วันนี้ (14 พ.ค. 2566) ถือเป็นวันที่คนไทยจะได้ใช้อำนาจที่แต่ละคนมีอีกครั้งในการเลือกตั้ง เพื่อหานายกรัฐมนตรีที่จะเข้ามากุมบังเหียนอนาคตของประเทศไทย ซึ่งหลายคนเชื่อว่า นี่จะเป็นอีกครั้งที่คนไทยตื่นตัวอย่างมากในการออกมาใช้สิทธิ์ครั้งนี้ และก็อย่างที่ทราบว่าจำนวนพรรคและผู้สมัครก็ยังคงมีจำนวนมากเช่นเดิม
ในอดีตการนับคะแนนหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง ถือเป็นงานที่หินสุดๆ เพราะเจ้าหน้าที่ที่ต้องนับคะแนน จะต้องนับให้เสร็จทันทีหลังปิดหีบเลือกตั้ง หลายครั้งที่จะเห็นการนับคะแนนแบบข้ามวันข้ามคืน ซึ่งการนับคะแนนแบบมาราธอนอาจก่อให้เกิดความเมื่อยล้า โดยเฉพาะความสับสนเรื่องของคะแนน ซึ่งมีผลอย่างมาก
โดยปีนี้เพื่อลดระยะเวลาการนับคะแนนให้ลดลงและเพิ่มความแม่นยำมากยิ่งขึ้น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จึงได้นำระบบ ECT Report หรือ ระบบรายงานผลคะแนนการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ โดยเน้นความถูกต้อง รวดเร็ว สามารถเห็นผลคะแนนตั้งแต่หน่วยเลือกตั้ง และช่วยให้การนับคะแนนเสร็จและรู้ผลได้ในคืนวันเลือกตั้ง
ซึ่งหลังปิดหีบเลือกตั้ง คณะกรรมการนับคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) ทั่วประเทศ จะเริ่มรวบรวมจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ จำนวนบัตรและเริ่มการนับคะแนน โดยคะแนนของหน่วยเลือกตั้งจะถูกกรอกลงในระบบ ECT Report และจะช่วยให้เห็นภาพรวมการนับคะแนนจากหน่วยเลือกตั้งอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการอัพเดทข้อมูลในระบบทุกๆ 10 – 30 นาที
ทั้งนี้ข้อมูลที่ได้จะถูกส่งไปยัง สถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ (สวข.) ภายใต้การกำกับของ สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ในการรวบรวมคะแนนและนำผลคะแนนไปจัดทำสรุปในรูป Dashboard โดยประชาชน ผู้สมัครฯ พรรคการเมืองและสื่อมวลชน สามารถติดตามผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการได้
โดยสื่อมวลชนสามารถติดตามข้อมูลผลการนับคะแนนในรูปแบบไฟล์ CSV ผ่านทาง Google Share Drive เพื่อนำไปเผยแพร่ข่าวสาร
โดยสรุประบบ ECT Report จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ลดความล้าจากการทำงานอย่างต่อเนื่องประมาณ 15 – 18 ชั่วโมง และด้วยการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ ซึ่งระบบ ECT Report ช่วยลดความเสี่ยงจากความผิดพลาดในการกรอกคะแนนได้ อีกทั้งยังมีจำนวนพรรคการเมืองหรือผู้สมัครฯ จำนวนมาก ซึ่งชื่อมีลักษณะพ้องกันหรือคล้ายกันจำนวนมาก ระบบ ECT Report จะช่วยลดความเสี่ยงความผิดพลาดได้