5 วิธีในการกู้ชีพ Marketing Strategy ที่ล้มเหลว

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

 

Marketing Strategy ที่ล้มเหลวไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในโลกธุรกิจ หลายองค์กรเคยผ่านจุดที่งบประมาณถูกใช้ไปอย่างไร้ทิศทาง ยอดลูกค้าใหม่ลดลงต่อเนื่อง และผู้บริหารเริ่มตั้งคำถามถึงคุณค่าที่แท้จริงของฝ่ายการตลาด สิ่งที่น่าสนใจคือการพลิกฟื้นสถานการณ์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการทุ่มงบเพิ่มหรือเครื่องมือใหม่ราคาแพง แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจที่กล้าหาญและมองข้ามวิธีการเดิมที่กลายเป็นกับดักโดยไม่รู้ตัว

1 ในจุดเปลี่ยนสำคัญคือการยกเลิกการใช้ช่องทางที่ดูเหมือนจะทำงานได้ดีที่สุด หากวัดเพียงตัวเลขเชิงผิวเผิน เช่น ค่า CPC ที่ดู “มาตรฐาน” หรืออัตราการคลิกที่น่าพอใจ หลายองค์กรอาจเข้าใจว่านี่คือผลลัพธ์ที่ดี แต่หากขุดลึกลงไปจะพบว่าคลิกจำนวนมหาศาลนั้นแทบไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนเป็นลูกค้าจริงเลย การใช้เงินเพื่อซื้อเพียงภาพลวงตาของความสำเร็จย่อมไม่ยั่งยืน การตัดงบจากช่องทางที่ให้เพียงตัวเลขสวยงามแต่ไร้คุณค่าทางธุรกิจ และนำไปเพิ่มในช่องทางที่แม้เล็กแต่สร้างการเปลี่ยนแปลงจริง กลายเป็นก้าวที่ทำให้คุณภาพของลูกค้าและค่าใช้จ่ายต่อการได้ลูกค้าดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

อีกการเปลี่ยนแปลงที่ทรงพลังคือการกลับไปหาความจริงจากลูกค้าตัวจริงแทนการยึดติดกับ “Persona” ที่สร้างขึ้นเอง โลกการตลาดที่เคยหลงใหลกับการตั้งชื่อและแต่งเรื่องราวของลูกค้าในจินตนาการ แต่การพูดคุยกับผู้ใช้จริงเพียงไม่กี่คำถามกลับเผยให้เห็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า เช่นเหตุผลที่พวกเขาเลือกแบรนด์ หรืออุปสรรคที่เกือบทำให้ไม่ตัดสินใจซื้อ และสิ่งที่ต้องการให้ปรับปรุง การใช้คำพูดของลูกค้าจริงมาเป็นภาษาการตลาดทำให้ข้อความตรงใจยิ่งขึ้น ทำให้ผลลัพธ์อย่างอัตราการเปิดอีเมลที่สูงขึ้นทันที สะท้อนถึงพลังของการฟังเสียงตลาดจริง

ความแตกต่างก็เป็นอีกกุญแจที่มักถูกตีความผิด หลายบริษัทพยายามทำให้ตนเอง “แตกต่างเล็กน้อย” แต่ยังคงอยู่ในกรอบเดียวกับคู่แข่ง ผลคือทุกแบรนด์กลับคล้ายกันไปหมด การตลาดที่เลือกแสดงออกถึงบุคลิกแท้จริงขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ขัน ความตรงไปตรงมา หรือการยอมเล่าความผิดพลาด กลับสร้างความรู้สึกจริงใจและทำให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อมโยงมากขึ้น ความแปลกที่แท้จริงของแบรนด์จึงไม่ใช่สิ่งที่ควรซ่อน แต่ควรนำมาเป็นจุดขายที่โดดเด่น

 

 

อีกด้านหนึ่ง การผลิตเนื้อหาแบบไม่หยุดหย่อนกลายเป็นดาบสองคม หลายองค์กรสะสมบทความ บทวิเคราะห์ และสื่อสารรูปแบบต่างๆ จนเต็มเว็บไซต์ แต่แทบไม่มีชิ้นใดที่สร้างผลลัพธ์จริง การกล้าลบเนื้อหาที่ไม่ทำงานออกไปและโฟกัสเฉพาะผลงานคุณภาพสูงกลับทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ชัดเจนขึ้น ไม่เพียงไม่กระทบ SEO แต่ยังช่วยเพิ่มปริมาณการเข้าถึงอย่างเป็นธรรมชาติ เนื้อหาที่คัดสรรและปรับปรุงให้มีคุณภาพเหนือกว่าคือหัวใจสำคัญที่สร้างผลลัพธ์ระยะยาว

สุดท้ายคือการเลิกยึดติดกับการสอดส่องคู่แข่งอย่างหมกมุ่น การเลียนแบบสิ่งที่คนอื่นทำอาจทำให้แบรนด์ไม่ต่างอะไรจากเงาสะท้อนคู่แข่งที่จะยิ่งเหมือนไปใหญ่ การหันออกไปมองอุตสาหกรรมที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงย่อมให้ผลที่ดีกว่า เช่น โรงเบียร์ท้องถิ่น เกมอินดี้ หรือร้านอาหารที่มีฐานแฟนเหนียวแน่น ทำให้ได้แนวคิดใหม่ที่สามารถปรับใช้กับธุรกิจได้จริง การสร้างชุมชนลูกค้าผ่านโปรแกรมพิเศษหรือช่องทางสื่อสารใกล้ชิด รวมถึงการใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ เช่น ขอบคุณด้วยการ์ดเขียนมือ ล้วนสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าการแข่งขันด้วยโปรโมชั่นเพียงอย่างเดียว

ผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่ใช่แค่ตัวเลขสวยงามในรายงาน แต่คือการพลิกภาพลักษณ์ของฝ่ายการตลาดจากผู้ถูกตั้งคำถามไปสู่การเป็นกำลังหลักในการเติบโตขององค์กร ทั้งการเพิ่มโอกาสการขาย การลดต้นทุนต่อการได้ลูกค้า การยืดอายุการใช้งานของลูกค้า และการสร้างความภักดีที่จับต้องได้ ทุกอย่างเกิดจากการกล้าหยุดทำสิ่งที่ไม่เวิร์กและหันไปทดลองสิ่งใหม่ที่หลายครั้งดูแปลกตา

เรื่องนี้สะท้อนว่ากลยุทธ์ทางการตลาดไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดงบประมาณหรือจำนวนเครื่องมือ แต่ขึ้นอยู่กับการมองเห็นความจริง ฟังเสียงลูกค้าอย่างแท้จริง และเลือกเส้นทางที่ต่างไปจากเดิมในจังหวะที่เหมาะสม เมื่อแบรนด์ยอมรับความแปลกเฉพาะตัว ลดสิ่งที่เกินความจำเป็น และหันไปสร้างคุณค่าที่ลูกค้าต้องการจริง การพลิกฟื้นจากกลยุทธ์ที่ล้มเหลวจึงไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน แต่คือโอกาสในการสร้างความแข็งแรงระยะยาวของธุรกิจ


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
Molek
Head of Strategic Marketing ใน Integrated Service Agency ที่หนึ่ง ผู้หลงใหลในหลาย ๆ ที่มีความอยากรู้และเรียนรู้ในเรื่อง Startup, นวัตกรรม, การตลาด จากมุมมองหลาย ๆ ด้านและวัฒนธรรมของแบรนด์ต่าง ๆ