ภาวะเศรษฐกิจถือเป็นผลกระทบที่เลี่ยงไม่ได้ของผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อย แต่ไม่ใช่เพียงเท่านี้เพราะผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อยต้องเผชิญกับความกังวลจากภาระหลังร้านที่ซับซ้อน โดยเฉพาะการจัดการเรื่องเงิน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากพนักงานและความเสี่ยงจากสลิปปลอม นั่นทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อยต่างมองหา “โซลูชัน” ที่เป็นเหมือนผู้ช่วยคนสำคัญในการเข้ามาจัดการความวุ่นวาย
ภาพรวมตลาดร้านอาหารรายย่อย
ธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีการคาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดรวมในปี 2568 อาจสูงถึง 610,000 ล้านบาท แต่สิ่งที่สำคัญกว่ามูลค่ารวม คือ โครงสร้างของผู้ประกอบการในตลาด โดยเฉพาะร้านอาหารรายย่อยที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งจากข้อมูลระบุชัดเจนว่า
- ผู้ประกอบการรายย่อย (Micro) มีจำนวนมากที่สุด โดยในปี 2567 มีจำนวนสูงถึง 376,586 ราย หรือคิดเป็น 92.8% ของผู้ประกอบการร้านอาหารทั้งหมด
- สัดส่วนมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อยและ SME ที่มีสัดส่วนมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นจาก 57% ในปี 2562 เป็น 62% ในปี 2567
- จำนวนผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนผู้ประกอบการขนาด Micro เติบโตขึ้น 24% ในช่วงระหว่างปี 2562 ถึง 2567
- เมื่อจำแนกตามขนาดกิจการในปี 2567 จะเห็นว่าตลาดถูกขับเคลื่อนโดยผู้ประกอบการรายย่อยเป็นหลัก
- Micro (รายย่อย): มีจำนวนมากถึง 376,586 ราย หรือคิดเป็น 92.8% ของผู้ประกอบการทั้งหมด
- SME: มีจำนวน 28,406 ราย คิดเป็น 7.1%
- Corporate: มีจำนวนเพียง 126 ราย คิดเป็น 0.03%
ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อยไม่ได้เป็นเพียงผู้เล่นส่วนใหญ่ในเชิงจำนวน แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
Pain Point ที่ผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อยต้องเผชิญ
จากข้อมูลพบว่าผู้ประกอบการร้านอาหาร โดยเฉพาะรายย่อย มักจะมีปัญหากับเรื่องของการรับเงินดิจิทัล โดยเฉพาะการสแกนจ่าย หรือการโอนผ่านระบบออนไลน์ ทำให้เกิดปัญหาในการบริหารจัดการร้านค้า โดยเฉพาะร้านที่มีคนทำงานไม่มาก ทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อยต้องรับมือกับความท้าทายหลายประการที่บั่นทอนประสิทธิภาพและโอกาสในการเติบโต ไม่ว่าจะเป็น
- ความยุ่งยากซับซ้อน: การต้องสมัครและใช้งานระบบรับชำระเงินหลายรูปแบบจากผู้ให้บริการหลายราย ทำให้เกิดความซ้ำซ้อนและสับสน
- ต้นทุนและค่าธรรมเนียม: ค่าธรรมเนียมการรับชำระเงิน โดยเฉพาะบัตรเครดิตและ e-Wallet เป็นต้นทุนที่ผู้ประกอบการต้องแบกรับ
- กระบวนการทำงานที่ล่าช้า: การรับชำระเงิน การตรวจสอบสลิป และการกระทบยอดด้วยมือในแต่ละวัน เป็นขั้นตอนที่ใช้เวลานานและเสี่ยงต่อข้อผิดพลาด
- การเสียเวลาตรวจสอบยอด: การต้องมานั่งตรวจสอบและกระทบยอดเงินจากหลายๆ ช่องทางในตอนสิ้นวัน เป็นงานที่กินเวลาและแรงงาน
ปัญหาเหล่านี้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการที่ต้องการโซลูชันที่จัดการได้อย่างรวดเร็วถึง 69%, ปลอดภัยป้องกันสลิปปลอมถึง 63%, ความต้องการช่วยลดข้อผิดพลาดในการตรวจสอบยอด 59% และการเชื่อมต่อข้อมูลกับระบบ POS โดยตรง 42%
ความร่วมมือ ttb x LINE Pay โซลูชันครบวงจร
จากสถานการณ์การเติบโตของผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อย ประกอบกับ Pain Point ที่ผูประกอบการกำลังประสบอยู่ ส่งผลให้เกิดความร่วมมือระหว่าง ttb และ LINE Pay ในการพัฒนาโซลูชันบนระบบจัดการร้านอาหาร Wongnai POS สร้างการชำระเงินที่ช่วยให้ร้านค้าไม่ต้องกังวล ทั้งการใช้งานง่ายและความปลอดภัยในการรับชำระ โดยเฉพาะจุดเด่นที่เข้ามาช่วยเสริมศักยภาพร้านอาหารรายย่อย ไม่ว่าจะเป็น
- แก้ปัญหาความซับซ้อน: ด้วยการรวมการรับชำระเงินทุกรูปแบบ ทั้ง QR Code, บัตรเครดิต/เดบิต และ e-Wallet ไว้ในระบบเดียวบน Wongnai POS ผู้ประกอบการไม่ต้องวุ่นวายกับเครื่องมือหรือแอปพลิเคชันหลายตัวอีกต่อไป ซึ่งตรงกับความต้องการเชื่อมข้อมูลกับ POS โดยตรงและความต้องการจัดการที่รวดเร็วขึ้น
- ช่วยลดต้นทุน: โดยโซลูชันที่เกิดจากความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยลดต้นทุนจากค่าธรรมเนียม ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาค่าธรรมเนียมสูงที่ผู้ประกอบการกังวล
- เพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาด: การชำระเงินของลูกค้าจะถูกบันทึกเข้าระบบ POS ทันที ช่วยลดขั้นตอนการทำงานซ้ำซ้อน ลดความผิดพลาดจากการคีย์ข้อมูลด้วยมือ และทำให้การตรวจสอบและกระทบยอดบัญชีทำได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ตอบโจทย์ความต้องการลดข้อผิดพลาดได้เป็นอย่างดี
- เพิ่มความปลอดภัยและความคล่องตัว: โดยการรับชำระเงินผ่าน QR Code ที่เชื่อมกับระบบโดยตรง ช่วยลดความเสี่ยงจากการรับสลิปโอนเงินปลอม ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ร้านค้ากังวล
นอกจากนี้ความร่วมมือครั้นี้จะช่วยให้ทั้ง ttb และ LINE Pay จะได้รับข้อมูลที่สำคัญของร้านค้า ซึ่งในอนาคตจะมีการนำข้อมูลเหล้านี้มาพิจารณาในการนำเสนอบริการทางการเงินจาก ttb และการสนับสนุนบริการต่างๆ ที่ช่วยให้ร้านอาหารรายย่อยสามารถเสริมศักยภาพ ยิ่งไปกว่านั้นในอนาคต โซลูชันเหล่านี้ยังอาจจะขยายไปสู่ร้านค้าอื่นๆ นอกเหนือจากธุรกิจร้านอาหาร

(ซ้าย) ณ หทัย ภูพิชญ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ LINE Pay
ความร่วมมือครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงการเพิ่มช่องทางชำระเงิน แต่เป็นการสร้าง Business Ecosystem ที่สมบูรณ์ขึ้น สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อยโดยเฉพาะ ช่วยให้เปลี่ยนกระบวนการที่เคยยุ่งยากและมีต้นทุน กลายเป็นระบบอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจร้านอาหารขนาดเล็กสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในเศรษฐกิจยุคดิจิทัล