4 ความเข้าใจผิดทางจิตวิทยาที่ส่งผลต่อการทำการตลาด

  • 1.2K
  •  
  •  
  •  
  •  

การสร้างการตลาดที่สามารถดึงดูดและรักษาความสนใจของผู้คนเอาไว้ได้ เป็นจุดมุ่งหมายเป็นอย่างแรก ๆ ของการทำการตลาดในตอนนี้เลย ถ้าผู้คนไม่ให้ความสนใจก็จะไม่ได้สามารถเกิด funnel ต่อ ๆ มาของการขายได้เลย ทำให้นักการตลาดต่างมุ่งหมายที่จะสร้างความสนใจเอาไว้ให้ได้ ซึ่งในความจริงแล้ว สมองและพฤติกรรมของมนุษย์นั้นไม่ได้ทำงานแบบนั้น ซึ่งนี้เป็นหนึ่งในความเชื่อแบบหนึ่งของนักการตลาดที่เชื่อกันมาอย่างผิด ๆ จากการอ่านไม่ครบหรือไม่ได้อ่านต้นฉบับงานวิจัยนี้เอง

ในหลาย ๆ ครั้งนักการตลาดก็มีตวามเชื่ออะไรแบบผิด ๆ โดยเฉพาะความเชื่อในเชิงจิตวิทยาที่เอาตัวเองเป็นที่ตั้งว่าคนอื่น ๆ หรือ consumer จะคิดเหมือนตัวเอง แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วสมองของมนุษย์ไม่ได้ทำงานเหมือนกัน เพราะประสบการณ์ในการเรียนรู้และสภาพแวดล้อมทางสังคมที่หล่อหลอมมานั้นแต่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลย ทำให้การที่เราเอาประสบการณ์ตัวเองเป็นที่ตั้งในการทำการตลาดหรือมาใช้เป็น insight นั้นอาจจะผิดทางเลยก็ได้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้นักการตลาดนั้นตกอยู่ในหลุมพลางของตัวเอง การเข้าใจความเข้าใจผิดทางจิตวิทยาที่พูด ๆ กันมานั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากที่จะทำให้นักการตลาดนั้นสามารถทำงานได้ถูกต้องได้ ซึ่งวันนี้ผมมีความเชื่อที่ผิด 4 เรื่องใหญ่ ๆ มาสร้างความเข้าใจกัน

1. Message ต้องแสดงให้ชัด แบรนด์ต้องออกชัดเจน เพื่อที่จะได้ดึงควสามสนใจของผู้ชมได้ : ความเข้าใจนี้เป็นความเข้าใจผิดหลัก ๆ ที่เกิดขึ้นในนักการตลาดทุกคนและคนทำเอเจนซี่เลยด้วยซ้ำ ด้วยการที่เอาการรับรู้และวิธีคิดของตัวเองเป็นที่ตั้งว่า โฆษณาหรือการตลาดตัวเองแบรนด์ต้องเด่น ๆ แบรนด์ต้องออก จะสามารถสร้างความสนใจและดึงดูดให้ผู้บริโภคสนใจได้ แต่จากงานวิจัยในปี 2008 โดย Naotsugu Tsuchiya และ Dr. Christof Koch ค้นพบว่าความสนใจของมนุษย์นั้นทำงานในรูปแบบที่แตกต่างกันอย่างมาก โดยนักวิจัยพบว่าผู้บริโภคนั้นสามารถถูกโน้มน้าวโดยโฆษณาต่าง ๆ ได้ แม้ว่าจะให้ความสนใจน้อยมากต่อโฆษณานั้นเช่นกัน ซึ่งนักวิจัยได้ทำการวิจัยลึกลงไปจนค้นพบว่าเมื่อทำให้อาสาสมัครสนใจโฆษณาแบบจริงจัง จะพบการโน้มน้าวที่น้อบกว่าแบบที่ให้ความสนใจน้อยมาก เพราะสมองของมนุษย์จะตั้งการ์ดป้องกันการรับรู้ข้อมูลต่าง ๆ ทันที ต่างกันแบบแรกทรี่ไม่ได้ให้ความสนใจ สมองมนุษย์จะรับข้อมูลทุกอย่างแบบ Passive ทำให้ข้อความทางการตลาดเข้าสู่สมองได้ดีกว่า การตั้งใจดูอย่างมากเยด้วยซ้ำ

httpv://www.youtube.com/watch?v=S3VB3G4UaAk

2. การทำการตลาดให้ดี ต้องให้จดจำได้ : เป็นอีกความเข้าใจผิดที่ฮิตเช่นกันว่าการทำการตลาดให้ประสบความสำเร็จนั้น ต้องทำให้สมองของมนุษย์นั้นจดจำโฆษณาต่าง ๆ หรือ message ที่ต้องการสื่อออกไปให้ได้ ซึ่งนักการตลาดคิดว่าเมื่อฉายโฆษณาที่ซึ้ง storytelling ที่ดี หรือมี production อลังการ แล้วจะทำให้คนนั้นจดจำได้ แต่เอาเข้าจริงแล้ว สมองของมนุษย์ทำงานแตกต่างกันไปเลย การสร้างความทรงจำของมนุษย์นั้นไม่ได้ทำงานแบบเห็นภาพแล้วจดจำ แต่เกิดจากการประกอบกันของหลาย ๆ อย่างเช่น สภาพแวดล้อม สิ่งที่กำลังทำ หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัว มาปะติดปะต่อในเครือข่ายของสมองออกมาเป็นความทรงจำ ดังนั้นการทำการตลาดนั้นจะไม่เวิร์คเลยถ้าทำอะไรในครั้งเดียว เหตุการณ์เดียวแล้วจะได้ผล แต่ต้องเกิดขึ้นจากการทำให้เกิดการสร้างความทรงจำแบบปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน ด้วยการใช้วิธีการหลาย ๆ แบบเข้าด้วยกัน

httpv://www.youtube.com/watch?v=Rc1momNoZ6g

3. ต้องสร้างอะไรให้มี Emotional เพื่อจะได้เกิด emotional ต่อผู้บริโภค : ความเชื่อนี้น่าจะเกิดขึ้นในนักการตลาดไทยเยอะมาก ด้วยการทำอะไรที่ emotional แล้วจะสามารถสร้าง emotional ต่อกลุ่มเป้าหมายขึ้นมาได้ ที่ผ่านมาเราจึงเห็นโฆษณาน้ำตาแตกมากมายที่ออกมา ในความเป็นจริงแล้วนี้เป็นความจริงเพียงส่วนหนึ่งเพราะแม้ว่ามนุษย์จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจเป็นส่วนใหญ่ แต่ในอารมณ์นั้นก็ยังซ้อนเหตุผลอยู่มากมายในเบื้องหลังอีกด้วย ในความเป็นจริงนักการตลาดไม่จำเป็นต้องมาสร้างโฆษณาที่ใช้ emotional น้ำตาแตกมากมาย แต่สามารถสร้างการสื่อสารที่เอา Emotional ไปแทรกอยู่ก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกดีใจในการใช้งาน ความรู้สึกเป็นสุข หรือเรื่องราวที่ใช้ความสวยงามของภาพ การใช้เสียงเพลง และการใช้การนำเสนอต่าง ๆ โดยไม่จำเป็นต้องมาสร้างโฆษณาที่สื่อสารตรง ๆ ในเรื่องอารมณ์ต่าง ๆ ขึ้นมาซึ่งวิธีการทำแบบนี้ได้ผลมากกว่าเพราะเข้าสู่สมองในส่วน uncouncious เลยทีเดียว

Figure-4web

4. ผู้บริโภคตัดสินใจด้วยเหตุผล : ในหลาย ๆ ครั้งนักการตลาดมักจะทำ Reason to believe ขึ้นมา เพื่อสร้างเหตุผลจูงใจผู้บริโภคในการซื้อของต่าง ๆ นานา แต่จากงานวิจัยหลากหลายในปัจจุบัน นักวิจัยพบแล้วว่าสมองมนุษย์นั้นทำงานขี้เกียจกว่าที่คิด แถมยังชอบทำอะไรตามอารมณ์อีกด้วย ซึ่งมนุษย์นั้นมีอคติมากมายที่กลายมาเป็นส่วนในการตัดสินใจในการที่จะอุปโภคหรือบริโภคอะไรขึ้นมานั้นเอง ซึ่งทำให้การตลาดในปัจจุบันจึงหันกลับมาทำความเข้าใจมนุษย์ในเชิงพฤติกรรมกันเพิ่มมากขึ้น และพยายามสร้างแนวทางที่จะสามารถในการกระตุ้นให้ผู้บริโภคมาตัดสินใจซื้อได้


  • 1.2K
  •  
  •  
  •  
  •  
Molek
Head of Strategic Marketing ใน Integrated Service Agency ที่หนึ่ง ผู้หลงใหลในหลาย ๆ ที่มีความอยากรู้และเรียนรู้ในเรื่อง Startup, นวัตกรรม, การตลาด จากมุมมองหลาย ๆ ด้านและวัฒนธรรมของแบรนด์ต่าง ๆ