4 บทเรียนการตลาดจาก Hello Kitty

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

hello kitty

ทราบหรือไม่ว่าแมวสามารถมีอายุได้ถึง 16 ปีโดยประมาณ ซึ่งแตกต่างจาก Hello Kitty แมวเหมียว (ที่ไม่ใช่แมว) ขวัญใจคนทั่วโลกที่เพิ่งจะฉลองอายุครบ 40 ปีไปเมื่อไม่นานมานี้ เรียกได้ว่า Hello Kitty อยู่เคียงคู่กับเรามายาวนาน โดยมีสินค้าต่างๆ มากมายที่ทยอยกันออกมาเพื่อเอาใจคนรักคิตตี้

ซึ่งบทความนี้จะอธิบายถึง 4 บทเรียนที่คุณสามารถเรียนรู้จากแบรนด์ Hello Kitty ได้ แม้จะเป็นแมวเหมียวที่อยู่มานาน แต่ทำอย่างไรให้ Hello Kitty ยังเป็นของใหม่ สร้างความตื่นเต้นได้อยู่ตลอดเวลา

บทเรียนที่ 1 : ต้องรู้จักรุก และพัฒนาตัวเองตลอดเวลา

ถ้าลองสังเกตดีๆ ตลอดระยะเวลาที่คุณรู้จัก Hello Kitty มา แทบจะไม่มีช่วงใดเลยที่คิตตี้มีรูปลักษณ์เปลี่ยนไป นอกจากการเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย นั่นก็เพราะ Sanrio บริษัทผู้สร้าง Hello Kitty นั้นไม่พยายามจะเปลี่ยนอะไรเลย แม้คิตตี้จะเคยติดอันดับตัวการ์ตูนที่มีคาแร็กเตอร์โดดเด่น 3 อันดับแรกในประเทศญี่ปุ่นก็ตาม และในปัจจุบันยังต้องแข่งขันกับตัวการ์ตูนจากดิสนีย์ และอะนิเมะต่างๆ

ประเด็นสำคัญคือ Sanrio พยายามปฏิวัติแบรนด์ให้มีความทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ปรับเปลี่ยนไปตามเทศกาล ตามโอกาสพิเศษต่างๆ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าบริษัททำเพื่อความอยู่รอด แต่นี่เป็นการตลาดเชิงรุกที่แสดงให้เห็นว่าบริษัทพร้อมจะรับกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ซึ่งความพยายามเหล่านี้จะเห็นผลหรือไม่ก็ดูได้จากการตอบรับของแฟนใหม่ๆ

บทเรียนที่ 2 : อย่ากลัวที่จะทดลองสิ่งใหม่

ความได้เปรียบขององค์กรขนาดใหญ่คือ งบประมาณสำหรับการพัฒนาหรือทดลองสิ่งใหม่ๆ ถ้าบริษัทของคุณไม่เคยลองอะไรใหม่ๆ เลย ในระยะยาวผู้บริโภคก็มองว่าสินค้าของคุณนั้นน่าเบื่อเกินไป

ซึ่ง Hello Kitty มีแผนที่จะพัฒนาแบรนด์ และพัฒนาแนวคิดใหม่ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ในปีหน้า Sanrio มีแผนจะเปิดตัว Hello Kitty Men โดยจะวางจำหน่ายในสหรัฐฯ และแคลิฟอร์เนียใต้ จะเห็นได้ว่า Sanrio พยายามจะสร้างตัวการ์ตูนใหม่ๆ และใช้ Hello Kitty สนับสนุนกลยุทธ์เดิมของพวกเขา โดยกลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยให้บริษัทมีโอกาสเจาะตลาดใหม่ได้อีกมาก

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น เมื่อบริษัทได้ทดลองออกสินค้าใหม่ ก็จะมีผลตอบรับทั้งในด้านที่ดีและไม่ดี เนื่องจาก Sanrio เป็นบริษัทขนาดใหญ่ทำให้พวกเขามีเวลาที่จะผลิตสินค้าใหม่นาน ซึ่งบางครั้งอาจจะล่าช้าไปบ้าง และใช้เม็ดเงินในการพัฒนาสูง แน่นอนว่าพวกเขามีเงินทุนสำรองสำหรับเรื่องนี้อยู่แล้ว แม้โปรเจ็คใหม่เหล่านี้จะไม่ได้ผลตอบรับที่ดีก็ตาม

บทเรียนที่ 3 : ห้ามลืมแฟนพันธ์แท้

คุณอาจเคยเห็นบางบริษัทที่ตั้งหน้าตั้งตาพัฒนาสินค้า เปลี่ยนโฉมอย่างสิ้นเชิง จนลืมนึกถึงแฟนพันธ์แท้ของบริษัท เราไม่ได้บอกว่าการพัฒนาสินค้าเป็นเรื่องไม่ดี แต่ถ้าความพยายามเหล่านี้ส่งผลเสียต่อธุรกิจและแฟนผู้จงรักภักดีต่อสินค้าคุณ มันคงไม่คุ้มที่จะเปลี่ยนแปลงเท่าไรนัก

Hello Kitty ได้ใช้กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อดึงดูดความสนใจจากบรรดาแฟนพันธ์แท้ของแบรนด์ และในเวลาเดียวกันก็จะสร้างฐานแฟนรุ่นใหม่ด้วย ยกตัวอย่างเช่น Sanrio ได้ร่วมมือกับพิพิธภัณฑ์ หรือหน่วยงานสำหรับจัดงานนิทรรศการ เพื่อแสดงผลงานให้แฟนๆ ได้รู้จัก และตอนนี้ Sanrio ยังได้ทำเครื่องหมายเพื่อฉลองครบรอบ 40 ปีของ Hello Kitty นอกจากนี้ Japanese American National Museum ในลอสแองเจลิส ยังได้ใช้ Hello Kitty เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างงานศิลปะอีกด้วย

ในขณะเดียวกัน คุณอาจมองว่าบริษัทแทบไม่ได้พัฒนานวัตกรรมอะไรเลย แม้กระทั่งการพัฒนารูปลักษณ์ภายนอก แต่สิ่งที่ Sanrio ทำนั้นคือการเผยแพร่วัฒนธรรม Hello Kitty ไปสู่แฟนพันธ์แท้ทั่วโลกนั่นเอง

บทเรียนที่ 4 : การโฆษณาแบบปากต่อปากเป็นเครื่องมือที่ดีเสมอ

สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Hello Kitty คือเทคนิคทางการตลาด ที่อาศัยการโฆษณาแบบปากต่อปาก เพื่อสร้างความสนใจให้สินค้า ยกตัวอย่างเช่น Sanrio ได้ผลิตสินค้าเพื่อมอบให้เหล่าคนดังเป็นจำนวนมาก โดยในปี 2009 บริษัทได้ร่วมงานกับเลดี้ กาก้า ด้วยการทำชุดจากตุ๊กตา Hello Kitty เพื่อใช้สำหรับการถ่ายภาพ นอกจากนี้ยังมีบริทนีย์ สเปียร์ส และมารายห์ แครี่ ที่ใช้สินค้า Hello Kitty ในที่สาธารณะ หรือแม้แต่กระทั่ง นักร้องสาวเอวิล ลาวีน ก็มีเพลงที่ชื่อ Hello Kitty
ด้วยกลยุทธ์เหล่านี้ทำให้คนส่วนใหญ่รู้จัก Hello Kitty มากขึ้น ผ่านการโปรโมทจากดาราและนักร้องชื่อดังระดับโลก เจ้าของธุรกิจที่ต้องการประสบความสำเร็จแบบเดียวกันนี้ ก็ควรพยายามใช้สื่อเชื่อมต่อกับผู้มีอิทธิพลเพื่อแพร่กระจายแบรนด์ของคุณไปสู่คนกลุ่มใหม่ๆ

ในส่วนของประเทศไทยก็มีการทำตลาดแบบนี้เช่นกัน จะเห็นได้จากดารา นักร้อง บุคคลที่เป็นที่รู้จัก จะโปรโมทสินค้าผ่านช่องทางของตัวเอง เช่น Instagram Facebook และ Twitter

Hello Kitty เป็นตัวการ์ตูนที่มียอดจำหน่ายสูงมานานหลายทศวรรษ เนื่องจากเป็นแบรนด์ที่ผลิตสินค้าคุณภาพ และมีทีมการตลาดที่เชี่ยวชาญ ซึ่งทั้งองค์กรก็พร้อมจะปรับตัวตลอดเวลา ไม่มีสูตรสำเร็จทางการตลาดที่ตายตัว อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะใช้แนวทางเดียวกันแล้วได้ผลเหมือนกัน แต่ถ้าลองศึกษาและนำทั้ง 4 บทเรียนมาประยุกต์กับองค์กรของตัวเอง แล้ว โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็มีมากขึ้น ดังนั้น สุขสันต์วันเกิด Hello Kitty สำหรับการครบรอบ 40 ปี มาเรียนรู้ไปกับ Hello Kitty กันเถอะ

แหล่งที่มา


  •  
  •  
  •  
  •  
  •