‘เน็ตฟลิกซ์’ ทุ่ม 200 ล้าน ปั้นออริจินัลคอนเทนต์ไทย 20 เรื่อง ใน 4 ปี ผลตอบรับดี สะท้อนความนิยมอุตสาหกรรมบันเทิงไทย โตระดับ Global

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

 

รายงาน “เน็ตฟลิกซ์ในประเทศไทย: พลังขับเคลื่อนอนาคตจากการเล่าเรื่องท้องถิ่น” เผยว่าเพียงระยะเวลา 3 ปี (2564–2567) เน็ตฟลิกซ์ลงทุนในคอนเทนต์ไทยกว่า 200 ล้านดอลลาร์ ผลลัพธ์คือออริจินัลไทยกว่า 20 เรื่อง และงานสร้างสรรค์กว่า 13,500 ตำแหน่ง 

การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนโมเดลที่น่าสนใจสำหรับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในไทย เพราะไม่ใช่แค่การผลิตคอนเทนต์เพื่อความบันเทิง แต่คือการสร้างระบบนิเวศ (ecosystem) ที่ดึงดูดทั้งบุคลากรและทรัพยากรใหม่เข้าสู่วงการ

 

คอนเทนต์ไทยบนเวทีโลก

 

สิ่งที่โดดเด่นคือความสำเร็จในระดับสากล: 15 จาก 20 ออริจินัลไทยติดอันดับ Global Top 10 สำหรับคอนเทนต์ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ และมียอดรับชมรวมกว่า 750 ล้านชั่วโมงบนแพลตฟอร์ม ตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ถึงความเปลี่ยนแปลงสำคัญ—ผู้ชมทั่วโลกเริ่มเปิดรับการเล่าเรื่องที่มาจากท้องถิ่น ไม่จำกัดอยู่เพียง Hollywood หรือเกาหลีใต้ที่เคยครองตลาด

ในเชิงกลยุทธ์ การที่เน็ตฟลิกซ์ดันคอนเทนต์ไทยขึ้นเวทีโลก เท่ากับยืนยันว่าตลาดโลกกำลังต้องการ “วัฒนธรรมใหม่” (Cultural Diversity in Entertainment) ซึ่งเป็นโอกาสที่แบรนด์และนักการตลาดไทยสามารถนำไปต่อยอดได้ เช่น การสร้างแคมเปญร่วมกับซีรีส์ไทยที่ดังในต่างประเทศ หรือการออกสินค้าและบริการที่อิงกับสถานที่ถ่ายทำจริงเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว

 

การพัฒนาทักษะและทุนมนุษย์

 

 

รายงานระบุว่า นอกจากการผลิตคอนเทนต์ เน็ตฟลิกซ์ยังลงทุนกับบุคลากรท้องถิ่นอย่างจริงจัง ผ่านโครงการ Reel Life Camp ที่ฝึกอบรมผู้สร้างสรรค์รุ่นใหม่กว่า 145 คน รวมถึงโครงการพัฒนาทักษะด้านเทคนิคของทีมโปรดักชันกว่า 500 คน สิ่งนี้เป็นบทเรียนสำคัญต่อธุรกิจไทย

 

  • การลงทุนใน “ทุนมนุษย์” (Human Capital) สร้างความยั่งยืนมากกว่าการทุ่มเงินกับเครื่องมือ
  • การเชื่อมโยงโครงการฝึกอบรมกับเป้าหมายชาติ เช่น One-Family-One-Soft Power (OFOS) ทำให้เกิดแรงหนุนจากภาครัฐและนโยบายสาธารณะ

นี่คือโมเดลที่ธุรกิจอื่น ๆ สามารถนำไปปรับใช้ การสร้างแบรนด์ไม่ใช่แค่การสื่อสาร แต่คือการสร้าง talent pipeline ที่แข็งแรงในอุตสาหกรรมที่ตนเกี่ยวข้อง

 

คอนเทนต์กับการท่องเที่ยว: จากจอภาพสู่เศรษฐกิจจริง

 

หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจที่สุดคือผลกระทบต่อการท่องเที่ยว คอนเทนต์ไทยหลายเรื่อง เช่น สืบสันดาน ที่ทำให้ Chateau De Khaoyai กลายเป็นจุดหมายใหม่ หรือ ถ้ำหลวง: ภารกิจแห่งความหวัง ที่ผลักดันถ้ำหลวงสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม การเชื่อมโยงคอนเทนต์กับสถานที่จริงได้กลายเป็น “คอนเทนต์–ท่องเที่ยว ซินเนอร์จี้” (Content–Tourism Synergy) ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย Amazing Thailand Grand Tourism and Sports 2025

ในเชิงการตลาด นี่คือกรณีศึกษาว่าการเล่าเรื่อง (Storytelling) สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคได้จริง และสามารถต่อยอดเป็นโมเดลรายได้ใหม่ เช่น การจัดทัวร์ตามรอยซีรีส์ หรือการใช้โลเคชันในแคมเปญการตลาด

 

มุมมองเชิงกลยุทธ์ต่ออนาคต

 

 

จากกรณีศึกษาเน็ตฟลิกซ์ เราสามารถสรุปเป็นองค์ความรู้เชิงธุรกิจได้ว่า

 

  1. Content as Soft Power – คอนเทนต์ท้องถิ่นไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่เป็น “สินทรัพย์เชิงกลยุทธ์” ที่สามารถสร้างมูลค่าในระดับเศรษฐกิจมหภาค
  2. Talent Development as Marketing – การพัฒนาคนไม่ใช่ CSR แต่คือการลงทุนทางการตลาดในระยะยาว
  3. Cross-Industry Synergy – คอนเทนต์สามารถสร้างการเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมอื่น เช่น การท่องเที่ยว การศึกษา หรือแฟชั่น ได้อย่างมีนัยสำคัญ

 

การที่เน็ตฟลิกซ์ลงทุน 200 ล้านดอลลาร์ในคอนเทนต์ไทย ไม่ได้เป็นเพียงการสร้างซีรีส์และภาพยนตร์ แต่คือการสร้างระบบนิเวศที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทย การลงทุนนี้สอดคล้องกับแนวโน้มโลกที่ผู้ชมต้องการ “ความหลากหลายของเรื่องราว” และแสดงให้เห็นว่าคอนเทนต์ท้องถิ่นสามารถเป็นสินทรัพย์ทางธุรกิจที่ทรงพลัง


  •  
  •  
  •  
  •  
  •