได้ในระยะยาว โดยสามารถส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้นอกห้องเรียนได้ชัด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของโครงการนี้
ทำไม Solve For Tomorrow จึงมีเอนเกจเมนต์สูง?
เหตุผลที่ทำให้ Solve For Tomorrow ดึงดูดการมีส่วนร่วมสูงมาก คือ 5 สิ่งที่ผู้เข้าร่วมจะได้รับจากโครงการนี้ ที่เด่นที่สุดคือจุดแรกอย่างหลักสูตรการเทรนด์ Onsite & Online training ที่แค่สมัคร ทุกคนจะได้เข้าเทรนกับซัมซุง 3 วันเต็ม โดยจะได้รับสิทธิ์เข้าอบรมทั้งหมดโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทำให้รอบแรกของการสมัคร มีน้อง ๆ เยาวชน รวมถึงที่ปรึกษาทีมทั่วประเทศร่วม 3,700 คน
หลักสูตรนี้มุ่งพัฒนาทักษะที่เป็นที่ต้องการในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Design Thinking และ Business Model and Entrepreneurship การคิดวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ การทำงานร่วมกับผู้อื่น และการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ ตรงนี้ซัมซุงเน้นการพัฒนาเชิงปฎิบัติผ่านการสอน และการลงมือทำจริงตลอดระยะเวลา 4 เดือนในโครงการ
สิ่งที่ 2 คือคุณภาพของผู้สอน ซัมซุงคัดเฉพาะผู้มีประสบการณ์การสอนจากทั้งในและต่างประเทศ อยู่ในสนามการทำงานจริง และเป็นคนที่มีใจต้องการพัฒนาเยาวชนของชาติอย่างแท้จริง ขณะที่สิ่งที่ 3 คือทุนสนับสนุนจากโครงการเพื่อพัฒนาไอเดียต่อ และโอกาสพัฒนาโปรเจกต์ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการแนะนำจาก สวทช.ซึ่งจะช่วยดึงศักยภาพของน้อง ๆ ให้ออกมาอย่างเต็มที่ และตอบโจทย์กับโครงงานที่เยาวชนพัฒนาขึ้นมามากที่สุด
ตัวอย่างที่เห็นชัดในส่วนนี้ คือซัมซุงได้เลือกแมทช์กลุ่มที่พัฒนาแอปพลิเคชั่นกับอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ ขณะที่บางกลุ่มที่ทำเรื่องสุขภาพ ได้เข้าปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการแพทย์ ซึ่งการ Matching แบบนี้นำไปสู่การที่เด็ก ๆ จะได้ insight จริงจากผู้เชี่ยวชาญ และได้ต่อยอดทักษะที่ตัวเองสนใจแบบตรงจุด นำไปสู่การพัฒนา prototype ที่มีคุณภาพ และจับต้องได้จริงมากขึ้น
สิ่งที่ 4 คือทีมชนะเลิศได้เดินทางไปทัศนศึกษาที่ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) เป็นการเสริมสร้างประสบการณ์กับนวัตกรรมระดับโลก ได้เยี่ยมชมทั้ง Samsung Head quarter ที่เมืองซูวอน, เข้าชม Samsung Innovation Museum และ ExHome สมาร์ทโฮมของซัมซุงที่ใช้ระบบ IoT ควบคุมทั้งหลัง ผ่านแอปพลิเคชัน SmartThings
และสิ่งที่ 5 คือทุกคนที่สมัครเข้าร่วมโครงการจะได้ประกาศนียบัตร ที่ลงนามโดย ท่านเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สพฐ. และ ท่านประธาน บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เป็นการเสริม Portfolio ให้กับตัวเองในการเข้ามหาวิทยาลัย น้องสามารถมาเก็บประสบการณ์ ค้นหาตัวตน หาแรงบันดาลใจให้เจอ เพื่อต่อยอดเส้นทางในการศึกษาต่อมหาวิทยาลัยได้
ยังมีอีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้ 5 ข้อที่กล่าวมา นั่นคือเพื่อนใหม่ ซึ่งทุกคนที่เข้าร่วมได้มีโอกาสพบปะและพูดคุย คู่ไปกับการเติมสกิลหรือทักษะใหม่ให้กับตัวเอง
อัปเกรดรอบด้าน สุขภาพ-ไลฟ์สไตล์-เกษตร
จาก 20 ทีมที่ผ่านการคัดเลือกและได้รับทุนวิจัยและพัฒนาโครงงาน ทีมละ 5,000 บาท พร้อมกับอุปกรณ์สนับสนุนจาก Samsung สำหรับใช้งานตลอดระยะเวลาเข้าร่วมโครงการ จนถึงรอบชิงชนะเลิศ 10 ทีมจากทั่วประเทศที่เดินทางมายังกรุงเทพฯ เพื่อขึ้นเวทีนำเสนอโครงการ และสาธิตการใช้งานนวัตกรรมจริงต่อหน้าคณะกรรมการ 5 ท่าน ปรากฏว่าทีมชนะเลิศและรองชนะเลิศนั้นปักหลักใช้เทคโนโลยีแก้ปัญหารอบด้านในสังคมปัจจุบัน ทั้งด้านสุขภาพ ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต และการเกษตรได้อย่างน่าสนใจ
ตัวอย่างเช่น KidneyLifePlus+ เป็นทีมที่คว้ารางวัลชนะเลิศจากนวัตกรรมเครื่องมือสำหรับคัดกรองโรคไตวายเรื้อรังอย่างมีประสิทธิภาพผ่านทางเรติน่าในดวงตา เป้าหมายคือการเพิ่มอัตราการเข้าถึงการคัดกรองโรคที่มีค่าใช้จ่ายน้อยและรู้ผลทันที
ขณะที่ทีม PAM ได้นั่งเก้าอี้ทีมรองชนะเลิศ ด้วยโครงงานนวัตกรรมแอปพลิเคชันที่เพิ่มตัวเลือกในการหาที่จอดรถให้กับคนที่ขับรถในเมือง
ขณะที่ทีม PPK DREAM TEAM รับรางวัลรองชนะเลิศด้วยนวัตกรรมเครื่องหยอดน้ำกรดยางพารา 2 in 1 ช่วยลดเวลาให้เกษตรกร และทีม “ทำงานจนใกล้เป็น Stroke” ได้พัฒนานวัตกรรม DooLare แอปพลิเคชันเพื่อสังเกตอาการผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและขอความช่วยเหลือให้ทันเวลา จนเข้าตากรรมการรับรางวัลรองชนะเลิศไป
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งขององค์ประกอบที่ทำให้ Solve For Tomorrow 2023 กลายเป็นอีกสุดยอดโปรเจ็กต์อัปสกิลเยาวชนระดับโลก ใครที่ต้องการศึกษาการทำงานของแบรนด์ที่สามารถแจ้งเกิดนวัตกรรมเปลี่ยนแปลงสังคมแบบจับต้องได้ ด้วยการผลักดันการศึกษาและจุดแรงบันดาลใจเพื่อปลุกปั้นนวัตกรตัวจริง สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.facebook.com/samsungcsrth และ https://csr.samsung.com/th/main.do ซึ่งการรับสมัครจะเกิดในเดือนพฤษภาคมของทุกปี
#SFT_Thailand_2023 #SolveforTomorrow #enabling_people #SamsungTH #SamsungCSRTH
#MakeYourImpact #ปัญหามีไว้ให้Solve #BusinessModel #Entrepreneur #SocialEntreprise
#ผู้ประกอบการ