อยากคิดเงินลูกค้าแพงขึ้น ลองทำตามวิธีนี้

  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  

 

ไม่ว่าในอุตสาหกรรมไหน ไม่ว่าแบรนด์จะขายให้กับผู้บริโภคหรือธุรกิจ ทุกคนยินดีจ่ายแพงขึ้นก็เพื่อสิ่งหนึ่ง — ชื่อเสียง นั้นหมายความว่าชื่อเสียงคือทุนที่สำคัญที่สุดของแบรนด์ หลาย ๆ คนอาจเคยได้ยินวลีคลาสสิก: “ลูกค้าไม่ได้สนใจในแบรนด์ แต่สนใจว่าแบรนด์ทำอะไรให้เขาได้” นั่นคือความจริงของโลกที่หมุนด้วยผลลัพธ์ แต่ในความจริงลึกซึ้งกว่านั้น เพราะหนึ่งสถานการณ์ที่ผู้บริโภคสนใจในแบรนด์อย่างจริงจังนั้นคือ เมื่อผู้บริโภคซื้อสิ่งที่เรียกว่าชื่อเสียง

ผู้บริโภคอยากรู้สึกว่าตัวเองมีรสนิยม มีคลาส และอยู่ในระดับที่เหนือกว่า นั่นคือเหตุผลว่าทำไมแบรนด์อย่าง Louis Vuitton หรือ Hermès จึงสามารถตั้งราคาสูงได้ เพราะลูกค้าซื้อเพื่อบอกโลกรอบข้างว่า “ฉันมีมาตรฐานสูง” — ไม่ใช่แค่ซื้อกระเป๋าหนัง

 

ชื่อเสียงคือกุญแจสู่ทุกโอกาส

Tim Ferriss พูดไว้ในบทสัมภาษณ์กับ David Perell ได้อย่างน่าฟังว่า: “ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือคือทรัพยากรที่หายากและพังได้ง่ายมาก มันจะมีค่ามากขึ้นเรื่อย ๆ ในโลกอนาคต” และนั่นเป็นเหตุผลที่แบรนด์ควรเริ่มลงทุนในชื่อเสียงตั้งแต่วันนี้

ในความจริงแล้วแบรนด์สามารถแข่งขันด้วยราคาได้โดยการทำสิ่งที่ถูกกว่า แต่หลาย ๆ ครั้ง ผู้บริโภคไม่ได้มองหาสินค้าที่ถูกเสมอ ตัวอย่างเช่น ผู้บริโภคซื้อสินค้าหนึ่งเมื่อมีรายได้ไม่ได้มากพอ เพื่อทำการทดแทนสินค้าที่อยากได้ที่มีราคาสูงกว่า แต่ในวันหนึ่งพอมีเงินมากขึ้นก็สามารถเปลี่ยนไปซื้อแบรนด์ที่อยากได้ที่มีราคาสูงกว่าได้ทันที ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นใคร เช่น นักให้คำปรึกษา เจ้าของร้าน หรือผู้ขายซอฟต์แวร์ หากขายของโดยเน้นแต่ราคาถูก — ลูกค้าจะอยู่กับแบรนด์แค่จนกว่าจะมีเงินซื้อของที่มี “ชื่อเสียง” กว่า

The Long Game of Credibility : ชื่อเสียงไม่ได้สร้างภายในวันเดียว และไม่ได้เกิดจากการทำ Website หรือ Post Social เพียงครั้งสองครั้ง เพราะการสร้างความเชื่อใจ การสร้างแบรนด์ที่ยากกว่าคือการสร้าง ความไว้วางใจ ซึ่งต้องใช้เวลาและการลงทุนระยะยาว ความน่าเชื่อถือชนะทุกกลยุทธ์การขายเพราะผู้บริโภคต้องเลือกว่าจะไว้ใจใคร ในโลกที่เต็มไปด้วยแบรนด์ที่ขายของ ดังนั้นแบรนด์ไหนมีชื่อเสียงมากกว่า แบรนด์นั้นชนะ ลองคิดดูว่าจะซื้อไฟตกแต่งห้องจากแบรนด์ไหน ระหว่าง:

  • แบรนด์ที่มีเรตติ้ง0 จากรีวิว 6 รายการ
  • หรือแบรนด์ที่มีเรตติ้ง7 จากรีวิวกว่า 1,200 รายการ?

 

 

ผู้บริโภคส่วนใหญ่เลือกอันหลัง เพราะรีวิวจำนวนมากให้ “น้ำหนัก” ในการตัดสินใจมากกว่าคะแนนเต็มที่ได้จากคนไม่กี่คน ดังนั้นความน่าเชื่อถือจึงต้องมีทั้ง “คุณภาพ” และ “ปริมาณ” แบรนด์ไหนที่อยากเป็นแบรนด์ที่มีแต่คนแนะนำ เริ่มจากตรงนี้:

 

 

  1. ลงทุนกับคอนเทนต์คุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นบทความ Video หรือ Podcast อย่าโพสต์เพื่อให้ครบวัน แต่โพสต์เพื่อสร้างอิทธิพล คอนเทนต์ที่มีค่าในวันนี้ คือคอนเทนต์ที่มีความคิดเชิงลึก เป็นต้นฉบับ และแสดงจุดยืนของแบรนด์
  2. อย่ารับทุกโอกาสที่เข้ามา ถ้าคุณเป็น Creator หรือเจ้าของแบรนด์ จะได้รับข้อเสนอความร่วมมือมากมาย เลือกรับเฉพาะแบรนด์หรือโปรเจกต์ที่สอดคล้องกับคุณค่าและจุดยืนของแบรนด์เท่านั้น
  3. ยึดหลักศีลธรรมอย่างชัดเจน ทุกเนื้อหาที่ Post ควรสะท้อนตัวตนของแบรนด์ ไม่ต้องกลัวว่าความชัดเจนจะผลักผู้บริโภคบางกลุ่มออกไป — เพราะมันจะดึงดูดกลุ่มที่เหมาะกับแบรนด์มากกว่า
  4. พิสูจน์ทุกสิ่งที่แบรนด์พูด ถ้าแบรนด์บอกว่า 99% ของผู้ใช้ชอบสินค้า อย่าลืมมีข้อมูลอ้างอิง อย่าพูดลอย ๆ เพราะผู้บริโภคเริ่มจับผิดได้ง่ายมากขึ้น
  5. สะสม Social Proof ตั้งแต่วันแรก ขอรีวิว ขอคำแนะนำ และรวบรวมคำพูดดี ๆ จากลูกค้าเสมอ คำแนะนำจากผู้อื่นมีพลังมากกว่าการโฆษณาด้วยตัวเองหลายเท่า
  6. ร่วมมือกับผู้อื่น หาพันธมิตรธุรกิจหรือ Creator ที่มีค่านิยมคล้ายกัน และสร้างสิ่งใหม่ร่วมกัน การทำงานร่วมกันช่วยขยายฐานผู้ติดตามและยกระดับชื่อเสียงได้อย่างดี
  7. แยกแยะระหว่างความนิยมกับความเชี่ยวชาญ การเป็นที่รู้จักไม่เหมือนกับการได้รับความเคารพ ชื่อเสียงที่แท้จริงคือการเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ผู้คนเชื่อถือ ไม่ใช่แค่คนที่มีผู้ติดตามเยอะ

 

 

การสร้างชื่อเสียงของแบรนด์ให้มั่นคง เริ่มด้วยการเคารพในสิ่งที่แบรนด์ทำ รักษาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง และเลือกอย่างรอบคอบในทุกการกระทำ และมาจากการกระทำที่ซื่อสัตย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า


  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  
Molek
Head of Strategic Marketing ใน Integrated Service Agency ที่หนึ่ง ผู้หลงใหลในหลาย ๆ ที่มีความอยากรู้และเรียนรู้ในเรื่อง Startup, นวัตกรรม, การตลาด จากมุมมองหลาย ๆ ด้านและวัฒนธรรมของแบรนด์ต่าง ๆ