ในโลกการตลาดยุคใหม่ การสร้างแคมเปญที่ “เปรี้ยง” เพียงชั่วครู่ไม่เพียงพอในการสร้างสายสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ทางโลตัส (Lotus’s) จึงเดินเกมกลยุทธ์ใหม่ กับการสื่อสารผ่าน Pop Culture ขยายฐานลูกค้าใหม่สู่ Gen-Z และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่วันนี้อยากพาไปเจาะลึกกัน
จากห้างค้าปลีกสู่ไลฟ์สไตล์แบรนด์ จุดเปลี่ยนเชิงกลยุทธ์ของโลตัส
เชื่อว่า ‘โลตัส’ นั้นเป็นแบรนด์ที่คุ้นหูสำหรับทุกคนกันดีอยู่แล้ว ในฐานะไฮเปอร์มาร์เก็ตและซูเปอร์มาร์เก็ต ที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน แต่ในวันนี้โลตัสกำลังขับเคลื่อนแบรนด์ให้เข้าใกล้ผู้บริโภคขึ้นไปอีกขั้น โดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่ โดยใช้ Pop Culture เป็นจุดร่วมในการสื่อสารระหว่างแบรนด์และลูกค้า ผ่านดนตรี แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ ไปจนถึงสื่อสังคมออนไลน์
ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา โลตัสได้สร้างจุดเปลี่ยนสำคัญด้วยการดึงกลุ่มศิลปิน T-Pop ชื่อดังมาเป็น Friends of Lotus’s ถึง 2 วง ได้แก่ NexT1DE และ PERSES ซึ่งจะเป็นพันธมิตรในการสื่อสารแบรนด์อย่างเป็นทางการ สะท้อนการทำงานของแบรนด์ที่มีข้อมูลผู้บริโภคเชิงลึก มีความเข้าใจเทรนด์วัฒนธรรมร่วมสมัย และมีเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของแบรนด์ที่ชัดเจน
T-Pop กับอิทธิพลต่อ Gen Z และนักท่องเที่ยว
ในยุคปัจจุบัน T-Pop เป็นเหมือนวัฒนธรรมที่ฝังตัวในวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ซึ่งเป็นผู้ขับเคลื่อนวัฒนธรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ทั้งยังมีความเชื่อมโยงสูงกับโซเชียลมีเดีย
การเลือก NexT1DE ซึ่งมีสมาชิกชาวไทยและจีน และมีจุดเริ่มจากรายการ Chuang Asia: Season 2 ซึ่งนอกจากการดึงฐานแฟนคลับในประเทศ ยังต่อยอดไปถึงกลุ่มแฟนคลับในเอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สอดคล้องกับสิทธิประโยชน์ของ Tourist Card จากโลตัสที่มอบความพิเศษโดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวมากมาย เช่น ด้านความบันเทิง และการทำกิจกรรมต่าง ๆ ไปจนถึงการชอปปิ้งในไทยอย่างคุ้มค่า
ขณะเดียวกัน PERSES วง T-Pop จากค่าย G’NEST ถูกเลือกมาร่วมเปิดตัวแคมเปญ “Lotus’s Shop Online ใจถึงทุกเรื่องช้อป” ซึ่งตอบโจทย์พฤติกรรมแบบ “ด่วน-ง่าย-คุ้ม” ของคนรุ่นใหม่อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อสินค้าส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำได้ในแอปเดียว ความรวดเร็วในการได้รับสินค้า หรือความคาดหวังในการได้รับโปรโมชั่นแบบเรียลไทม์
จากศิลปินสู่การสร้างประสบการณ์แบรนด์
สิ่งที่ทำให้แคมเปญของโลตัสแตกต่าง คือการทำงานร่วมกับศิลปินในฐานะ “เพื่อนร่วมภารกิจแบรนด์” โดยให้มีบทบาทเป็นสะพานเชื่อมโยงแบรนด์กับแฟนคลับ ผ่านกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ การออกแบบคอนเทนต์เฉพาะกลุ่ม และแคมเปญที่ให้แฟนคลับมีส่วนร่วม สร้างประสบการณ์ไปกับแบรนด์และศิลปิน มากกว่าแค่การชมโฆษณา
ความใส่ใจในประสบการณ์แบบมีส่วนร่วมนี้เอง ที่ทำให้โลตัสเป็นแบรนด์ที่เข้าใจไลฟ์สไตล์ พูดภาษาเดียวกับลูกค้า และกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของลูกค้า
การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วย Consumer Insight
แคมเปญนี้เกิดจากการที่โลตัสทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคผ่านข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำ โลตัสวิเคราะห์และเจาะพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน เช่น
- Gen Z ใช้เวลาบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากกว่า 85%
- นักท่องเที่ยวต่างชาติสนใจดีลสุขภาพและประสบการณ์ท้องถิ่น
- แฟนคลับศิลปินมี Loyalty สูง และพร้อมสนับสนุนแบรนด์ที่ศิลปินสนับสนุน
หลังจากวิเคราะห์แล้ว โลตัสสามารถออกแบบประสบการณ์ที่ “ตรงใจ” มากกว่าแค่ “เข้าถึง” และวางจุดเชื่อมต่อใน Customer Journey ได้อย่างแม่นยำ ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ และในกิจกรรมพิเศษ
T-Pop เป็นแค่จุดเริ่มต้น
สิ่งสำคัญที่ต้องจับตามอง คือแผนต่อยอดหลังจากนี้ของโลตัสจะพัฒนาอย่างไร เพราะการที่ Pop Culture ถูกใช้เป็นเครื่องมือการตลาดไม่ได้หมายความว่าแบรนด์จะหยุดอยู่ที่แคมเปญเดียว
โมเดล “Friends of Lotus’s” สู่รูปการตลาดที่หลากหลาย
- แฟนด้อมคอมเมิร์ซ (Fandom Commerce): การร่วมกันออกสินค้า Limited Edition ระหว่างโลตัสและศิลปิน
- ดิจิทัลเอ็กซ์พีเรียนซ์ (Digital Experience): การสร้างโลกเสมือน (Virtual Event, VR Tour) ที่มีแบรนด์โลตัสเข้าไปอยู่ในชีวิตแฟนคลับ
- การจับมือกับ Content Creator หรือ T-Pop ฝั่งหญิง: เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายให้กว้างขึ้น
กรณีศึกษาของโลตัสคือเครื่องพิสูจน์ว่าการตลาดที่ฟังเสียงผู้บริโภคอย่างแท้จริงสามารถเปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์ สร้างความรู้สึกผูกพัน และผลักดันให้เกิดยอดขายได้พร้อมกันในคราวเดียว
การเลือกใช้ Pop Culture จึงเป็นเหมือนการวางหมากเชิงกลยุทธ์ที่มองเห็นศักยภาพของ “ป๊อปคัลเจอร์” ในการสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์กับคนรุ่นใหม่อย่างลึกซึ้ง