ธุรกิจความสวยความงามเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงในตัวมันเอง แต่ใครจะรู้ว่าธุรกิจนี้มีแบรนด์เป็นร้อยที่มีแค่ 7 บริษัทยักษ์ใหญ่เป็นเจ้าของเท่านั้นไม่ว่าจะเป็น Unilever, L’Oréal ไปจนถึง Estée Lauder
กว่า 182 ธุรกิจความงามที่ลงทุนในตลาดในอเมริกาที่มูลค่ากว่า 63 พันล้านเหรียญและมีอิทธิพลต่อความคิดของผู้บริโภคที่มีต่อความสวยยุคนี้ แค่ตลาดในอเมริกาและจีนอย่างเดียวก็คาดว่าจะมีมูลค่าร้อยละ 54 ของตลาดความงามพรีเมี่ยมทั่วโลกในปี 2021 ไปแล้ว
7 บริษัทยักษ์ใหญ่พร้อมกับ 182 แบรนด์ความงาม
L’Oréal
L’Oréal มีถึง 39 แบรนด์ไล่ไปตั้งแต่ Maybelline ไปจนถึง Kiehl’s ซึ่งปีที่แล้ว L’Oréal ทำเงินไปเน้นๆ 27.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ยอดขายเพิ่มร้อยละ 33 ที่น่าสนใจคือร้อยละ 30 ของยอดขายที่ว่า L’Oréal อัดเงินในสื่อดิจิทัลหมดเลย สำหรับ L’Oréal แล้วสื่อดิจิทัลกลายเป็นเครื่องจักรตัวใหม่ที่ทำให้ยอดขายโตขึ้นได้ขนาดนี้
ไม่เว้นแต่แบรนด์ดูแลผิวอย่าง La Roche Posay ของ L’Oréal ที่บุกตลาดในไทยบนน้านออนไลน์อย่าง Lazada ซึ่งการขายออนไลน์ก็ช่วย L’Oréal ลดต้นทุนอย่างเคาท์เตอร์ สินค้าตัวอย่าง และวัตถุดิบไปด้วย
Unilever
Unilever มีแบรนด์ลูก 38 แบรนด์ มี Vaseline and Sunsilk เป็นแบรนด์ชูโรง ทำยอดขายไป 22.3 พันล้านเหรียญในปีที่แล้ว แถมยังประกาศเป็นพาร์ทเนอร์กับ Lazada ในด้านซัพพลายเชน ข้อมูล การตลาดและการค้าออนไลน์ และเปิดตัวแบรนด์ของตัวเองใน Lazada อีก 10 แบรนด์ในไทยเมื่อเร็วๆนี้อีก
Johnson & Johnson
Johnson & Johnson มีอยู่ 9 แบรนด์ซึ่งน้อยกว่าคู่แข่งก็จริงแต่ก็ยังนิยมในหมู่ผู้บริโภค อย่าง Aveeno และ Neutrogena ก็ยังเป็นแบรนด์ดูแลร่างกายและเส้นผมยอดนิยมอยู่ แบรนด์ของ J&J ก็ยังมีให้เห็นบ่อยๆในร้านขายยาของอเมริกา สิงคโปร์ กรุงเทพ แม้แต่ร้านค้าออนไลน์ในจีน J&J ทำรายได้ร้อยละ 15 ในตลาดอีคอมเมิร์ซจีนจากสินค้าบำรุงผิวเด็ก
Johnson & Johnson ก็ส่งแบรนด์ Aveeno and Neutrogena ในตลาดฟิลิปปินส์บน Lazada เพิ่มทราฟฟิคเข้าแบรนด์ตัวเองเช่นกัน
Estée Lauder
ส่วนบริษัทนี้ก็ทำยอดขายไปพันล้านเหรียญทุกปี “เฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้น” เพราะ Estée Lauder รู้ดีว่าประสบการณ์ใหม่ๆในการซื้อของและคุณภาพสินค้าและบริการจะมาแทนที่ร้านค้าตามพื้นที่ต่างๆ ความคิดสร้างสรรค์และช่องทางการซื้อขายที่ผสมผสานเป็นสิ่งสำคัญทำให้ลูกค้ามีประสบการณ์ในการเลือกซื้อของ
ซึ่งแบรนด์อย่าง Bobbi Brown และ MAC ของ Estée Lauder ก็รุกตลาดไทยบ้างแล้วผ่าน brand.com
ทำไมบริษัทพวกนี้ถึงประสบความสำเร็จในธุรกิจความงาม?
ปีที่แล้ว แบรนด์อย่าง Unilever, Procter & Gamble และ L’Oréal ยังครองตลาดได้ดีในไทยต่อให้แบรนด์ท้องถิ่นเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ จริๆงแล้วแบรนด์ความงามเติบโตขึ้นมากในปี 2016 เพราะกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลเชิงรุกไม่ว่าจะเป็นการทำคอนเทนต์ แรงจูงใจให้ลูกค้าซื้อหลากหลาย และฟรีค่าจัดส่งหากซื้อออนไลน์
ฉะนั้นการตลาดดิจิทัลนั้นมีบทบาทมากขึ้นก็จริง แต่บริษัทที่ทำสำเร็จนั้นกลับมีเพียงไม่กี่เจ้า
แหล่งที่มา
eIQ Insights: Global Beauty Companies All Have One Thing in Common, A Digital Focus