ในโลกที่ผู้คนเร่งรีบและต้องการความสะดวกสบาย อุตสาหกรรมอาหารแบบ Ready-to-Eat (RTD) จึงกลายเป็นพระเอกที่ถูกจับตามอง จากข้อมูลวิจัยของกรุงศรี คาดการณ์ว่าในปี 2568 ตลาดอาหาร RTD และ Grab-and-Go จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยมูลค่าตลาดอาหาร RTD กว่า 40,000 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 5% ของตลาดอาหารโดยรวม นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ บริษัท ซีพีแรม จำกัด (CPRAM) เดินหน้าเปิดตัวศูนย์ FTEC อย่างเป็นทางการ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทยทั้งระบบ
FTEC ศูนย์วิจัยด้านอาหาร
ซีพีแรมเปิดตัว FTEC (Food Technology Exchange Center) อย่างเป็นทางการ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในช่วงเฟสแรกด้วยงบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท จากงบประมาณรวมกว่า 300 ล้านบาท โดยตั้งอยู่ที่อาคารฟู้ดเทคโนโลยี ธาราพาร์ค จุดประสงค์ของศูนย์นี้ไม่ใช่เพียงเพื่อการวิจัย แต่คือการ “สร้างระบบนิเวศนวัตกรรมอาหารของไทย” อย่างจริงจัง
ด้าน คุณวิเศษ วิศิษฏ์วิญญู กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีแรม จำกัด ชี้ว่า “ความร่วมมืออย่างไร้พรมแดนสามารถเกิดขึ้นได้จริง หากเรามีพื้นที่ที่เปิดกว้าง และสร้างความเชื่อมั่นร่วมกัน ทั้งในระดับองค์กร ภาควิชาการ และระดับนโยบาย โดยศูนย์ FTEC จะทำหน้าที่เป็นกลไกกลางเชื่อมโยงทุกภาคส่วนให้สามารถเติบโตไปด้วยกันได้”
FTEC คือเวทีที่เชื่อมโยงระหว่างนักวิจัย นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ SMEs ภาครัฐ และองค์กรต่างประเทศ ให้สามารถมาร่วมกันคิด พัฒนา แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และทดลองสินค้าได้ โดยโครงสร้างของ FTEC ถูกออกแบบเป็น 3 เฟส
- เฟส 1: จะเน้นการพัฒนาเทคโนโลยี Biotech ด้วยความร่วมมือจาก SMAFT และ CP Food Lab
- เฟส 2: ขยายสู่ Robotech สำหรับการผลิตระบบอัตโนมัติ
- เฟส 3: การปรับใช้ Digitech เพื่อการพยากรณ์ความต้องการและควบคุมการผลิตแบบเรียลไทม์
จุดเด่นของ FTEC ที่ทำให้ในอนาคตจะกลายเป็นศูนย์รวมเทคโนโลยีนวัตกรรม คือ การได้รับการสนับสนุนให้เป็น Open Collaboration กับทั้งภาครัฐ เอกชน และ SME ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กไม่ต้องเสียเงินลงทุนในการสร้างศูนย์ R&D เนื่องจากที่ FTEC มีการสร้างห้องปฏิบัติการ พร้อมด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์และบุคลากรเฉพาะทาง และยังผสานองค์ความรู้จากภาคการศึกษาผ่านความร่วมมือกับ SMAFT
ทั้งหมดนี้สะท้อนภาพของ FTEC ที่ไม่ใช่แค่ศูนย์วิจัย แต่คือหัวใจสำคัญของยุทธศาสตร์การยกระดับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมอาหารไทยทั้งระบบ
เปิดกลยุทธ์ในการผลิตสินค้า
หนึ่งสิ่งที่ซีพีแรมใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์คือความต้องการของผู้บริโภค จากข้อมูลพบว่า ผู้บริโภคมองหาเรื่องของสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ขณะที่ยังมีความต้องการที่หลากหลาย นั่นจึงทำให้เบื้องหลังความสำเร็จของซีพีแรม คือ การบูรณาการนวัตกรรมกับอินไซต์ผู้บริโภคทั่วประเทศ ผ่านกลยุทธ์ R&D ที่ทรงพลัง ด้วยทีมพัฒนากว่า 200 คน ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ แบ่งออกเป็น
– Localization & Mass Customization : การหยิบเมนูท้องถิ่นในแต่ละภูมิภาค เช่น ใบเหลียงผัดไข่ ข้าวซอย ก๋วยจั๊บญวน มาพัฒนาเป็นสินค้าแมสระดับประเทศ รวมไปถึงการพัฒนาเมนูเฉพาะกลุ่ม เช่น อาหารสำหรับผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ป่วยเบาหวาน
– Fast Innovation Cycle : เนื่องจากผู้บริโภคต้องการความหลากหลาย โดยเฉพาะสินค้าใหม่ๆ ที่เป็นกระแส ทำให้ซีพีแรมต้องพัฒนาเมนูใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องกว่า 500 รายการต่อปี หรือเฉลี่ย 2 เมนูใหม่ทุกวัน ทั้งนี้มีการใช้ระบบ Central Kitchen มาเป็น Sandbox ในการทดลองผลิต ทดลองตลาด และเก็บผลตอบรับก่อนขยายการผลิตและวางจำหน่ายทั่วไป
– Digital Supply Chain : นอกจากนี้การใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมอย่าง IoT และ AI เข้ามาควบคุมกระบวนการผลิต ช่วยให้สามารถลดของเสียและพยากรณ์ความต้องการผู้บริโภคช่วยให้ลดการผลิตเกินกว่าความต้องการได้ ช่วยให้สามารถกระจายสินค้าไปยังร้าน 7-Eleven กว่า 15,000 สาขาทั่วประเทศภายใน 300 กิโลเมตรจาก 16 โรงงานหลัก
ทั้งหมดนี้ทำให้ซีพีแรมกลายเป็นองค์กรที่ “คิดเร็ว ทำเร็ว ปรับเร็ว” และสามารถตอบสนองความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที
สู่เป้าหมาย 34,000 ล้านบาท
เป้าหมายของซีพีแรมไม่ได้หยุดที่ความเป็นผู้นำตลาด RTD ในประเทศ แต่ต้องการให้ประเทศไทยกลายเป็น “ศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารของโลก” โดยมี FTEC เป็นกลไกสำคัญ ที่จะช่วยใช้ FTEC เป็นแพลตฟอร์มเชื่อมต่อผู้เชี่ยวชาญ เทคโนโลยี และการลงทุนจากต่างประเทศ และยังเป็นแหล่งรวมเทคโนโลยีที่จะช่วยสร้างองค์ความรู้ใน 3 ด้านหลักทั้ง Biotech, Robotech, Digitech ให้กับทุก Stakeholder
ด้วยการเป็นศูนย์พัฒนาด้ายเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทำให้มีองค์วามรู้จำนวนมากที่เกิดขึ้นสามารถช่วยพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่ผ่าน SMAFT ด้วยหลักสูตรบูรณาการภาคทฤษฎี ปฏิบัติ และการฝึกงานจริงในธุรกิจ รวมไปถึงการสร้างโมเดลการพัฒนาสินค้าจาก “งานวิจัยสู่ห้าง” (From Lab to Shelf)
โดยทางซีพีแรมตั้งเป้ารายได้ 31,000 ล้านบาทในปี 2568 และรายได้ 34,000 ล้านบาทในปี 2569 คาดว่าจะสามารถเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี ด้วยการใช้กลยุทธ์ Food 3S ที่ประกอบไปด้วย Safety, Security, Sustainability เป็นแนวทางหลัก รวมไปถึงเป้าหมายระยะยาว คือการเป็น “ผู้นำด้านนวัตกรรมอาหารเอเชีย” ที่สามารถผลิต ส่งออก และสร้างมาตรฐานอาหารระดับโลกจากใจกลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การเปิดตัว FTEC โดยซีพีแรม ไม่ใช่แค่โครงการลงทุน 300 ล้านบาท แต่คือการวางหมากกลยุทธ์ขนาดใหญ่ที่ยกระดับประเทศไทยให้ก้าวสู่เวทีโลกด้าน Food Innovation
เมื่อความสามารถในการวิจัย การผลิต การตลาด และการร่วมมือข้ามภาคส่วนถูกร้อยเรียงเข้าด้วยกัน ประเทศไทยจะไม่ใช่แค่ “ครัวของโลก” ที่เน้นปริมาณอีกต่อไป แต่จะกลายเป็น “ศูนย์กลางของนวัตกรรมอาหารโลก” ที่ขับเคลื่อนด้วยความรู้ เทคโนโลยี และคนรุ่นใหม่
