“เจาะลึกเทคนิคการตลาดดิจิทัล ต้องทำอย่างมี STEPS”

  • 597
  •  
  •  
  •  
  •  

STEPS_1

ตามสถิติของเว็บไซต์หางานอย่าง JOBSDB.COM บริษัทในประเทศไทยต้องการพนักงานที่มีทักษะทางด้านดิจิทัลอยู่ 4,800 คน ในขณะที่มีพนักงานที่มีทักษะดิจิทัลอยู่แค่ 700 คน และ 700 คนที่ว่าก็ไม่ได้มีทักษะดิจิทัลที่เก่งจริงๆ

การตลาดดิจิทัลจึงกลายเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับนักการตลาดและผู้ประกอบการอย่างมาก ทำให้ “เอมี่-ณัฐวีร์ ตันติสัจจธรรม” สาวเก่งในอายุเพียง 29 ปี ลุกขึ้นมาสร้างสรรค์สถาบันสอนหลักสูตร Digital Marketing อย่าง “STEPS Training” ที่สร้างบุคลากรที่มีคุณภาพเพื่อยกระดับวงการดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งเมืองไทย

STEPS_2

วันนี้ Marketing Oops! ได้มาสัมภาษณ์แบบ Exclusive กับสาวเก่งคนนี้กับความฝันและวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นจะเป็นส่วนหนึ่งในการติดอาวุธการตลาดดิจิทัลให้คนไทยเป็นผู้ประกอบการและนักการตลาดที่ทัดเทียมกับต่างประเทศ ประสบการณ์และมุมมองของสาวเก่งคนนี้ ต่ออนาคตของวงการดิจิทัลจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องอ่าน!

เตรียมตัวเองเข้าสู่สนามธุรกิจเทรนนิ่งตั้งแต่เด็ก

ถ้าคุณถามเพื่อนๆ ว่าตอนเด็กๆ เสาร์อาทิตย์ทำอะไรบ้าง เพื่อนคุณอาจจะตอบว่าไปเที่ยวบ้าง เรียนพิเศษบ้าง ทำงานบ้านบ้าง

แต่ถ้าคุณถามผู้หญิงคนนี้ คุณจะรู้ว่าถ้าไม่ได้ไปเรียนพิเศษ เธอก็จะใช้เวลาวันหยุดไปช่วยธุรกิจฝึกอบรมของครอบครัว และเข้าร่วมงานสัมมนาเป็นประจำ การได้ฝึกอ่านหนังสือพัฒนาตัวเองและบริหารธุรกิจเป็นภาษาอังกฤษเป็นการซึมซับการเรียนรู้ภาษาและความรู้ด้วยตัวเองมากกว่าเรียนในห้องเรียนที่ครูสอนคนเดียว ในรูปแบบเดียว แต่หวังให้เด็กนักเรียน 40-50 คนเข้าใจอย่างเดียวกันพร้อมกันหมด

ทั้งๆ ที่แต่ละคนเก่งไม่เหมือนกัน และเข้าใจเนื้อหาในรูปแบบที่ต่างกัน

เมื่อเข้าเรียนบริหารธุรกิจระหว่างประเทศที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ความทะเยอทะยาน ความกดดันจากการแข่งขันกับเพื่อนๆ เป้าหมายที่ต้องมี การมองโลก ความรับผิดชอบ การรู้จักเจรจาต่อรอง การนำเสนองาน การทำงานเป็นทีม การตัดสินใจ และยังได้ร่วมงานสัมมนาที่ต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทำให้เธอได้มีโอกาสเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ชีวิตจริง

ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่สำเร็จ: จุดเริ่มต้นของการทำการตลาดบน Facebook และเว็บไซต์

จนกระทั่งเธอได้ทำงานให้กับบริษัทของพรีเมี่ยมและออกบูธในงาน Gift Fair ทำให้ เข้าใจถึงความสำคัญของการทำการตลาดออนไลน์เป็นครั้งแรก

“เคยไปออกบูธในงาน Gift Fair ข้างๆ เห็นร้านแบรนด์สมุดเครื่องเขียนของเกาหลี ร้านนั้นขายดีมาก มีคนยืนมุงเต็มไปหมด ในขณะที่บูธของเรานั่งตบยุง พอดีเห็นร้านนั้นมีป้ายเชิญให้คนมากด Follow ร้านของเขาบน Facebook มีคนสนใจมาถามสินค้าบน Facebook เราถึงเพิ่งเข้าใจว่าก็ร้านของเราดันไปสื่อสารผิดที่ เราเลยลองทำแบรนด์ลง Facebook ดูบ้าง ก็มีคนถามเข้ามาว่าร้านของเรามีเว็บไซต์หรือไม่ เขาไม่ได้ถามหาแค่ Social Media แต่บริษัทของเรามีงบน้อยที่จะจ้างคนพัฒนาเว็บไซต์ เราก็เลยทำได้แค่เรียนรู้เว็บไซต์จากซัพพลายเออร์ ตอนนั้นคนมองว่าการทำเว็บไซต์นั้นต้องลงทุนสูงและไม่ได้ประโยชน์อะไร เราก็เลยต้องนำเว็บไซต์ตัวอย่างมาพรีเซนต์ ต้องหาลูกค้าเอง ศึกษาเอง พัฒนาเว็บเอง เลยรู้ว่าทำเว็บไซต์ทำอย่างไร สุดท้ายก็ได้เจ้าที่ทำเว็บไซต์ได้ตามงบที่มีและขายของได้ ทำให้การทำงานเป็นเรื่องที่ท้าทาย”

อย่าให้ใครมาบอกว่าคุณเด็กเกินไปที่จะประสบความสำเร็จ

สมัยก่อนถ้าคุณนึกถึงวิทยากรพูดตามงานสัมมนา คุณต้องนึกถึงคนอายุราว 40 ปี จบปริญญาเอก ใส่สูทใส่แว่น เป็นค่านิยมของเมืองไทยที่ทำให้คนที่ฝันอยากเป็นวิทยากรตั้งแต่เด็กต้องท้อแท้ ได้แต่ทำงานหาประสบการณ์ต่อไป ไม่เว้นแต่สาวเก่งคนนี้ก็มีเหตุการณ์มาพิสูจน์ใจในช่วงอายุ 24 – 25 ปีเช่นกัน

แต่นี่คือสิ่งทำให้คุณณัฐวีร์ตัดสินใจไม่ทำงานประจำและหันมาทำธุรกิจเทรนนิ่งสายการตลาดดิจิทัล

STEPS_3

“ทุกครั้งที่ได้งาน ก็มักจะมีโอกาสที่คุณพ่อส่งเราไปสัมมนาทุกครั้ง จนสุดท้ายก็ได้งานที่เอเจนซี่เจ้าหนึ่ง แต่ก่อนทำงานก็ขอไปเข้าสัมมนาดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งที่ต่างประเทศ 1 อาทิตย์ แล้วจะกลับมา แต่พอเข้างานนี้ เราเปลี่ยนความคิดไปเลย เราได้เจอคนหลายชาติ เค้าคิดอีกแบบหนึ่ง ในงานมีมีเวิร์คช็อปทำ Copywriting ทำคอนเทนต์ ทำโมเดลธุรกิจ ทำ Sales Funnel ก่อนกลับ ก็ได้เจอผู้บริหารหลักทรัพย์รายใหญ่ของมาเลเซีย เราบอกเขาไปว่าเราจะกลับไปทำงานประจำ เพราะเราเด็กเกินไป เขาก็บอกว่าใครบอกว่าคุณเด็กเกินไปที่จะประสบความสำเร็จ? ใคร? เป็นใคร? แล้วก็ทิ้งท้ายกับเราว่าอย่าได้กลับไปทำงานประจำ ให้ทำสิ่งที่เราอยากทำจริงๆเถอะ”

กลายเป็นจุดที่ทำให้เธอ “Kick Off” เปิดตัวธุรกิจเทรนนิ่งพัฒนาทักษะการตลาดดิจิทัลในปี 2014

อะไรคือโจทย์ใหญ่ที่ SMEs และบริษัทยักษ์ใหญ่ต้องแก้?

SMEs ต้องการประหยัดงบแต่การขยายฐานลูกค้า ฟังดูไม่น่าเป็นไปได้เลยหากทำการตลาดกับลูกค้าขาประจำและบอกต่อผ่านเพื่อนและญาติพี่น้องอย่างเดียว หากใครทำธุรกิจที่บ้านก็จะรู้ว่าคนรุ่นหนึ่งอยากให้พนักงานทำงานแบบเดิมๆ แต่คนรุ่นสองอยากทำงานในรูปแบบใหม่ๆเพื่อขยายฐานธุรกิจ ยิ่งใครอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองแล้ว การตลาดดิจิทัลจะมาตอบโจทย์ของ SMEs ทั้งหมดเพราะนอกจากจะมีต้นทุนต่ำกว่าการเปิดหน้าร้านแล้ว ยังเป็นเรื่องของความภาคภูมิใจในตัวเองด้วย

ส่วนองค์กรใหญ่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องงบเหมือน SMEs แต่มีปัญหาเรื่องขาดคนที่มีทักษะ

STEPS_4

“SMEs มีขนาดเล็ก ปรับตัวง่าย แต่คนระดับบนในบริษัทใหญ่จะไม่เข้าใจ ยังคิดว่าเคยทำแบบนี้มาแล้วมันสำเร็จ แต่กว่าจะปรับตัวเปิดรับสิ่งใหม่ก็สายไปแล้ว งานออนไลน์ในบริษัทจะมีรายละเอียดเยอะกว่าออฟไลน์ แต่ขาดคนมาทำงาน บริษัทส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาเรื่องของงบแต่มีปัญหาขาดคนที่มีทักษะ ขาดคน หาคนไม่ได้ นักการตลาดอายุ 30 ปีกว่าหนังสือการตลาดยังไม่ได้มีพูดเรื่องของการตลาดออนไลน์ พอพวกนี้เข้ามาทำงานด้านนี้ ก็ต้องรับงานหนัก”

สิงคโปร์เตรียมคนให้มีทักษะดิจิทัลตั้งแต่อายุ 15 ปี แล้วประเทศไทยอยู่ที่ไหน?

ตามสถิติของเว็บไซต์หางานอย่าง JOBSDB.COM บริษัทต้องการพนักงานที่มีทักษะทางด้านดิจิทัลอยู่ 4,800 คน ในขณะที่พนักงานที่มีทักษะดิจิทัลอยู่แค่ 700 คน

ตลกร้ายก็คือ 700 คนที่ว่าก็ไม่ได้มีทักษะดิจิทัลที่เก่งจริงๆ

“สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะการศึกษาในบ้านเราส่วนใหญ่แต่ก่อนยังไม่มีสอน นอกจากหลักการพื้นฐานอย่าง 4P และการวางแผนการสื่อสารการตลาดแบบออฟไลน์ แต่ไม่รู้จักการใช้ Influencer ออนไลน์ การทำ Search Engine Optimization การวางแผนเพิ่มจำนวนคนดูในสื่อออนไลน์ ศัพท์เทคนิคอย่าง CPR และ CPC จึงต้องเรียนรู้และฝึกฝนเอาเอง ในขณะที่สิงคโปร์เตรียมพร้อมคนให้มีทักษะดิจิทัลตั้งแต่อายุ 15 ปี ประเทศไทยจึงขาดแคลนพนักงานที่เก่งทักษะด้านนี้จริงๆ”

เธอจึงมองว่าอีก 2-5 ปีข้างหน้าประเทศไทยจำเป็นต้องมี HR Center สำหรับฝึกอบรมคนให้พร้อมทำการตลาดดิจิทัล มีความรู้และทักษะที่เท่าทันต่างประเทศ ให้เริ่มเข้าใจว่าการทำการตลาดดิจิทัลไม่ใช่แค่ทำบน Social Media ไม่ใช่แค่ทำโฆษณาบน Facebook ไม่ใช่ใช้แต่คำว่า Digital 4.0 โดยที่ไม่เข้าใจความหมายของมัน และไม่ใช่แค่ทำวีดีโอให้เกิดกระแสไวรัลเท่านั้น

ทำไม “ประสบการณ์การเรียนรู้” ถึงสำคัญที่สุด?

หากใครที่กำลังทำธุรกิจเทรนนิ่งฝึกอบรมจะเข้าใจเป็นอย่างดี เพราะงบที่บริษัทจะตัดเป็นอย่างแรกคืองบการฝึกอบรมพัฒนาพนักงาน เธอจึงมองว่าการทำธุรกิจแบบนี้ ประสบการณ์การเรียนรู้ของคนเรียนนั้นสำคัญที่สุด

STEPS_5

“การทำธุรกิจนี้ยากเพราะบริษัทไทยส่วนใหญ่เขาจะตัดงบเทรนนิ่งอย่างแรก มันท้าทายมาก เราเลยมีทางเลือกสองทาง คือถ้าไม่เลิกทำ ก็ต้องทำให้เขาเห็นคุณค่า แล้วเราก็เลือกอย่างหลัง เราเชื่อว่าถ้าเราทำสินค้าให้ดี ออกแบบประสบการณ์การเรียนรู้ให้ดี มีการประเมินและพัฒนาตลอด คนก็จะเห็นคุณค่าของการฝึกอบรมในที่สุด วัฒนธรรมของบริษัทจึงสำคัญมาก ถ้าเกิดว่าคุณคิดว่าเป้าหมายของบริษัทคือการทำกำไรสูงสุด คุณก็จะทำงานผิดทาง พนักงานก็จะทำงานในอีกรูปแบบหนึ่ง มันต้องฝังวัฒนธรรมการเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด ถ้าเขาเรียนรู้ได้มากขึ้น เขาก็จะเรียนรู้ได้มากขึ้น เมื่อเห็นคุณค่าในสิ่งที่ทำแล้วมูลค่าหรือผลตอบแทนก็จะตามมา”

เรียนรู้การตลาดดิจิทัล ต้องเรียนแบบมี “STEPS”

STEPS คือขั้นบันไดที่คนจะได้เติบโตทีละขั้น เธอจึงใช้ชื่อนี้ เพราะป็นชื่อที่ฟังง่าย พร้อมกับวิสัยทัศน์ที่ว่า หากใครอยากเรียนรู้เกี่ยวกับการตลาดดิจิทัล ก็อยากให้นึกถึง STEPS Training พอเข้ามาก็จะมีการประเมินผลว่าความรู้เรื่องดิจิทัลอยู่ในระดับไหน แล้วเราจะจัดหลักสูตรที่เหมาะสมให้สำหรับคนนั้น

STEPS_6

“หน้าที่ของ STEPS คือเปิดมุมมองใหม่ให้คนที่จะทำงานในสายดิจิทัลเห็นว่ามันมีมากกว่าการเอาเงินไปให้เอเจนซี่ แล้วบอกว่า เอาไปทำอะไรก็ได้นะ ไปทำหนังให้เรื่องหนึ่ง มันไม่ใช่แค่ยิงโฆษณาบน Facebook เราต้องทำให้เขาได้ไอเดีย และต้องลงมือทำอะไรสักอย่างได้แล้ว รู้ว่าทักษะในด้านดิจิทัลที่จะไปเสนอกับเจ้านายและทีมของเขามีอะไรบ้าง สิ่งที่เขาต้องไปคุยกับเอเจนซี่มีอะไรบ้าง อันนี้คือหน้าที่ของเรา เราต้องทำให้เนื้อหามันง่ายขึ้น เพราะบางคนเป็นหัวหน้า เขากลัวคำว่า Digital เพราะมันคือเรื่องใหม่ กลัวว่ามันยาก เป็นเทคนิค แต่เราไม่เน้นเทคนิค เราไม่เปิดสอนทำโฆษณาบน Facebook ไม่งั้นมันจะไปเร็วมาก มันง่าย แต่คุณต้องเข้าใจกลยุทธ์กับแนวคิดของมันก่อน แล้วเรื่องเทคนิคค่อยว่ากันทีหลัง”

ซึ่งถ้าเข้ามาเรียนใน STEPS Training คุณจะลืมบรรยากาศต้องมานั่งฟังเลคเชอร์ไปเลย เพราะที่นี่ทุกคนต้องเรียนรู้กันใหม่ตั้งแต่ศูนย์ ทำให้เปิดใจรับเนื้อหาและไอเดียใหม่ๆผ่านการเล่นเกมส์และทำเวิร์คช็อปทบทวนเนื้อหาที่ได้เรียนในหลักสูตร ไปเลย ไม่ต้องกลับไปทวนที่บ้าน รู้จักว่า Paid Media คืออะไร Non-Paid Media คืออะไร ต้องซื้ออย่างไร จะทำการตลาด ต้องฟอร์มทีมอย่างไร มีคำถามคัดคนเข้าทีมอะไรบ้าง เรียนจบเอาไปใช้ได้ทันที เอางานไปบรีฟและสอนการตลาดดิจิทัลให้เจ้านายและคนในทีมได้ ประหยัดเงินในการฝึกอบรมในบริษัทอีก

ฉะนั้นธุรกิจการฝึกอบรมจึงต้องทุ่มทุนไปกับสถานที่ คนบรรยาย พนักงาน เพื่อเสริมบรรยากาศในการเรียนรู้ ให้แต่ละคนได้รับประสบการณ์ตามที่ตัวเองถนัด ตอบโจทย์อย่างที่แต่ละคนเป็น และคุ้มค่ากับการเรียน

STEPS_7

หลักสูตรของ STEPS TRAINING

ปัจจุบันมี 2 หลักสูตรได้แก่

1. Digital Marketing for SMEs: เป็นหลักสูตร 3 วันติดกันเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs ทำยอดขายทะลุเป้า ผ่านการกำหนดทิศทางของแบรนด์ รู้จักลูกค้า ฝึกวางแผน ทำคอนเทนต์ ทำงบประมาณ ติดต่อเจรจากับเอเจนซี่ ประเมินผลการทำงานและวิเคราะห์กรณีศึกษาทั้งที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลวแบบจัดเต็ม

2. Digital Marketing Specialist Certification: หลักสูตร 36 ชั่วโมงเต็มกับเทรนเนอร์มาก ประสบการณ์และฝีมือ คุณจะได้รู้จักกับแนวคิดและกลยุทธ์ของการตลาดดิจิทัลที่ไม่ใช่แค่ Social Media อย่างเดียว แต่รู้จักการทำการตลาดผ่าน Influencer, Content และ Search Engine การทำคอนเทนต์ให้สร้างสรรค์ การทำ E-Commerce รวมถึงฟอร์มทีมการตลาดดิจิทัลให้ได้ทีมที่ใช่ด้วย

และอีกไม่นาน STEPS TRAINING ก็กำลังจะเตรียมเปิดอีก 2 หลักสูตรได้แก่การสร้างดิจิทัลแบรนด์ที่ไม่ใช่ให้คุณรู้จักแต่เอกลักษณ์และคาแรคเตอร์ของแบรนด์ แต่รู้จักการแก้ความเจ็บปวดของลูกค้าและวางเรื่องราวของแบรนด์สำหรับ SMEs

และหลักสูตร 3 วันสำหรับนักเรียนนักศึกษาที่อยากทำงานในสายดิจิทัลให้มาปูพื้นฐานทำความรู้จัก Digital Landscape Position ผ่านการทำเวิร์คช็อปและการนำเสนองานต่อเอเจนซี่ หากใครมีแวว เอเจนซี่เตรียมคว้าตัวไว้ได้เลย หากใครสนใจหลักสูตรทั้งหมด สามารถติดตามได้ที่ http://stepstraining.co/

STEPS_8

สุดท้ายแล้ว ต่อให้ความรู้ดีๆ มีตัวช่วยอยู่ตรงนี้ ถ้าไม่เริ่มเรียนรู้ตั้งแต่ตอนนี้ นอกจากเราจะไม่เท่าทันผู้ประกอบการและนักการตลาดต่างประเทศแล้ว ยังพลาดโอกาสที่จะได้ทำงานในสายการตลาดดิจิทัลด้วย เพราะทุกวันนี้หาคนเก่งเรื่องนี้มาทำงานยากจริงๆ

การตลาดดิจิทัลได้กลายเป็นตัวชี้ชะตาความเป็นอยู่ของบริษัทและภาคธุรกิจทั้งประเทศไปแล้ว

แหล่งที่มา

สัมภาษณ์คุณณัฐวีร์ ตันติสัจจธรรม ที่ The Hive พระโขนง วันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน 2560


  • 597
  •  
  •  
  •  
  •  
CLOSE
CLOSE