ในยุคที่โซเชียลมีเดียกลายเป็นพื้นที่แข่งขันที่หลายธุรกิจพยายามทุ่มงบมหาศาลไปกับการโฆษณา และสร้างกลยุทธ์ที่หวือหวาเพื่อแย่งความสนใจจากผู้บริโภค แต่ความจริงก็คือ ‘เสียงดัง’ ไม่ได้แปลว่าจะเข้าถึงใจเสมอไป
ทุกวันนี้เราจึงเห็นโมเดลหนึ่งที่น่าสนใจ และกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว นั่นคือ Shopee Affiliate Marketing ที่เปิดโอกาสให้ ‘พาร์ตเนอร์’ ส่งต่อสินค้า และบริการไปยังกลุ่มเป้าหมาย แทนที่จะให้แบรนด์พูดเองทั้งหมด เพราะสิ่งที่ผู้บริโภคในยุคนี้ต้องการคือ ความน่าเชื่อถือ ความจริงใจ และประสบการณ์ที่จับต้องได้ ทำให้ ‘เสียงของนักรีวิวที่จริงใจ’ กลายเป็นพลังที่เข้าถึงใจผู้บริโภคได้มากกว่า
เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น วันนี้อยากชวนไปพูดคุยกับ 8 Shopee Affiliate Creator ผู้ชนะจากแคมเปญ ‘Shopee Affiliate World Tour’ ซีซันแรก ถึงแนวทางการใช้ Shopee Affiliate อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมแชร์มุมมองถึงโอกาส ไปจนถึงการเผชิญหน้ากับความท้าทายที่เกิดขึ้น ท่ามกลางกระแสการตลาดที่ไม่หยุดนิ่งแบบนี้
แรงบันดาลใจไม่ต้องหรูหรา แค่เริ่มเล่าจากสิ่งที่มี
สิ่งที่น่าสนใจคือ ครีเอเตอร์ผู้ชนะทั้ง 8 คนนั้นมีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่มีจุดร่วมเดียวกัน คือการเริ่มจากหยิบจับสิ่งเล็กๆ ใกล้ตัว มาเล่าประสบการณ์การใช้งาน หรือทดลองโพสต์เล่นๆ บนโซเชียล โดยตอนนั้นก็ไม่มีใครคาดคิดว่าจะกลายมาเป็น ‘อาชีพ’ และ ‘ความสำเร็จ’ ที่จับต้องได้ในวันนี้
สำหรับ วุฒิพงษ์ ลิขิตชีวัน (ตี๋โอ) และ นพรัตน์ สิทธิเสรี (หมอนัท) มองว่าการเริ่มต้นทำ Shopee Affiliate ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะมีสิ่งที่อยากเล่าอยู่แล้ว จากประสบการณ์การใช้สินค้าที่ตนเองชอบ และเชื่อถือจริงๆ โดยมีความเชื่อว่า การรีวิวที่ดี คือการรีวิวจากการใช้งานจริงๆ ทั้งข้อดี และข้อเสีย ไม่ใช่การเล่าสรรพคุณเหมือนคำโฆษณาทั่วไป
“จุดเริ่มต้นของตี๋โอมาจากความชอบส่วนตัวในการแชร์ไอเดียและของที่ตี๋โอใช้แล้วรู้สึกว่ามันดี อยากบอกต่อให้คนอื่นได้ลองใช้เหมือนกัน พอเห็นว่า Shopee Affiliate เปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์สามารถสร้างรายได้จากการรีวิวของที่ชอบอยู่แล้ว ก็ลองทำดู จนในที่สุดก็ได้ผลลัพธ์ที่เกินคาด” – วุฒิพงษ์ ลิขิตชีวัน (ตี๋โอ)
ด้านคุณเขมชาติ กันภัย (POLYPIG_REVIEW) และคุณนันทพงศ์ จงประทีป (Papayatop) เริ่มต้นจากการเป็นยูทูบเบอร์สายรีวิวบนแพลตฟอร์ม YouTube อยู่แล้ว และได้รับความเชื่อถือจากฐานแฟนคลับไม่น้อย จนสามารถต่อยอดมาสู่การเป็น Shopee Affiliate Creator ได้ในที่สุด
ส่วนคุณไอยดา ไชยพันธ์ (แม่ก้อย) และคุณนพรัตน์ สิทธิเสรี (หมอนัท) สะท้อนภาพของ ‘แม่’ ที่หยิบของรอบตัวมาเล่า และรีวิวไปพร้อมกับการสร้างรายได้ เกิดเป็นโอกาสเล็กๆ ในการเลี้ยงดูครอบครัว จนกลายเป็นแรงผลักดันให้ทำต่อ และไปไกลกว่าที่คิดไว้ตอนแรกเสียอีก
คุณปุ้มปุ้ย พรรณทิพา อรุณวัฒนชัย เริ่มต้นอย่างเรียบง่าย โดยเห็นเพื่อนแชร์ลิงก์ Affiliate บนโซเชียล เธอจึงลองทำตามโดยไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เมื่อพบว่า ‘สิ่งเล็กๆ นี้ทำรายได้จริง’ ความตั้งใจนี้ก่อตัวป็นเส้นทางใหม่ที่มาพร้อมแรงบันดาลใจ
สุดท้ายคุณปทาน อุ้มมีเพชร (James500fedfe) เป็นตัวแทนของคนที่ชอบ ‘ทดลอง’ อยู่แล้ว ไม่ได้มีจุดเริ่มต้นมาจากแผนที่ชัดเจน แต่ลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดก็พบว่าสิ่งที่ใช่สำหรับตัวเองคือการรีวิวอย่างจริงใจ และสร้างความต่างด้วยสไตล์การเล่าเรื่อง
“เป็นคนที่ชอบลองของอยู่แล้ว เลยลองโน่นนี่ หาสิ่งที่เข้ากับตัวเอง และคนดูชอบด้วย ซึ่งจริงๆ ตัวเองก็ไม่ได้เก่งอะไรแค่ทำไปเรื่อยๆ แต่อาศัยทำอย่างต่อเนื่อง เพราะสุดท้ายคือมีอยู่แล้วล่ะคนที่ชอบเหมือนเรา และซื้อตามเรา” – ปทาน อุ้มมีเพชร (James500fedfe)
เปิดกลยุทธ์ลับ 8 ครีเอเตอร์ ทำไมถึงชนะใจผู้ติดตาม
เมื่อถามถึงเคล็ดลับของครีเอเตอร์ทั้ง 8 คน หลายคนอาจคาดหวังคำตอบที่ซับซ้อนหรือสูตรลับบางอย่าง แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่างจริงๆ กลับเรียบง่ายกว่านั้นมาก สิ่งสำคัญที่สุดคือ ‘ความจริงใจ’ และ ‘การเลือกช่องทางที่ใช่’ เพราะในโลกของคอนเทนต์ ถ้าผู้ติดตามสัมผัสได้ว่าครีเอเตอร์พูดจากประสบการณ์จริงและเลือกเล่าในพื้นที่ที่ถนัด ความน่าเชื่อถือจะเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องเสริมแต่งมากมาย
- เลือกแพลตฟอร์มตามสไตล์
แต่ละคนเลือกพื้นที่ที่เหมาะกับวิธีเล่าเรื่องของตัวเอง
– (POLYPIG_REVIEW และ Papayatop เลือก YouTube เพราะต้องการรีวิวละเอียดสำหรับสินค้าที่มีมูลค่าสูง ผู้ชมกลุ่มนี้อยากได้ข้อมูลครบถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อ ทำให้วิดีโอรูปแบบยาว กลายเป็นจุดแข็งที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่น
“ส่วนตัวทำ Multi Platform ครับ แต่สำหรับ Youtube คิดว่าเป็นช่องทางสามารถนำเสนอข้อมูลอย่างละเอียดกว่าช่องทางอื่นๆ ที่เน้นเร็ว กระชับ แต่อาจมีข้อมูลหลายอย่างไม่ครบ” – Papayatop
– คุณหมอนัท นพรัตน์ และ คุณชัยชนะ มองว่า Shopee Video ตอบโจทย์กว่า เพราะเข้าถึงง่าย แค่ถ่ายผ่านมือถือก็สามารถรีวิวได้ทันที ดูเป็นธรรมชาติและจริงใจมากขึ้น อีกด้านหนึ่ง
– คุณปุ้มปุ้ย พรรณทิพา ใช้ Instagram Story เพื่อสื่อสารแบบ Real-time ป้ายยาแบบสั้นๆ แต่ได้ผลดีเพราะผู้ติดตามรู้สึกเหมือนฟังคำแนะนำจากเพื่อนสนิท
“มองว่า IG Story เป็นการป้ายยาที่จริงใจ ปกติแล้วพฤติกรรมของคนที่ลงสตอรี่ก็จะลงอะไรที่เป็นความจริง ลงเป็น Real-time พอครบ 24 ชั่วโมงมันก็จะหายไป คนดูก็เลยจะรู้สึกถึงความจริงใจของมัน ก็เลยคิดว่าช่องทางนี้น่าจะเหมาะกับปุ้ยมากที่สุด” – คุณปุ้มปุ้ย พรรณทิพา
- ใช้ประสบการณ์จริงเป็นอาวุธ
สิ่งที่ทุกคนย้ำตรงกันคือ ต้องใช้สินค้าจริง แต่วิธีการเล่าสามารถแตกต่างกันไปได้ เช่น
– คุณตี๋โอที่เล่าวิธีใช้แบบลงลึก
– คุณแม่ก้อยที่หยิบของในบ้านมารีวิวแบบคุณแม่บ้าน
โดยผู้ชมจะแยกออกได้ทันทีว่ารีวิวนั้นเกิดจากการใช้จริงหรือเพียงแค่พูดตามบท การสื่อสารด้วยประสบการณ์ตรงจึงกลายเป็น ‘อาวุธลับ’ ที่ทำให้รีวิวของพวกเขามีน้ำหนักมากกว่าคำโฆษณา
- ทำต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
ความสำเร็จไม่ได้เกิดจากคลิปเดียวที่ไวรัล แต่เกิดจากการลงมือทำซ้ำๆ จนผู้ติดตามเริ่มคุ้นเคยกับตัวตนและสไตล์การเล่า
– คุณ James500fedfe ที่ทดลองไปเรื่อยๆ กว่าจะเจอแนวที่ใช่ แต่เพราะเขาไม่หยุดพัฒนา จึงสร้างฐานผู้ติดตามที่มั่นคงได้
– คุณหมอนัทนพรัตน์ที่ย้ำเสมอว่า “ถ้าอยากให้คนเชื่อถือ ต้องมีผลงานต่อเนื่องให้เห็น” ความสม่ำเสมอนี้เองที่ทำให้ทุกคนมีโอกาสเติบโตระยะยาว
- ยืนข้างผู้บริโภค
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผู้ชมไว้วางใจคือการเลือก ‘ยืนข้างผู้บริโภค’ ไม่ใช่แค่เป็นกระบอกเสียงของแบรนด์เพียงอย่างเดียว เช่น
– คุณเขมชาติ (POLYPIG_REVIEW) เล่าว่า การเล่าในมุมที่ผู้ชมได้ประโยชน์จริงๆ ซึ่งทำให้ช่องของเขาได้รับความเชื่อถือ และสร้างรายได้จาก Shopee Affiliate อย่างมั่นคงกว่าในระยะยาว
“ผมอยู่ข้างคนดูมากกว่า ข้อเสียคืออาจจะไม่ได้งานจ้างจากแบรนด์มากนัก แต่ข้อดีคือมันทำให้ผมสร้างรายได้จาก Shopee Affiliate ได้อย่างมั่นคง เพราะผมจะคิดถึงเงินของคนดูเสมอ ไม่ปั่นให้ FOMO (Fear of Missing Out) และไม่สนับสนุนให้ใช้จ่ายเกินตัว” – คุณเขมชาติ กันภัย (POLYPIG_REVIEW)
ทั้งหมดนี้อาจดูเหมือนกลยุทธ์ที่ต่างกันไป แต่เมื่อมองในภาพรวมแล้ว สิ่งที่ทุกคนทำเหมือนกันคือการสร้าง “ตัวตนที่น่าเชื่อถือ” ให้กับผู้ติดตาม ความจริงใจที่สะท้อนออกมาผ่านคอนเทนต์ ไม่เพียงช่วยเพิ่มยอดขาย แต่ยังสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวระหว่างครีเอเตอร์กับผู้ชมได้อย่างยั่งยืน
ก้าวแรกของการเดินทางที่รอคอย
ทั้ง 8 ครีเอเตอร์ผู้ได้รับรางวัลตั๋วเครื่องบิน First Class หรือ Business Class จากแคมเปญ ‘Shopee Affiliate World Tour’ ต่างเริ่มเตรียมตัวสำหรับการเดินทางครั้งพิเศษไปยังประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นการจัดกระเป๋า หาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว หรือวางแผนช้อปปิ้งที่อยากไปเยือน ทุกอย่างเต็มไปด้วยความคาดหวังและรอยยิ้ม
“เตรียมตัวแน่นมากค่ะ เพราะเป็นการไปญี่ปุ่นครั้งแรก วางแผนเที่ยวแบบจัดเต็มทั้งกิน เที่ยว ช้อป เพื่อให้เป็นทริปในฝันที่น่าจดจำที่สุด เพราะคือประเทศแรกที่อยู่ในใจมาตลอด ดีใจมากๆ ที่ได้รางวัลจากกิจกรรมดีๆ ที่ทางช้อปปี้จัดขึ้นมา ยิ่งได้ไปแบบบิสซิเนสคลาส ก็ยิ่งว้าวเข้าไปอีกค่ะ” – คุณหมอนัท นพรัตน์
บางคนตั้งใจใช้โอกาสนี้เป็นทริปเติมแรงบันดาลใจ ทั้งเรื่องการสร้างคอนเทนต์และการใช้ชีวิต บรรยากาศจึงผสมผสานทั้งความสุข ความสนุก และความภูมิใจที่มาจากความพยายามตลอดเส้นทางที่ผ่านมา
เปิดเคล็ดลับถึง Season 2 ที่กำลังจะตามมา
ครีเอเตอร์ทั้ง 8 คนยังฝากเคล็ดลับเล็กๆ ไว้ให้คนที่อยากเริ่มต้นเส้นทางแบบเดียวกัน โดยสรุปได้เป็น 3 ข้อ
- ความสม่ำเสมอ: ต่อให้ไม่มีไอเดียแปลกใหม่ทุกครั้ง แต่ถ้าทำอย่างต่อเนื่อง คนดูก็จะเห็นการพัฒนาและความจริงใจที่ส่งผ่านมาในทุกคลิป
- ใช้ประสบการณ์จริง: คอนเทนต์ที่มาจากการใช้จริงและพูดในแบบที่เป็นตัวเอง จะสร้างความน่าเชื่อถือมากกว่าการพยายามนำเสนอให้ดูสวยเกินจริง
- ไม่กลัวที่จะเริ่มช้า: การลองผิดลองถูกอาจใช้เวลานาน แต่กลับช่วยให้เจอ “แนวทางที่ใช่” ซึ่งยั่งยืนกว่าการเร่งรีบหาความสำเร็จ
“อย่างแรกที่เราควรบอกกับตัวเองคือเราทำมันได้แน่นอนค่ะ เราจะได้ยอดแสนยอดล้านแน่นอนค่ะ ขอแค่เราคิดว่าเราได้ และลงมือทำในทุกๆ วัน ไม่สำคัญว่าใครมาก่อนหลังแต่ขอให้เราแน่วแน่ในเป้าหมายทุกวัน แล้วเราจะขอบคุณตัวเองเหมือนที่แม่ขอบคุณตัวเองที่สมัคร และเริ่มไลฟ์ตั้งแต่วันนั้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือสินค้าที่เป็นตัวเองนะคะ” – คุณไอยดา ไชยพันธ์
เคล็ดลับเหล่านี้แม้ฟังดูเรียบง่าย แต่ถูกพิสูจน์ให้เห็นแล้วคือ พลังของการเริ่มต้นเล็กๆ อย่างจริงใจ สามารถขับเคลื่อนความฝันให้เป็นจริงได้
ในเดือนกันยายนนี้ Season 2 กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง พร้อมโอกาสใหม่ที่กำลังจะเปิดให้กับทุกคนไม่จำเป็นต้องมีผู้ติดตามเป็นหมื่น หรือมีอุปกรณ์ถ่ายทำราคาแพง เพราะสิ่งที่ Shopee มองหาคือ ‘ตัวตนจริง’ และ ‘ความตั้งใจจริง’ ที่จะเล่าเรื่องสินค้าในแบบที่เป็นตัวเอง
