ไม่ว่าในอุตสาหกรรมไหน ไม่ว่าแบรนด์จะขายให้กับผู้บริโภคหรือธุรกิจ ทุกคนยินดีจ่ายแพงขึ้นก็เพื่อสิ่งหนึ่ง — ชื่อเสียง นั้นหมายความว่าชื่อเสียงคือทุนที่สำคัญที่สุดของแบรนด์ หลาย ๆ คนอาจเคยได้ยินวลีคลาสสิก: “ลูกค้าไม่ได้สนใจในแบรนด์ แต่สนใจว่าแบรนด์ทำอะไรให้เขาได้” นั่นคือความจริงของโลกที่หมุนด้วยผลลัพธ์ แต่ในความจริงลึกซึ้งกว่านั้น เพราะหนึ่งสถานการณ์ที่ผู้บริโภคสนใจในแบรนด์อย่างจริงจังนั้นคือ เมื่อผู้บริโภคซื้อสิ่งที่เรียกว่า “ชื่อเสียง“
ผู้บริโภคอยากรู้สึกว่าตัวเองมีรสนิยม มีคลาส และอยู่ในระดับที่เหนือกว่า นั่นคือเหตุผลว่าทำไมแบรนด์อย่าง Louis Vuitton หรือ Hermès จึงสามารถตั้งราคาสูงได้ เพราะลูกค้าซื้อเพื่อบอกโลกรอบข้างว่า “ฉันมีมาตรฐานสูง” — ไม่ใช่แค่ซื้อกระเป๋าหนัง
ชื่อเสียงคือกุญแจสู่ทุกโอกาส
Tim Ferriss พูดไว้ในบทสัมภาษณ์กับ David Perell ได้อย่างน่าฟังว่า: “ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือคือทรัพยากรที่หายากและพังได้ง่ายมาก มันจะมีค่ามากขึ้นเรื่อย ๆ ในโลกอนาคต” และนั่นเป็นเหตุผลที่แบรนด์ควรเริ่มลงทุนในชื่อเสียงตั้งแต่วันนี้
ในความจริงแล้วแบรนด์สามารถแข่งขันด้วยราคาได้โดยการทำสิ่งที่ถูกกว่า แต่หลาย ๆ ครั้ง ผู้บริโภคไม่ได้มองหาสินค้าที่ถูกเสมอ ตัวอย่างเช่น ผู้บริโภคซื้อสินค้าหนึ่งเมื่อมีรายได้ไม่ได้มากพอ เพื่อทำการทดแทนสินค้าที่อยากได้ที่มีราคาสูงกว่า แต่ในวันหนึ่งพอมีเงินมากขึ้นก็สามารถเปลี่ยนไปซื้อแบรนด์ที่อยากได้ที่มีราคาสูงกว่าได้ทันที ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นใคร เช่น นักให้คำปรึกษา เจ้าของร้าน หรือผู้ขายซอฟต์แวร์ หากขายของโดยเน้นแต่ราคาถูก — ลูกค้าจะอยู่กับแบรนด์แค่จนกว่าจะมีเงินซื้อของที่มี “ชื่อเสียง” กว่า
The Long Game of Credibility : ชื่อเสียงไม่ได้สร้างภายในวันเดียว และไม่ได้เกิดจากการทำ Website หรือ Post Social เพียงครั้งสองครั้ง เพราะการสร้างความเชื่อใจ การสร้างแบรนด์ที่ยากกว่าคือการสร้าง ความไว้วางใจ ซึ่งต้องใช้เวลาและการลงทุนระยะยาว ความน่าเชื่อถือชนะทุกกลยุทธ์การขายเพราะผู้บริโภคต้องเลือกว่าจะไว้ใจใคร ในโลกที่เต็มไปด้วยแบรนด์ที่ขายของ ดังนั้นแบรนด์ไหนมีชื่อเสียงมากกว่า แบรนด์นั้นชนะ ลองคิดดูว่าจะซื้อไฟตกแต่งห้องจากแบรนด์ไหน ระหว่าง:
- แบรนด์ที่มีเรตติ้ง0 จากรีวิว 6 รายการ
- หรือแบรนด์ที่มีเรตติ้ง7 จากรีวิวกว่า 1,200 รายการ?
ผู้บริโภคส่วนใหญ่เลือกอันหลัง เพราะรีวิวจำนวนมากให้ “น้ำหนัก” ในการตัดสินใจมากกว่าคะแนนเต็มที่ได้จากคนไม่กี่คน ดังนั้นความน่าเชื่อถือจึงต้องมีทั้ง “คุณภาพ” และ “ปริมาณ” แบรนด์ไหนที่อยากเป็นแบรนด์ที่มีแต่คนแนะนำ เริ่มจากตรงนี้:
- ลงทุนกับคอนเทนต์คุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นบทความ Video หรือ Podcast อย่าโพสต์เพื่อให้ครบวัน แต่โพสต์เพื่อสร้างอิทธิพล คอนเทนต์ที่มีค่าในวันนี้ คือคอนเทนต์ที่มีความคิดเชิงลึก เป็นต้นฉบับ และแสดงจุดยืนของแบรนด์
- อย่ารับทุกโอกาสที่เข้ามา ถ้าคุณเป็น Creator หรือเจ้าของแบรนด์ จะได้รับข้อเสนอความร่วมมือมากมาย เลือกรับเฉพาะแบรนด์หรือโปรเจกต์ที่สอดคล้องกับคุณค่าและจุดยืนของแบรนด์เท่านั้น
- ยึดหลักศีลธรรมอย่างชัดเจน ทุกเนื้อหาที่ Post ควรสะท้อนตัวตนของแบรนด์ ไม่ต้องกลัวว่าความชัดเจนจะผลักผู้บริโภคบางกลุ่มออกไป — เพราะมันจะดึงดูดกลุ่มที่เหมาะกับแบรนด์มากกว่า
- พิสูจน์ทุกสิ่งที่แบรนด์พูด ถ้าแบรนด์บอกว่า 99% ของผู้ใช้ชอบสินค้า อย่าลืมมีข้อมูลอ้างอิง อย่าพูดลอย ๆ เพราะผู้บริโภคเริ่มจับผิดได้ง่ายมากขึ้น
- สะสม Social Proof ตั้งแต่วันแรก ขอรีวิว ขอคำแนะนำ และรวบรวมคำพูดดี ๆ จากลูกค้าเสมอ คำแนะนำจากผู้อื่นมีพลังมากกว่าการโฆษณาด้วยตัวเองหลายเท่า
- ร่วมมือกับผู้อื่น หาพันธมิตรธุรกิจหรือ Creator ที่มีค่านิยมคล้ายกัน และสร้างสิ่งใหม่ร่วมกัน การทำงานร่วมกันช่วยขยายฐานผู้ติดตามและยกระดับชื่อเสียงได้อย่างดี
- แยกแยะระหว่างความนิยมกับความเชี่ยวชาญ การเป็นที่รู้จักไม่เหมือนกับการได้รับความเคารพ ชื่อเสียงที่แท้จริงคือการเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ผู้คนเชื่อถือ ไม่ใช่แค่คนที่มีผู้ติดตามเยอะ
การสร้างชื่อเสียงของแบรนด์ให้มั่นคง เริ่มด้วยการเคารพในสิ่งที่แบรนด์ทำ รักษาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง และเลือกอย่างรอบคอบในทุกการกระทำ และมาจากการกระทำที่ซื่อสัตย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า