เจาะลึกกลยุทธ์ที่ทำให้ สิงห์ เอสเตท มั่นใจลุยตลาดคอนโดลักชัวรีแบบไม่สะท้าน ดัน THE ESSE SUKHUMVIT 36 เป็นดาวเด่นย่านสุขุมวิท

  • 16.7K
  •  
  •  
  •  
  •  

ปลายปีนี้มีหลายแวดวงที่ขยับปีกเปิดตัวกันอย่างคึกคัก เช่นเดียวกับแวดวงอสังหาฯ ก็มีความเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่งหลายโครงการด้วยกัน และอีกหนึ่งโครงการส่งท้ายปลายปีกับคอนโดลักชัวรี ดิ เอส สุขุมวิท 36 (THE ESSE SUKHUMVIT) ภายใต้บ้านใหญ่ของ สิงห์ เอสเตท (SINGHA ESTATE)

ดิ เอส สุขุมวิท 36 คอนโดลักชัวรี ติดรถไฟฟ้าบีทีเอส ห่างจากสถานีทองหล่อเพียง 20 เมตร เป็นน้องใหม่โครงการที่ 3 ต่อจาก ดิ เอส อโศก (THE ESSE Asoke) และ ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ (THE ESSE at SINGHA COMPLEX) ซึ่งทั้งสองโครงการได้รับการตอบรับไปอย่างดี มียอดขายรวมไปแล้วกว่า 85%

THE_ESSE_1

อีกหนึ่งโครงการความภูมิใจของบ้านสิงห์ เอสเตท ดิ เอส สุขุมวิท 36 มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ “สมดุลแห่งความต่าง” ที่เน้นสถาปัตยกรรมแบบบ้านเรือนไทยผสานเข้ากับดีไซน์ใหม่ซึ่งได้ทีมดีไซน์ระดับ TOP 5 ของโลกมาออกแบบให้ ที่สำคัญคือ ไม่ใช่มีดีแค่ด้านดีไซน์ แต่ทุกดีเทล์ผ่านการศึกษาตลาดและเจาะลึกถึงอินไซท์ความต้องการของทั้งนักลงทุนและผู้บริโภคมาอย่างดีแล้วด้วย ซึ่งผู้ที่จะมาบอกเล่าเบื้องลึกเบื้องหลังการทำงานตลอดเวลา 1 ปีกว่าจะคลอดโครงการนี้ออกมา ได้แก่ ณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของสิงห์ เอสเตท โดยเฉพาะโครงการล่าสุดกับความร่วมมือครั้งสำคัญที่น่าจับตากับ ฮ่องกง แลนด์ (Hongkong Land) พร้อมกับเผยถึงกลยุทธ์อันหลากหลายที่จะใช้ลุยในตลาดคอนโดลักชัวรีด้วย

singha13

คว้าสุดยอด TOP 5 ของโลก มาออกแบบโครงการ

คุณณัฐวุฒิ เกริ่นถึงภาพรวมโครงการคอนโด ดิ เอส สุขุมวิท 36 ว่า เป็นคอนโดสูง 43 ชั้น มีจำนวน 338 ยูนิต มูลค่าโครงการอยู่ที่ 6,500 ล้านบาท ทำเลเราถือว่าดีที่สุดของย่านสุขุมวิท ด้วยการที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ เดินขึ้นลงห่างกันเพียงแค่ 20 เมตร ซึ่งพื้นที่แห่งนี้ยังเป็นศูนย์กลางของไลฟ์สไตล์และที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์ของกรุงเทพฯ และยังเป็นทำเลยอดนิยมของชาวต่างชาติ ทำให้ทำเลนี้มีศักยภาพสูงทั้งในแง่ของการลงทุนและการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง

httpv://youtu.be/KvtTF-HEIzk

ที่สำคัญเรายังได้ทีมที่ปรึกษาสถาปนิกชื่อดังระดับ TOP 5 ของโลก SOM มาช่วยดูแลด้านการออกแบบร่วมกับบริษัทออกแบบชั้นนำของไทย ได้แก่ Tandem, shma และ dwp มาร่วมกันสร้างสรรค์โครงการนี้

“ต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่เรามองว่าดีไซเนอร์หรือสถาปนิกไทยไม่เก่ง แต่ต้องยอมรับว่าทีมงานต่างประเทศเขาเห็นมาเยอะ ทำมาเยอะทั่วโลก ซึ่งเป็นการร่วมงานต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ โดยที่โครงการนี้เราต้องการความเป็นอินเตอร์เนชันแนล เราเห็นว่ามันเหมาะสม และจับต้องได้ทั้งในความสวยงามและในแง่การตลาด”

นอกจากความเป็นมืออาชีพระดับโลกแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ทางสิงห์ เอสเตท ประทับใจในการทำงานของ SOM ก็คือ การลงพื้นที่ศึกษาสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศของไทยอย่างละเอียดก่อนการลงมือออกแบบ โดยคุณณัฐวุฒิ เล่าว่า วิธีคิดเขาต่างจากที่อื่น เขาได้มาเรียนรู้ก่อนว่าสิ่งแวดล้อมที่นี่เป็นอย่างไร บ้านเรามีข้อดีข้อเสียเรื่องอะไร บ้านเราเป็นอย่างไร ทุกอย่างเลย มันจึงเป็นที่มาของการออกแบบให้คอนโดฯ ของเรายกพื้นสูงเพื่อให้เกิดการถ่ายเทของลม ไม่ทำให้อากาศร้อนมากเกินไป เช่นเดียวกับบ้านเรือนไทยที่ด้านล่างยกโถงสูงเพื่อรับลม หรือแนวคิดการจัดสวนแบบสวนไร่ นาของไทย ของผู้ออกแบบแลนด์สเคป ซึ่งผู้ออกแบบทุกคนศึกษาพื้นที่ก่อนออกแบบทุกครั้ง หรือแม้แต่การเลือกใช้วัสดุอย่างไหนใช้ได้ไม่ได้ ต้องเช็คเรื่องความชื้นความร้อนเป็นอย่างไร ทีมของเขาละเอียดมากไม่เช่นนั้นไม่มาถึงจุดนี้ได้

เมื่อแอบถามถึงค่าตัวทีมงานระดับโลกขนาดนี้เท่าไหร่ คุณณัฐวุฒิ ยิ้มก่อนตอบว่า “ตัวเลขก็คร่าวๆ คือหลัก 100 ล้านครับ”

singha3

กลยุทธ์สำคัญคือ วาง Target อย่างดี-มีจุดขายที่ชัดเจน

เป็นที่ทราบกันดีว่า สิงห์ เอสเตท จะเน้นจับแต่โครงการลักชัวรี ซึ่งจัดว่าเป็นเซ็กเมนต์ที่การแข่งขันค่อนข้างสูง โดยเฉพาะเรื่องทำเล แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผู้นำของสิงห์ เอสเตท หวั่นไหวเลย คุณณัฐวุฒิ ให้เหตุผลว่า เมื่อเป็น ลักชัวรี มันเลยบอกได้ว่ามีตรงไหนได้บ้าง มันไม่ได้บอกว่าต้องทองหล่อ จริงๆ เราก็ดูหมด สีลม สุรวงศ์ ชิดลม หลังสวน ราชดำริ พญาไท เราดูหมดเลย เพียงแค่ตรงไหนคือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะทำโครงการไหนของเราเท่านั้นเอง อย่างตอนเรามาก็รู้ว่า มีเจ้าอื่นๆ อีกเพียบเลยในซอยทองหล่อ แต่ด้วยความเชื่อมั่นที่ว่าเราเองก็มีจุดขายที่ชัด เราเลือกลูกค้าที่ชัดว่าใครจะเป็นลูกค้า ดังนั้น ก็คิดว่าน่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่ลูกค้าน่าจะเปรียบเทียบและตัดสินใจมาเป็นลูกค้าเราได้ไม่ยากนัก

นอกจากนี้ คุณณัฐวุฒิ ยังเผยกลยุทธ์สำคัญว่าเป็นเพราะการทำรีเสิร์ชมาอย่างดีว่า เป้าหมายของโครงการตั้งใจจะขายใคร มีใครเป็นทาร์เก็ต มากกว่าที่จะขายหว่าน ดังนั้น จึงไม่ได้ทำให้หวั่นไหวเลยว่าจะสู้กับคู่แข่งอื่นๆ ไม่ได้เพราะนั่นไม่ใช่เป้าหมายสำคัญที่มาทำโครงการลักชัวรีที่ทองหล่อ

“วิธีการพัฒนาโครงการของเรา คือเริ่มจากทีมมาร์เก็ตติ้งของเราวิเคราะห์มาก่อนว่าตรงนี้เราจะขายใคร ใครเป็น End User คือเราจะไม่หว่าน ด้วยทำเลแบบนี้ และวัสดุที่คัดสรรพิเศษ ขนาดห้องที่กำลังดี 38 ตร.ม.ขึ้นไป เหมาะกับการอยู่ทั้งแบบซิงเกิ้ลและแบบสองคน และหากทุกอย่างของเรามันตอบโจทย์เขา ผมก็ขอเป็นตัวเลือกหนึ่งให้กับลูกค้า ดังนั้น มันจึงไม่ได้มาเพื่อที่จะแข่งกับใคร แต่เรามาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกให้มากกว่า”

singha10

พิถิพิถันเลือกเฟ้นวัสดุ ใส่อินโนเวชั่นที่จำเป็นไม่ใช่กิมมิค

สำหรับการคัดสรรวัสดุพิเศษที่คุณณัฐวุฒิพูดถึง ซึ่งโครงการ ดิ เอส สุขุมวิท 36 ใส่มากกว่าโครงการอื่นๆ อาทิ อ่างอาบน้ำที่มีให้ทุกห้อง หินอ่อนนำเข้าใช้ตกแต่งผนังทีวีทุกห้อง ตู้เสื้อผ้าแบบวอร์กทรูที่สามารถแขวนเสื้อผ้าได้ทั้ง 2 ฝั่ง รวมไปถึง facility ต่างๆ อาทิ ออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่น สกายเลาจน์ เธียร์เตอร์รูมสุดไพรเวท และกอล์ฟ ซิมูเลเตอร์ เป็นต้น

httpv://youtu.be/dOFY-cUuOVg

คุณณัฐวุฒิ ย้ำว่า ในเรื่องการใช้นวัตกรรมหรืออินโนเวชั่น เราเน้นเฉพาะสิ่งที่ลูกค้าจำเป็นต้องใช้จริงๆ เท่านั้น และที่สำคัญคือเราไม่ได้ใส่เพื่อเป็นกิมมิค เช่น ไฟหน่วง 20 วินาที แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เราก็คิดว่าว่ามีความจำเป็นมากเวลาที่มือไม่ว่างเปิดไฟ แต่ก็สามารถมองเห็นแสงสว่างภายในห้องได้เลย หรืออย่างสวิตช์เปิดปิดชั้นวางของก็เป็นการอำนวยความสะดวกเวลาที่คุณหยิบจับสิ่งของในครัวเมื่อมือคุณต้องทำหลายสิ่ง

“ไม่มีอะไรที่ใส่เข้ามาแล้วฟรี ดีเวลลอปเปอร์ทุกรายใส่เข้ามาแล้วคือ cost เมื่อเป็น cost ก็คือราคาที่เพิ่มเข้ามา ดังนั้น เราจึงตัดสินใจใส่เฉพาะฟังก์ชั่นที่จำเป็นต่อการใช้งานเท่านั้น เช่น ในโครงการ ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ เรามีสมาร์ทฟิล์ม ที่เมื่อกดปุ๊ปก็จะเกิดฝ้าที่กระจกบดบังภาพภายในห้องน้ำ รวมทั้งทำให้ห้องนอนดูโล่งโปร่งมากขึ้นด้วย ส่วนในโครงการดิ เอส สุขุมวิท 36 สำหรับครัว ชั้นวางของด้านบน ใช้ระบบHydraulic บานพับข้อศอกเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งาน หรือการเลือกสุขภัณฑ์แบบวอลล์ฮังที่ลอยจากพื้น เพื่อทำให้การทำความสะอาดคลีนขึ้น หรือระบบ Home Automation ที่ควบคุมระบบไฟ ม่าน และแอร์ ทำให้การอยู่อาศัยสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น รายละเอียดปลีกย่อยแบบนี้เราอาจจะไม่ได้ออกมาบอกกับลูกค้าแต่เป็นวิธีคิดของเราเพื่อการอยู่อาศัยที่แท้จริง” 

singha14

คุ้มค่าสำหรับนักลงทุนไทย-เทศ

ในแง่การลงทุน คุณณัฐวุฒิ ระบุว่า ทำเลทองหล่อปัจจุบันได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มนักธุรกิจญี่ปุ่นที่เดินทางมาทำงานเมืองไทย เพราะเป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายตอบโจทย์การใช้ชีวิตของชาวต่างชาติค่อนข้างมากกว่าโซนอื่นของกรุงทพฯ อีกทั้งยังเป็นย่านที่มีตลาดเช่าที่พักอาศัยเพื่อการลงทุนที่โดดเด่นมากๆ มีตลาดชัดเจน คอนโดระดับ 250,000-350,000 บาทต่อ ตร.ม. แม้จะดูราคาสูง แต่เป็นราคาระดับที่ลูกค้ายอมรับได้ เมื่อเทียบกับทำเลแล้ว แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแพคเกจราคารวมต่อยูนิตด้วย

“ผมเห็นตรงกับทาง ซีบีอาร์อี ที่มองว่าคอนโดระดับราคา 10-20 ล้านบาทต่อยูนิตค่อนข้างเหลือน้อยแล้วในทำเลนี้ ยิ่งถ้าเป็นการซื้อเพื่อปล่อยเช่ายิ่งต้องดูว่าโปรดักส์ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของกลุ่มที่เรามองไว้เป็นกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ ในช่วงที่ผ่านมาชาวต่างชาติเองก็หันมาลงทุนซื้ออสังหาฯ ในเมืองไทยมากขึ้น เพราะราคาอสังหาฯไทยยังราคาไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับต่างประเทศ แต่ในขณะที่มาตรฐานของโครงการในเมืองไทยเราถือว่าอยู่ในระดับสูงทั้งในแง่การออกแบบและของที่ให้ ดังนั้น ชาวต่างชาติจึงมักจะลงทุนในทำเลที่ตนเองมีความคุ้นเคย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำติดกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งสะดวกต่อการเดินทางและดีในแง่ของการลงทุนด้วย”

singha4

โปรเจ็คต์แรกร่วมกับ ฮ่องกง แลนด์

อย่างที่เกริ่นว่าโปรเจ็คต์นี้เป็นครั้งแรกที่เป็นการร่วมทุนกับต่างชาติ ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เพราะเหตุใดจึงต้องจับมือร่วมกับบริษัทต่างประเทศ คุณณัฐวุฒิ อธิบายว่า เรามองว่าเป็นโอกาสที่สองบริษัทได้เรียนรู้วัฒนธรรมองค์กรซึ่งกันและกันมากกว่า เราเป็นอย่างไร เขาเป็นอย่างไร แล้วก็ทำงานร่วมกันได้ไหม เรียกว่าเป็นโปรเจ็คต์แรกที่เราจะได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ซึ่งในอนาคตก็จะมีโครงการอื่นๆ ร่วมกันอย่างแน่นอน

“สำหรับ Hongkong Land เขาไม่ได้ ดีเวลลอป แค่ที่ฮ่องกงอย่างเดียว แต่ไปหลายประเทศมาก ทั้งอินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ฯลฯ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไปร่วมกับเขาหมดทุกโครงการ ก็จะมีการพิจารณาดูว่าอะไรเหมาะสมกับเรา โดยมีโครงการนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการเรียนรู้กันและกันในแง่ของการลงทุน”

ทั้งนี้ Hongkong Land เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี และปัจจุบันยังบริหารจัดการพื้นที่มากกว่า 8 แสนตารางเมตร ทั้งประเภทอาคารสำนักงานและพื้นที่เชิงพาณิชย์ในเมืองสำคัญๆ ของเอเชีย รวมทั้งยังเป็นผู้พัฒนาโครงการที่พักอาศัย, โครงการ Mixed-use และโครงการอสังหาริมทรัพย์อีกมากมายในประเทศจีนและเอเชียตะวันออกฉียงใต้

singha1

อนาคตเล็งเปิด พร็อพเพอร์ตี้ เมเนจเมนต์

สำหรับโปรเจ็คต์ในอนาคตของ สิงห์ เอสเตท แน่นอนว่ายังมีโครงการอื่นๆ ที่จะลอนช์ออกมาอีกอย่างต่อเนื่อง แต่อีกหนึ่งบริการที่คุณณัฐวุฒิบอกกับเราว่าเป็นความตั้งใจที่จะทำให้เกิดขึ้นให้ได้เพื่อการบริการแบบ Full length of serviceคือการเปิดบริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เมเนจเมนต์

คุณณัฐวุฒิ กล่าวว่า เป็นความตั้งใจของเราที่จะดูแลลูกค้าตั้งแต่จุดเริ่มต้น คือเริ่มตั้งแต่เรื่องการขอไฟแนนซ์ไปจนถึงกระบวนการรับโอน อย่างไรก็ตาม เราก็ไม่หยุดแค่นั้นเพราะในปีหน้านี้เรามีความตั้งใจจะเปิดเซอร์วิสใหม่ได้แก่ บริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เมเนจเมนต์ ที่จะมาดูลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพราะเราพบปัญหาว่าช่วง 2 ปีแรกของการส่งมอบโครงการก็จะมีการดึงบริษัทอื่นเข้ามาดูแลแล้วเกิดปัญหามากมาย เช่น ดูแลรักษาไม่ดีซึ่งทำแอสเซสเสียมูลค่า หรือเก็บค่าส่วนกลางที่ไม่สะท้อนความเป็นจริง ดังนั้น เราจึงมีความเชื่อมั่นว่าหากเราได้ดูแลบริหารอย่างต่อเนื่องก็จะทำให้การบริการเป็นไปอย่างครบถ้วนสมบูรณ์มากกว่าตามคอมมิทเมนต์ที่เราได้ให้ไว้ตั้งแต่ต้นกับลูกค้า ดังนั้น นี่น่าจะเป็นสิ่งที่เราจะขับเคลื่อนต่อไปข้างหน้าของสิงห์ เอสเตท

singha5

ความไว้วางใจที่ไม่ต้องพรูฟ

เมื่อถามถึงกระแสที่ว่า สิงห์ เอสเตท เป็นเพียงน้องใหม่ในวงการอสังหาฯ คุณณัฐวุฒิ ทิ้งท้ายอย่างน่าสนใจว่า แม้เราจะอายุ 3 ปีกว่าๆ ก็จริง แต่ละคนที่เรามาร่วมงานก็มีประสบการณ์ 10 กว่าปีขึ้นไป จะว่าใหม่เลยก็แค่บ้านใหม่ แต่สิ่งที่มันรวมกันและต่อยอดได้เร็วมันก็คือเริ่มจากความเป็นบุญรอดก่อน และเมื่อเราเอาแบรนด์สิงห์มาแปะ สิ่งที่เราไม่ต้องพรูฟเลยก็คือความน่าเชื่อถือของแบรนด์ เป็นผลดีและทำให้ง่ายต่อการทำงานมากยิ่งขึ้น เพราะเรามีเอ็นดอสที่ดีในการทำงานอยู่ด้วย ดังนั้น แนวคิดของบริษัทคือเราจะพัฒนาโครงการที่ดีให้ลูกค้า เราจะให้ของดี เราจะไม่เน้นการหากำไร ตรงนี้เราพูดชัดมาก

“คือถ้าคนอื่นทำอาจจะมีเบนช์มาร์คที่เป็นผลตอบแทนในเชิงตัวเลขที่สูงกว่าเราเยอะ อาจจะด้วยเรื่องสเกลงานเขาใหญ่กว่าเรา โปรเซสเขาเยอะก็ดี อำนาจต่อรองกับซัพพลายเออร์เขาก็สูงกว่า อาจทำให้ต้นทุนของเขาน้อยกว่าเรา อย่างไรก็ตามในส่วนของเราก็นำเสนอแต่ของดีๆ ให้ลูกค้าเช่นกัน แต่อาจจะได้ส่วนลดไม่เท่ากับรายอื่น กำไรของเราย่อมน้อยกว่าแน่นอน ดังนั้น เรื่องของกำไร จึงไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะวันนี้เราดูภาพรวม เราดูชื่อเสียง และเป็นไปในไดเร็คชั่นที่ business plan เราวางไว้ วันนี้เราเลยมั่นใจว่าสามารถคอนโทรลทุกอย่างได้ตามที่คิดแล้ว”

หากจะมองว่า สิงห์ เอสเตท เป็นน้องใหม่ แต่ก็ต้องบอกว่าน้องใหม่คนนี้ไฟแรง และมีวิสัยทัศน์ ทั้งการเลือกทำเล ทั้งรสนิยมในด้านการดีไซน์ นับว่าเหนือชั้นมากทีเดียว เป็นรุ่นน้องที่รุ่นพี่ไม่ควรประมาทเลยก็ว่าได้ และถ้าสนใจโครงการ THE ESSE SUKHUMVIT 36 : THE ESSENCE OF LUXURIOUS LIVING IS A HARMONY OF CONTRAST สามารถโทรศัพท์มาที่ 1221 หรือกดลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมและสิทธิพิเศษได้ที่ http://www.singhaestate.co.th/condominium/the-esse-sukhumvit-36/ 

Copyright © MarketingOops.com


  • 16.7K
  •  
  •  
  •  
  •