[Case Study] เรียบง่ายแต่ได้ผล เมื่อ Kit Kat จับมือ Android ทำแคมเปญแบบไม่คิดอะไรมาก

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

KitKat-Bench-Nexus-1110x500

แค่เห็นชื่อของ Kit Kat ก็การันตีความสร้างสรรค์จากผลงานโฆษณาที่พวกเขามีมาให้เราเห็นแล้วทั่วโลก ครั้งนี้ Kit Kat ร่วมมือกับ Google ออกแคมเปญสนุกๆ มาเขย่าวงการโฆษณาโลกอีกครั้ง

แคมเปญ ‘Have A Seat’ คือแคมเปญที่ทีมงานจะนำป้ายสีแดงขนาดใหญ่ไปติดที่ป้ายรถเมล์บริเวณอัมสเตอร์ดัมและยูเทชต์ โดยบิลล์บอร์ดดังกล่าวมีเก้าอี้สีแดงยื่นออกมาพร้อมข้อความเชิญชวนให้คุณนั่งพักตรงนี้ หากพักในเวลาที่บิลล์บอร์ดกำหนดไว้คุณจะได้รับมือถือ Nexus 7 ไปฟรีๆ ทั้งนี้ เวลาดังกล่าวจะเป็นเวลาเจาะจงมากอย่าง 13.07 นาฬิกา ดังนั้นจึงมีเพียงคนที่เชื่อและยอมมานั่งเท่านั้นที่จะได้สมาร์ทโฟนไป

httpv://youtu.be/65XFxXlo4OI

มันได้ผลหรือเปล่า?

คงได้ผลในระยะสั้นอย่างดีทีเดียว เพราะเมื่อมีคนยอมสละเวลาขึ้นไปนั่งเพื่อรอเวลาคนอื่นๆ ที่มาทีหลังก็จะยืนมุงเพื่อลุ้นว่าเขาจะได้มือถือฟรีๆ จาก Kit Kat หรือไม่ ถ้าได้แล้วจะได้ด้วยวิธีไหน ขณะที่ฝรั่งมุงก็จะอัดคลิปวีดีโอและนำมันไปเผยแพร่บนโลกโซเชียลมีเดียเพิ่มอีกทางจนมันกลายเป็นไวรัลไป ความชาญฉลาดที่เราเห็นในแคมเปญนี้คือมันผนวกโจทย์ของทั้งสองแบรนด์เข้าด้วยกันอย่างลงตัว คือ Android ก็อยากให้คนรู้จักมือถือ Nexus ขณะที่ Kit Kat ก็ยังคงคอนเซปต์ “เวลาแห่งการพักผ่อน” ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น

ความเกี่ยวพันกับ Android: Android ในประเทศนี้มีคอนเซปต์ว่า “สมาร์ทโฟนที่คุณจะเล่นหลังอาหารหนัก (เหมือนเป็นของหวาน)” เนื่องจาก Android จะเพิ่มความหวานให้กับชีวิตคุณ ขณะที่การร่วมมือกันอย่างดีของสองแบรนด์ยักษ์ใหญ่นี้อาจะเป็นตัวอย่างให้ในอนาคตเราเห็น Jellybean หรือ Ice Cream Sandwich มาร่วมมือกับ Google ต่อเนื่องกันไป

ความเกี่ยวพันกับ Kit Kat: ใครๆ ก็รู้ว่าสโลแกนของ Kit Kat คือ “Have a break, Have a Kit Kat” แม้ว่า Kit Kat เคยออกแคมเปญลักษณะนี้มาก่อน แต่ของรางวัลล่อใจที่เป็น Nexus 7 ก็ทำให้มีคนอยากมาร่วมกิจกรรมมากกว่าปกติ

เล่นกับความเสี่ยง

หากจะบอกว่าแคมเปญนี้ประสบความสำเร็จด้วยฝีมือล้วนๆ คงบอกได้ว่าไม่เชิง มันต้องอาศัยโชคด้วย เพราะแคมเปญที่เอาผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางอาจเกิดความเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้ เช่น ไม่มีใครยอมมาเล่นเลย หรือเกิดฝนตกหนัก แคมเปญอาจแป๊ก ขณะที่อารมณ์ของโฆษณานี้ก็ออกมาในแนว “ใจดี” ทุกคนมีความสุข ไม่เกิดการแย่งเก้าอี้ดนตรีกัน ทำให้ทั้งสองแบรนด์สามารถส่งสารที่ตัวเองต้องการได้อย่างเฉียบคม

เรียบง่ายแต่ได้ผล

หนึ่งปัจจัยที่ทำให้ “Have a Seat” ประสบความสำเร็จคือ มันเล่นกับความเรียบง่าย ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องทำอะไรยุ่งยากเพียงแค่นั่งอยู่บนบิลล์บอร์ดรอคนขับรถเอาของรางวัลมาให้ นอกจากนี้คนอื่นๆ ก็ยังร่วมลุ้นและถ่ายคลิปวีดีโออัพโหลดช่วยอีกทาง อย่างไรก็ตาม หากคุณจะทำแคมเปญลักษณะนี้ต้องเลือกศึกษาผู้บริโภคในประเทศนั้นๆ ให้ดีก่อน (คิดสภาพว่าเอาแคมเปญนี้ไปทำในประเทศจีน…อาจต้องเลือกมณฑลให้ดีเชียว)

Source

 


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
อุ้งทีนหมี
เตาะแตะในโรงเรียนชายล้วนแถวยศเส ก่อนเติบโตต่อในมหาวิทยาลัยริมฝั่งน้ำเจ้าพระยา ที่สุดจับพลัดจับผลูเข้าทำงานในนแวดวงสื่อสารมวลชนมาแล้วกว่า 4 ปี โต้ลมโต้ฝนทั้งในวงการข่าวต่างประเทศ เยาวชน ธุรกิจ การเมือง สังคม ฯลฯ แต่สุดท้ายกลับลำมาหลงรักวงการมาร์เก็ตติ้งที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปขี่จิงโจ้เรียนปริญญาโทมา เลยตัดสินใจหันหางเสือออกสู่การผจญภัยครั้งใหม่อีกสักตั้ง